การฟื้นตัวของระบอบทักษิณดำเนินไปอย่างคึกคักเข้มข้นและกว้างขวางทุกปริมณฑลของการบริหารราชการแผ่นดิน โดยเฉพาะรัฐตำรวจได้ฟื้นฟูขึ้นจนมีพลังอำนาจเท่ากับหรือมากกว่าเมื่อครั้งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว
รัฐตำรวจที่ฟื้นฟูขึ้นมานี้เป็นรัฐตำรวจแบบเดียวกับรัฐตำรวจในสมัย พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์
นั่นคือหมายเอารูปแบบการบริหารจัดการแบบรัฐตำรวจเข้ามาควบคุมการบริหารจัดการในการบริหารราชการแผ่นดินอย่างเต็มรูปแบบ กระทั่งแผนการเสริมความแข็งแกร่งของตำรวจให้เป็นแบบกองทัพไทย
ทั้งยังต่อแขนต่อขาเพิ่มขึ้นอีกข้างหนึ่ง คือแขนขาอำนาจมืดและอำนาจเถื่อนที่รวบรวมเอาเหล่าอันธพาล นักเลงหัวไม้ แก๊งนักอุ้ม ซุ้มมือปืนเข้ามาอยู่ในเครือข่ายเพื่อใช้เป็นเครื่องมือดำเนินการในทุกด้าน
ด้านไหนใช้อำนาจตามกฎหมายได้ก็ใช้ ด้านไหนใช้อำนาจตามกฎหมายไม่ได้ก็ใช้แขนขาอำนาจมืดและอำนาจเถื่อนเข้าจัดการ
อำนาจรัฐตำรวจในยุค พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ และในยุครัฐบาลพรรคไทยรักไทยได้สร้างความประหวั่นพรั่นพรึงให้ประชาชนทุกวงการ แม้กระทั่งนักการเมืองและข้าราชการต้องยอมสยบหัวให้
กลายเป็นกลไกอันหนึ่งในการรวบรวมนักการเมืองเข้ามาร่วมพรรค หรือทำให้สวามิภักดิ์ นำไปสู่การควบคุมเสียงในสภาอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด นำไปสู่การควบคุมนักการเมืองในการบริหารราชการแผ่นดินอย่างเด็ดขาด
นำไปสู่การควบคุมนักธุรกิจและปรปักษ์ทางการเมืองให้ยอมจำนนและยอมสวามิภักดิ์อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
และในที่สุดก็รุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ของทหาร ดังเช่นแนวคิดในการสร้างองค์กรตำรวจให้เป็นแบบกองทัพ ให้มีกองพันรถถัง ให้มีกองพันรถเกราะ ให้มีอาวุธยุทโธปกรณ์เช่นเดียวกับทหาร
การรุกล้ำลึกและกว้างไปเรื่อย ๆ จนเกิดความขัดแย้งกันขึ้นกับฝ่ายทหารเพราะในท่ามกลางการรุกล้ำเช่นนั้นก็มีการปะทะกันประปรายในหลายพื้นที่ และลุกลามกว้างขึ้นทุกที
สภาพเช่นนั้นจึงสุดแสนจะทนทาน ทั้งต่อฝ่ายทหารและประชาชนผู้รักความเป็นธรรม ในที่สุดก็เกิดการปฏิวัติรัฐประหารขึ้น แล้วโค่นรัฐตำรวจนั้นให้พังครืนลงไป
รัฐตำรวจในยุค พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ ถูกโค่นลงโดยการปฏิวัติของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ และต้องปราบปรามพวกอันธพาลอย่างเด็ดเดี่ยวจริงจัง จึงทำให้บ้านเมืองสงบราบคาบมาร่วม 30 ปี
รัฐตำรวจในยุครัฐบาลพรรคไทยรักไทยก็ถูกโค่นลงโดยการปฏิวัติของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินฯ
แต่เพราะรัฐบาลของคณะปฏิวัติชุดนี้หน่อมแน้มเฉื่อยชาล้าหลังและไม่เอาไหน ทั้งเอื้อประโยชน์ให้กับอำนาจเดิม ดังนั้นจึงเป็นผลโดยตรงให้พรรคพลังประชาชนชนะเลือกตั้ง และเป็นแกนจัดตั้งรัฐบาลผสม 6 พรรคขึ้น
พลันที่รัฐบาลพรรคพลังประชาชนก่อตั้งขึ้น การฟื้นฟูรัฐตำรวจก็ดำเนินไปอย่างขะมักเขม้น
ณ วันนี้การฟื้นฟูรัฐตำรวจได้สำเร็จเกือบจะโดยทั่วด้านแล้ว และเริ่มสำแดงฤทธิ์และอานุภาพอย่างชัดเจนขึ้นทุกทีแล้ว
มาดูกันว่ารังสีอำมหิตดุจดั่งกรงเล็บปีศาจของรัฐตำรวจกำลังแผ่เงื้อมเงาเข้าปกคลุมประเทศไทยของเราอย่างไรกันบ้าง?
