“โฆษกพลังแม้ว” ปากดี อ้าง “เอเอสทีวี” ทำผิดเงื่อนไขคำสั่งศาลปกครอง สั่งกรมประชาสัมพันธ์หาช่องฟัน ฟ้องเพิกถอนต่อศาลปกครอง โบ้ยเงิน 2 ล.แค่สร้างกระแสเพิ่มความชอบธรรมในการชุมนุม ขณะเดียวกัน ปัดการปรับโครงการสร้างพรรค ไม่ใช่การสลายขั้ว พร้อมดึงอดีตซาก 111 ทรท.ให้คำแนะนำปรึกษา ย้ำไม่เกี่ยวกับการเมือง
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (12 มิ.ย.) เมื่อเวลา 13.30 น.ที่รัฐสภา ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน แถลงถึงกรณีที่ฝ่ายค้านยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อให้สมาชิกรัฐสภาได้อภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติว่า ถือเป็นเรื่องที่ดีที่จะมีการใช้ระบบรัฐสภามาพูดคุยกัน แต่กรณีที่ ส.ว.ที่มาจากการสรรหายื่นญัตติด้วยนั้น อาจจะดูแคบเกินไป อาจลงพื้นที่รับทราบปัญหาของประชาชนได้ไม่ทั่วถึง แต่รัฐบาลก็ยินดีที่จะมีการใช้ระบบรัฐสภามาแก้ปัญหา
อย่างไรก็ตาม พรรคประชาธิปัตย์เมื่อคิดจะมาใช้ระบบรัฐสภาก็ควรเรียกสมาชิกของพรรคตัวเองที่ไปใช้ระบบนอกสภากลับมาด้วย เพราะเป้าหมายของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้น เป้าหมายเทียม คือ ขับไล่รัฐบาลหรือให้มีการยุบสภา แต่เป้าหมายที่แท้จริงคือ แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯได้ประโยชน์จากการชุมนุมที่ยืดเยื้อ ซึ่งมีอยู่ 2 คน คือ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ได้บริวารจากการเผยแพร่ลัทธิจำลอง และนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ได้รับเงินบริจาคเพื่อไปอุดหนุนเกื้อกูลการออกอากาศของเอเอสทีวี ทั้งๆ ที่ เอเอสทีวี อยู่ในช่วงของการคุ้มครองของศาลปกครอง โดยกรมประชาสัมพันธ์ เป็นโจทก์ฟ้องว่ากระทำผิดกฎหมาย ดังนั้น จะต้องไม่มีการออกอากาศด่าใครทั้งสิ้น แต่ขณะนี้ถือว่าทำผิดเงื่อนไข ดังนั้น กรมประชาสัมพันธ์คงจะต้องดำเนินการ เพื่อขอให้เพิกถอนการคุ้มครองโดยเร็ว
ร.ท.กุเทพ กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีเงินในกล่องขนมจำนวน 2 ล้านบาท ที่มอบให้กับเจ้าหน้าที่ศาลฎีกานั้น เป็นเพียงประเด็นที่พยายามจะก่อกระแสขึ้นมา เพื่อให้เห็นว่ารัฐบาลไปทำอะไรที่ไม่ชอบมาพากล ซึ่งเรารู้สึกว่าเป็นเรื่องที่มีความผิดปกติอย่างมาก เพราะถ้าหากการกระทำดังกล่าวเป็นการหวังผลให้มีการแทรกแซงการทำงานของศาลนั้น ก็ถือว่าโง่เต็มที โดยเฉพาะ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีนั้น โดยสามัญสำนึกแล้วยิ่งไม่น่าจะมีความเป็นไปได้ แต่น่าจะเป็นการพยายามสร้างกระแสให้เห็นว่ามีการแทรกแซง เพื่อเพิ่มความชอบธรรมในการชุมนุมเท่านั้น
“แต่กรณีเงินสินบนที่เสนอให้คุณหญิงจารุวรรณ 100 ล้านบาทนั้น เมื่อมีการเสนอมาให้แล้วทำไมไม่มีการดำเนินการอะไรเลย แล้วแบบนี้คุณหญิงจารุวรรณจะตอบสังคมอย่างไร วันที่คุณหญิงจารุวรรณ เผลอพูดไปว่า เงินที่ส่งให้กับกลุ่มพันธมิตรฯเป็นเงินที่คนอื่นฝากมานั้น มีคำถามตามมาทันที ว่า ทำไม คุณหญิงจารุวรรณ ต้องนำมาส่งมอบให้กับกลุ่มพันธมิตรฯ หากบอกว่าเงินดังกล่าวเป็นของตัวเอง และต้องการบริจาคให้กลุ่มพันธมิตรฯ ถือว่าไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่การไปรับฝากแล้วเอามาให้นั้น ทำให้เกิดความสงสัยตามมา ต้องตอบคำถามนี้ให้ชัดเจน” โฆษกพรรคพลังประชาชน กล่าวชม กกต.ไม่ต้อนรับพันธมิตรฯ
สำหรับยุทธศาสตร์ดาวกระจายของกลุ่มพันธมิตรฯที่ประกาศว่าจะเดินทางไป คตส.ในวันที่ 16 มิ.ย.นั้น ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า ต้องชื่นชมท่าทีของประธาน กกต.ที่ระบุว่า ไม่อยากให้กลุ่มพันธมิตรฯเดินทางไปให้กำลังใจ เพราะจะทำให้ทำงานลำบาก ซึ่งเมื่อเทียบกับคตส.ที่ออกมาให้การต้อนรับด้วยใบหน้าจิ้มแย้มแล้วจะเห็นได้ชัดเจนว่าแตกต่างกันอย่างมาก จึงอยากให้องค์กรอิสระวางตัวเช่นเดียวกับ กกต.
