NBT เดินหน้าสนองนายใหญ่เต็มตัว จัดสรรเวลาข่าวภาคค่ำ เสนอสกู๊ปพิเศษ รวบรวมสารพัดข้อกล่าวหาที่มีต่อ “คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา” เหน็บเรื่องมีคนเสนอสินบน 100 ล้าน ทำไมไม่ดำเนินการเอาผิด
คลิกที่นี่ เพื่อฟังสกู๊ปสารพัดข้อกล่าวหา คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา
วันนี้ (11 มิ.ย.) ข่าวภาคค่ำทางสถานีโทรทัศน์ เอ็นบีที จัดทำสกู๊ปพิเศษ เสนอเรื่องราวเกี่ยวกับ คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ที่ขณะนี้กำลังถูกกดดันจากระบอบทักษิณในหลายๆ ด้าน โดยรายงานดังกล่าวระบุว่า เส้นทางชีวิตการทำงานของคุณหญิงจารุวรรณ ก็ราบรื่นเรื่อยมา จนกระทั่งถูก คมช.เชิญให้มาเป็น คณะกรรมการ คตส.ก็เริ่มเปลี่ยนไป เนื่องจากเริ่มมีกลุ่มต่อต้านการรัฐประหารได้ออกมาตรวจสอบการทำหน้าที่ของคุณหญิงอย่างต่อเนื่อง
โดยรายงานดังกล่าวระบุว่า การถูกตามตรวจสอบของคุณหญิงเริ่มตั้งแต่การเปิดโปงการนำบุตรชายของตัวเองมาทำหน้าที่เลขานุการส่วนตัว การอนุมัติให้บุคคลในครอบครัวติดตามไปปฏิบัติหน้าที่ในต่างประเทศ รวมไปถึงการที่กลุ่มติดตามปฏิรูปการเมืองและต่อต้านการคอร์รัปชัน นำโดย นายวันชัย จงผดุงหิรัญ ได้ยื่นเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ตรวจสอบกรณี สตง.ได้ทำการจัดจ้างบริษัท ออดิท แอนด์ แมเนจเม้นท์ คอนซัลแตนท์ จำกัด ให้ทำการจัดอบรมให้กับข้าราชการของ สตง.โดยไม่มีการประกวดราคา ซึ่งจากการตรวจสอบ พบว่า บริษัทดังกล่าวได้เช่าอาคารพาณิชย์ ที่สามีของคุณหญิงจารุวรรณ เป็นเจ้าของ จึงมองว่าอาจเข้าข่ายผลประโยชน์ทับซ้อน โดยที่ประชุม DSI จะสรุปว่าจะรับเป็นคดีพิเศษหรือไม่ในวันที่ 16 มิ.ย.นี้
ซึ่งรายงานดังกล่าวได้นำคำให้สัมภาษณ์ของ นายธาริต เพ็งดิษ รองอธิบดี DSI ที่กล่าวว่า “ที่ประชุม DSI มีความเห็นว่า มันมีมูลเบื้องต้นที่ส่อไปในทางว่าจะเป็นการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องตามที่ได้ถูกร้องเรียนมาจริง เราพบว่าอาจจะมีฐานความผิดที่อาจจะจำเป็นต้องขอทำเป็นคดีพิเศษ”
อีกทั้งรายงานดังกล่าวยังได้นำคำให้สัมภาษณ์ของ นายวันชัย จงผดุงหิรัญ ตัวแทนกลุ่มติดตามปฏิรูปการเมือง ที่ล่าสุดนำหลักฐานบ้านและที่ดินของคุณหญิงจารุวรรณ ใน จ.นนทบุรี ไปยื่นให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบที่มาของทรัพย์สิน โดย นายวันชัย กล่าวว่า “มันเป็นหลักฐานที่เห็นแล้วคุณหญิงจะต้องตอบ และก็กล้าพูดได้ว่าคุณหญิงจะต้องสะดุ้ง เพราะว่าที่ดินที่คุณหญิงบอกว่าเป็นของลูกชายแล้วก็บ้านที่สร้าง คุณหญิงไปเอาเงินมาจากไหน ผมไม่ได้บอกว่าคุณหญิงไม่มีเงิน แต่คุณหญิงไปเอาเงินมาจากไหนครับ”
ถึงแม้ในช่วงท้ายจะได้นำคำสัมภาษณ์ที่คุณหญิงจารุวรรณได้ชี้แจงไว้สื่อต่างๆ มาบรรยาย แต่ก็เป็นเพียงการบรรยายสั้นๆ ไม่ครบถ้วนตามที่คุณหญิงจารุวรรณเคยให้สัมภาษณ์ไว้ อีกทั้งรายงานดังกล่าวยังได้เหน็บแนมด้วยว่า การที่คุณหญิงจารุวรรณได้ออกมาปฏิเสธ และรับประกันความบริสุทธิ์ของตนเอง โดยการอ้างเรื่องการไม่ยอมรับเงินสินบน 100 ล้านที่มีคนเอามาให้ว่า การรับประกันดังกล่าวเป็นเหมือนการเลียนแบบคำพูดของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ที่ก็เคยอ้างเช่นกันว่ามีคนเอาเงินมาให้ 30-40 ล้าน เพื่อแลกกับตำแหน่งแต่ท่านก็ไม่รับ
รายงานดังกล่าวจึงกล่าวสรุปว่า การกระทำดังกล่าวทำให้ถูกตั้งข้อสงสัยว่า เหตุใดจึงไม่มีการดำเนินการเอาผิดกับคนที่นำเงินมามอบให้
นอกจากนี้ยังรายงานด้วยว่า การที่คุณหญิงจารุวรรณได้นำเงิน 1 แสนบาท ไปมอบให้กับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยอ้างว่าไม่ใช่เงินของตัวเอง แต่มีคนฝากให้นำไปให้พันธมิตรฯ อีกที ทำให้พรรคพลังประชาชนนำไปเชื่อมโยงว่า คตส.กับกลุ่มพันธมิตรฯ กำลังร่วมมือกันสร้างภาพว่า คตส.กำลังถูกกลั่นแกล้ง ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่ คตส.เรียกร้องให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ออกมาปกป้อง เนื่องจากกลัวว่า คตส.จะถูกเช็กบิลทางการเมือง