ขอให้ตั้งข้อสังเกตว่าลีลากระบวนท่าในการใช้กรงเล็บปีศาจขยุ้มเหยื่อนั้นจะเป็นลีลากระบวนที่มีสมุนบริวารหรือใครก็ไม่รู้ อยู่ๆ ก็โผล่ไปแจ้งความให้ดำเนินคดีกับใครต่อใคร โดยเฉพาะพวกที่ขัดประโยชน์หรือไม่อำนวยประโยชน์ หรือเป็นปรปักษ์กัน
เมื่อมีการแจ้งความเช่นนั้นแล้วก็จะมีการรีบเร่งดำเนินคดีอย่างรวบรัดฉับพลันแล้วนำไปสู่การจับกุมดำเนินคดี ประสานกับการให้ข่าวต่อสื่อมวลชนเพื่อข่มขู่ข่มขวัญและคุกคามจิตใจอย่างโหดร้ายทารุณ
ถ้าใครไหนสวามิภักดิ์ยอมจำนนเรื่องก็จะเงียบหายไป ใครไหนไม่ยอมสวามิภักดิ์หรือไม่ยอมจำนนก็จะติดคุกติดตะรางหรือไม่ก็ได้รับอันตรายด้วยประการต่าง ๆ
เมื่อเห็นกระบวนท่าเช่นนั้นแล้วก็ลองมาดูกันว่าลีลากรงเล็บปีศาจได้สยายไปถึงไหนแล้วบ้าง
เรื่องหนึ่ง ในขณะที่การตรวจสอบเรื่องการทุจริตเลือกตั้งและการตรวจสอบเรื่องคุณสมบัติของผู้คนในรัฐบาลโดย กกต. กำลังดำเนินไปและถึงขั้นหัวเลี้ยวหัวต่อก็มีคนไปแจ้งความดำเนินคดีกับ กกต. ว่าทุจริตในการฮั้วพิมพ์บัตรเลือกตั้ง
มีการออกข่าวคึกคักครึกโครมทั้ง ๆ ที่หากมีกรณีที่ว่านั้นก็ไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของตำรวจหรือดีเอสไอ ซึ่งก็คือกลไกหนึ่งของรัฐตำรวจเหมือนกัน หากเป็นอำนาจโดยเฉพาะของ ป.ป.ช.
ทำให้ กกต. บางคนต้องยอมจำนนกลายเป็นเครื่องมือ บางคนก็กำลังต่อรองกันอยู่ นี่คือสิ่งที่ทำให้การทำงานของ กกต. ดูแปร่งๆ มากขึ้นทุกวัน
เรื่องหนึ่ง คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ซึ่งเป็นขุนนางตงฉินแห่งยุคและมีบทบาทในการตรวจสอบการโกงบ้านโกงเมืองจนเป็นที่เลื่องชือลือชาก็ถูกไอ้โม่งไปแจ้งความกล่าวหาว่าทุจริตในการว่าจ้างบริษัทอบรมสัมมนาบริษัทหนึ่ง
แล้วก็มีการออกข่าวคึกคักเช่นเดียวกัน ทั้งๆ ที่เป็นการผิดกฎหมายโดยชัดแจ้ง และโดยที่ไม่มีอำนาจตรวจสอบเพราะเป็นอำนาจของ ป.ป.ช. เหมือนกัน
มีการข่มขู่ต่อรองให้คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ยอมจำนนและคลายมือจากการตรวจสอบในเรื่องทุจริตต่าง ๆ
แต่จับตาดูต่อไปเถอะ ถ้าหากไม่ยินยอมก็จะดำเนินไปสู่กระบวนการออกหมายจับ ทั้งๆ ที่อำนาจในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่ใช่อำนาจของตำรวจแต่เป็นอำนาจของ ป.ป.ช.