ผู้สื่อข่าวถามว่า เตรียมรับมือกับการอภิปรายของฝ่ายค้านอย่างไรบ้าง ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีเองก็รับฟังอยู่ และคงจะต้องมีการพูดจากันกับส่วนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเรื่องนี้มาใช่เรื่องลำบากอะไร หากทุกฝ่ายเห็นว่าจะสามารถแก้ปัญหาให้กับบ้านเมืองได้รัฐบาลก็ยินดี เพียงแต่เมื่อเชื่อมั่นในระบบสภาแล้ว ก็ขอให้เวทีนี้ศักดิ์สิทธิ์ไม่มีการเล่นแง่ทางการเมืองจนเกินไป ทั้ง ส.ว.และฝ่ายค้านก็ควรจะมาพูดบนเวทีเดียวกันให้จบ อีกทั้งประธานรัฐสภาเองก็อยากเห็นสภาเป็นหลักในการแก้ปัญหาให้กับบ้านเมือง และเชื่อว่าจะมีการดำเนินการในกรณีนี้โดยเร็วที่สุด
สำหรับกรณีที่มีกระแสข่าวว่า พรรคพลังประชาชนมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างของพรรคใหม่โดยมอบหมายให้ 2 รัฐมนตรีดูแล 21 ส.ส.โดยจัดเรียงรายชื่อตามตัวอักษรนั้น ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า จากการประชุม ส.ส.พรรคครั้งที่ผ่านมา มีการแจ้งให้สมาชิกทุกคนทราบว่า ขณะนี้เรามี ส.ส.200 กว่าคน และรู้จักหน้าตากันไม่หมดทุกคน รัฐมนตรีเองก็มีการประสานงานกันน้อยมาก
ดังนั้น ผู้อำนวยการพรรคจึงประสานให้ ส.ส.เรียงรายชื่อตามลำดับตัวอักษรจัดเป็นกลุ่มๆละ 20 คน มีรัฐมนตรีหรือผู้ใหญ่ของพรรคช่วยดูแลกลุ่มละ 2 ท่าน เพื่อนำข้อมูลของ ส.ส.ที่รับทราบปัญหาของประชาชนมามอบให้กับรัฐมนตรีเพื่อหาทางแก้ไข และเพื่อให้เกิดภาพว่าทุกคนไม่มีกลุ่ม
ส่วนมีอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยมาช่วยดูแลด้วยหรือไม่นั้น ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า ถ้าจะหาบุคคลใดมาช่วยดูแลก็สามารถทำได้ทั้งสิ้น เพราะเป็นการดูแลกันภายในพรรค ไม่เกี่ยวกับการเมือง และไม่ส่งผลกระทบต่อกรณีที่อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยถูกตัดสิทธิทางการเมืองด้วย ดังนั้นสามารถที่จะมาให้คำปรึกษาและคำแนะนำได้ปัด สลายขั้ว “เนวิน”
ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าการปรับโครงสร้างพรรคดังกล่าวเพื่อต้องการสลายขั้วของนายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ซึ่งมีขนาดใหญ่จนเกินไปนั้น ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า เรื่องขั้วไม่ใช่เรื่องที่ดีสำหรับพรรคการเมือง ซึ่งเมื่อมีการจัดโครงสร้างพรรคใหม่แล้ว พรรคก็จะมีความเป็นสถาบันมากขึ้น และไม่ใช่เรื่องของการสลายขั้วใดๆ ทั้งสิ้น เพียงแต่ในอดีตยังไม่เคยมีโครงสร้างที่ชัดเจนแบบนี้เกิดขึ้นเท่านั้น อย่างกรณีของตนนั้นเป็นอักษร ก.ไก่ จะมีนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมว.คมนาคม มาช่วยดูแล
ส่วนกรณีที่ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ออกมาพูดเหมือนถูกโดดเดี่ยวในพรรคนั้น ร.ท.กุเทพ กล่าวว่า ไม่มีการโดดเดี่ยวใดๆ ทั้งสิ้น นายมิ่งขวัญมีความคิดการบริหารที่ดี ยืนยันว่า ไม่มีปัญหาอย่างที่กล่าวมาแน่นอน