ในช่วงท้ายรายงานได้สรุปว่า ไม่ว่าผลการตรวจสอบข้อกล่าวหาของคุณหญิงจารุวรรณจะออกมาเป็นเช่นไร แต่กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าทองแท้ย่อมไม่แพ้ไฟ
สำหรับรายงานพิเศษของเอ็นบีทีชิ้นนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นการจงใจลดความน่าเชื่อถือในตัวคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ซึ่งมีบทบาทสำคัญทั้งในฐานะ คตส. และผู้ว่าฯ สตง.ในการตรวจสอบคดีทุจริตของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
รายงานชิ้นนี้ จงใจที่จะละเว้นไม่กล่าวถึงความพยายามของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในการใช้มติของวุฒิสภาปลดคุณหญิงจารุวรรณออกจากตำแหน่งผู้ว่าฯ สตง.เมื่อปี 2548 ซึ่งแม้วุฒิสภาจะมีมติเลือกผู้ว่า สตง.คนใหม่ และมีการเสนอชื่อทูลเกล้าฯ แล้ว แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่ทรงลงพระปรมาภิไธย จนต้องมีการขอถอนเสนอชื่อผู้ว่าฯ สตง.คนใหม่ และคุณหญิงจารุวรรณได้อยู่ในตำแหน่งต่อไป
นอกจากนี้ ข้อกล่าวหาต่างๆ ที่มีต่อคุณหญิงจารุวรรณก็ล้วนมาจากคนในเครือข่ายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบของดีเอสไอก็เกิดขึ้นหลังจากมีการย้ายนายสุนัย มโนมัยอุดม อธิบดีกรมดีเอสไอคนเก่าออกไปแล้ว ส่วนข้อกล่าวหาเรื่องการร่ำรวยผิดปกติ ก็เป็นข้อกล่าวหาที่ไร้น้ำหนักจากกลุ่มลิ่วล้อของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งคุณหญิงจารุวรรณได้ชี้แจงผ่านสื่อมวลชนไปแล้ว(อ่านข่าว “จารุวรรณ” โต้ข่าวร่ำรวยผิดปกติ บริจาคเงินหนุนพันธมิตรฯ) และประเด็นสำคัญคือ คดีการทุจริตคอร์รัปชั่นของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่ง คตส.ในชุดของคุณหญิงจารุวรรณได้ทำการตรวจสอบและมีข้อสรุปออกมาแล้วนั้น ไม่มีการกล่าวถึงในรายงานพิเศษของเอ็นบีทีชิ้นนี้แต่อย่างใด
สำหรับ นายวันชัย จงจรูญหิรัญ ที่อ้างว่าเป็นประธานกลุ่มติดตามการปฏิรูปการเมืองและต่อต้านคอร์รัปชั่นนั้น เคยเคลื่อนไหวร่วมกับกลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการเมื่อปี 2550 ซึ่งตามข่าวที่ปรากฏนายวันชัย เป็นคนขับรถตู้ขนองค์จตุคามรามเทพรุ่น "1 บาทปราบกบฏ" มาแจกให้ผู้ชุมนุมร่วมกับกลุ่มคนวันเสาร์ฯ ที่ท้องสนามหลวง เมื่อวันที่ 30 พ.ค.50
นอกจากนั้น เมื่อวันจันทร์ที่ 25 มิ.ย.50 แกนนำกลุ่มบุคคลวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการบุกบ้านสี่เสาเทเวศน์ และพูดจาด่าทอ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และพยายามขับรถชนเจ้าหน้าที่ตำรวจขณะเรียกตรวจบริเวณเต็นท์อำนวยการรักษาความปลอดภัยจนเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งส.ต.ท.วศิน ปิ่นวัฒนะ ผบ.หมู่ สน.นางเลิ้ง ทำหน้าที่ขณะนั้นได้เข้าแจ้งความกับ พ.ต.ท.นันท์ธวัชชัย ฉวีสุข พนักงานสอบสวน สบ.3 สน.สามเสน ว่า ถูกรถตู้โฟล์คสีบรอนซ์ทะเบียน อย 6541 กทม.ขับเฉี่ยวชนลักษณะต้องการจะฝ่าด่านตรวจเข้าไปแต่ตนเองพร้อมพวกได้ยืนขวางไว้ คนขับรถจึงชนตนจนได้รับบาดเจ็บที่หน้าแข้งและหัวเข่าทั้งสองข้าง
จากการสอบสวนทราบว่า เจ้าของรถคันดังกล่าว คือ นายวันชัย จงจรูญหิรัญ อยู่บ้านเลขที่ 40 /147 ตรอกรถไฟวรพงษ์ แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กทม.ซึ่งเป็นคนขับรถในวันเกิดเหตุ พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียก นายวันชัย มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาภายใน 7 วัน ข้อหาขัดขวางและขัดคำสั่งเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ ทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ทำให้ได้รับบาดเจ็บ