เรื่องหนึ่ง คตส. ซึ่งทำหน้าที่ตรวจสอบการทุจริตในโครงการต่างๆ ของรัฐบาลพรรคไทยรักไทย กำลังถูกสำนักงานกฎหมายแห่งหนึ่งแจ้งความดำเนินคดีกับตำรวจว่าหมิ่นประมาท เนื่องจากตอบหนังสือเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของ คตส.
เรื่องหมิ่นประมาทเป็นความผิดเล็กน้อย แต่ทำกันอย่างรวบรัดรวดเร็วแล้วมีการเรียกให้ คตส. ไปแก้ข้อกล่าวหา
ต้องสดุดีและแสดงความเห็นอกเห็นใจ คตส. จริงๆ เพราะหากไม่ใช่ซื่อสัตย์สุจริตต่อแผ่นดินจริง ๆ แล้วคงจะทำงานไม่ไหวแน่ เนื่องจากไม่เคยได้รับความร่วมมือใดๆ จากรัฐบาลของ คมช. เลย และยังถูกขัดขวางการทำงานสารพัด
มาบัดนี้เมื่ออำนาจเก่าฟื้นคืนอำนาจจึงถูกจ้องเช็กบิล จนถึงกับต้องมีหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมไปยังผู้บริหารศาลต่างๆ เพื่อป้องกันกรงเล็บปีศาจจะแอบย่องไปขอให้ศาลออกหมายจับ และร้องขอความเป็นธรรมกับคณะทหารที่ทำการยึดอำนาจเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549
ดูไปแล้วก็น่าห่วงใยชะตากรรมของ คตส. แต่ก็เชื่อว่า “สุจริตคือเกราะบังศาสตร์พร้อง” และพระสยามเทวาธิราชย่อมให้ความคุ้มครองกับขุนนางตงฉินทั้งปวง
เรื่องหนึ่ง อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษที่เป็นผู้เร่งรัดคดีกับอดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งถูกเตะโด่งออกจากตำแหน่งทันทีที่อำนาจเก่าฟื้นก็ยังถูกจองเวรจองกรรม โดยมีการไปแจ้งความดำเนินคดีฐานหมิ่นประมาทที่สถานีตำรวจในต่างจังหวัด
ปุ๊บปั๊บๆ ก็มีการขอออกหมายจับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของกระทรวงยุติธรรมท่านนี้แล้วออกข่าวครึกโครมไปทั้งบ้านทั้งเมือง ข่มขวัญข้าราชการทั้งปวงเพื่อให้สยบยอมอยู่ในอำนาจ
มิหนำซ้ำ ยังเตรียมการไปจับตัวทันทีที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ โดยไม่มีการให้เกียรติหรือคำนึงถึงศักดิ์ศรีของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของกระทรวงยุติธรรมเลยแม้แต่น้อย
มันย่ำยีหัวใจผู้คนและแผ่นดินหนักไปหน่อยละมั๊ง! เพราะเหตุนี้จึงทำการไม่สำเร็จเนื่องจากมีคณะนายทหารไปให้การอารักขาและนำตัวอดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษออกจากสนามบินโดยไม่ให้ตำรวจจับกุมตัว
เรื่องหนึ่ง มีการสั่งการไปยังสถานีตำรวจต่างๆ ให้รวบรวมบัญชีคดีที่สามารถจับกุมแกนนำพันธมิตรฯ ทั้ง 5 คน ประสานกับการที่ไอ้โม่งจำนวนหลายพวกหลายกลุ่มให้ไปแจ้งความกล่าวหาแกนนำพันธมิตรฯ ที่โน่นบ้าง ที่นี่บ้าง
มีการออกข่าวกันครึกโครม ซึ่งหากขวัญและกำลังใจไม่สูงพอก็เห็นทีว่าจะต้องยอมสยบจำนนอย่างแน่นอน ก็ไม่รู้ชะตากรรมข้างหน้าว่าจะเป็นประการใด
เรื่องหนึ่ง พลเอกสมเจตน์ บุญถนอม อดีตหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการ คมช. กำลังถูกไอ้โม่งไปแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งนี่ก็อยู่ในข่ายที่อาจกล่าวได้ว่าเป็นบัญชีหนึ่งของการถูกเช็กบิล
แต่พลเอกสมเจตน์ บุญถนอม อย่างไรเสียก็เป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ มีตำแหน่งเป็นถึงจอมพล รูปการณ์จึงน่าจะเป็นแค่การข่มขู่คุกคามให้ยอมจำนน แต่ถ้าดึงดันก็คงดำเนินคดีกันต่อไป
เรื่องหนึ่ง พลเอกสพรั่ง กัลยาณมิตร ก็กำลังถูกไอ้โม่งไปแจ้งความดำเนินคดีอีกเหมือนกัน แต่ในขณะนี้คงยังไม่มีการขยับอะไรกันมากนัก เพราะภาพลักษณ์นายทหารผู้จงรักภักดียังเป็นที่เกรงขามของคนบางพวกอยู่
แต่เมื่อใดที่เกษียณอายุราชการ เมื่อนั้นก็อาจถูกเช็กบิลตามพลเอกสมเจตน์ บุญถนอม ไปก็ได้
แล้วถามว่าบรรดาคณะทหารที่ทำการปฏิวัติในวันที่ 19 กันยายน 2549 จะไม่ถูกเช็กบิลหรือ?
ถูกแน่! และคงถูกเช็กบิลอย่างหนักหน่วงรุนแรงเป็นแน่ เป็นแต่ว่าเวลาและโอกาสยังไม่ถึง เพราะต้องรอให้สิ้นเขี้ยวสิ้นเล็บก่อน
อา! กรงเล็บปีศาจมันกำลังแผ่ปกคลุมแผ่นดินอันเป็นราชอาณาจักรไทยแล้ว เราท่านทั้งหลายจะไม่ได้อยู่ในแผ่นดินที่เราเคยมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว
แต่ทว่าอย่าสิ้นหวัง กฎแห่งประวัติศาสตร์มีให้เห็นมาแล้ว และกงล้อแห่งประวัติศาสตร์นั้นย่อมหมุนทับรอยเดิมอยู่เสมอ!
รัฐตำรวจที่ฟื้นฟูขึ้นมานี้เป็นรัฐตำรวจแบบเดียวกับรัฐตำรวจในสมัย พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์
นั่นคือหมายเอารูปแบบการบริหารจัดการแบบรัฐตำรวจเข้ามาควบคุมการบริหารจัดการในการบริหารราชการแผ่นดินอย่างเต็มรูปแบบ กระทั่งแผนการเสริมความแข็งแกร่งของตำรวจให้เป็นแบบกองทัพไทย
ทั้งยังต่อแขนต่อขาเพิ่มขึ้นอีกข้างหนึ่ง คือแขนขาอำนาจมืดและอำนาจเถื่อนที่รวบรวมเอาเหล่าอันธพาล นักเลงหัวไม้ แก๊งนักอุ้ม ซุ้มมือปืนเข้ามาอยู่ในเครือข่ายเพื่อใช้เป็นเครื่องมือดำเนินการในทุกด้าน
ด้านไหนใช้อำนาจตามกฎหมายได้ก็ใช้ ด้านไหนใช้อำนาจตามกฎหมายไม่ได้ก็ใช้แขนขาอำนาจมืดและอำนาจเถื่อนเข้าจัดการ
อำนาจรัฐตำรวจในยุค พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ และในยุครัฐบาลพรรคไทยรักไทยได้สร้างความประหวั่นพรั่นพรึงให้ประชาชนทุกวงการ แม้กระทั่งนักการเมืองและข้าราชการต้องยอมสยบหัวให้
กลายเป็นกลไกอันหนึ่งในการรวบรวมนักการเมืองเข้ามาร่วมพรรค หรือทำให้สวามิภักดิ์ นำไปสู่การควบคุมเสียงในสภาอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด นำไปสู่การควบคุมนักการเมืองในการบริหารราชการแผ่นดินอย่างเด็ดขาด
นำไปสู่การควบคุมนักธุรกิจและปรปักษ์ทางการเมืองให้ยอมจำนนและยอมสวามิภักดิ์อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
และในที่สุดก็รุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ของทหาร ดังเช่นแนวคิดในการสร้างองค์กรตำรวจให้เป็นแบบกองทัพ ให้มีกองพันรถถัง ให้มีกองพันรถเกราะ ให้มีอาวุธยุทโธปกรณ์เช่นเดียวกับทหาร
การรุกล้ำลึกและกว้างไปเรื่อย ๆ จนเกิดความขัดแย้งกันขึ้นกับฝ่ายทหารเพราะในท่ามกลางการรุกล้ำเช่นนั้นก็มีการปะทะกันประปรายในหลายพื้นที่ และลุกลามกว้างขึ้นทุกที
สภาพเช่นนั้นจึงสุดแสนจะทนทาน ทั้งต่อฝ่ายทหารและประชาชนผู้รักความเป็นธรรม ในที่สุดก็เกิดการปฏิวัติรัฐประหารขึ้น แล้วโค่นรัฐตำรวจนั้นให้พังครืนลงไป
รัฐตำรวจในยุค พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ ถูกโค่นลงโดยการปฏิวัติของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ และต้องปราบปรามพวกอันธพาลอย่างเด็ดเดี่ยวจริงจัง จึงทำให้บ้านเมืองสงบราบคาบมาร่วม 30 ปี
รัฐตำรวจในยุครัฐบาลพรรคไทยรักไทยก็ถูกโค่นลงโดยการปฏิวัติของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินฯ
แต่เพราะรัฐบาลของคณะปฏิวัติชุดนี้หน่อมแน้มเฉื่อยชาล้าหลังและไม่เอาไหน ทั้งเอื้อประโยชน์ให้กับอำนาจเดิม ดังนั้นจึงเป็นผลโดยตรงให้พรรคพลังประชาชนชนะเลือกตั้ง และเป็นแกนจัดตั้งรัฐบาลผสม 6 พรรคขึ้น
พลันที่รัฐบาลพรรคพลังประชาชนก่อตั้งขึ้น การฟื้นฟูรัฐตำรวจก็ดำเนินไปอย่างขะมักเขม้น
ณ วันนี้การฟื้นฟูรัฐตำรวจได้สำเร็จเกือบจะโดยทั่วด้านแล้ว และเริ่มสำแดงฤทธิ์และอานุภาพอย่างชัดเจนขึ้นทุกทีแล้ว
มาดูกันว่ารังสีอำมหิตดุจดั่งกรงเล็บปีศาจของรัฐตำรวจกำลังแผ่เงื้อมเงาเข้าปกคลุมประเทศไทยของเราอย่างไรกันบ้าง?
ขอให้ตั้งข้อสังเกตว่าลีลากระบวนท่าในการใช้กรงเล็บปีศาจขยุ้มเหยื่อนั้นจะเป็นลีลากระบวนที่มีสมุนบริวารหรือใครก็ไม่รู้ อยู่ๆ ก็โผล่ไปแจ้งความให้ดำเนินคดีกับใครต่อใคร โดยเฉพาะพวกที่ขัดประโยชน์หรือไม่อำนวยประโยชน์ หรือเป็นปรปักษ์กัน
เมื่อมีการแจ้งความเช่นนั้นแล้วก็จะมีการรีบเร่งดำเนินคดีอย่างรวบรัดฉับพลันแล้วนำไปสู่การจับกุมดำเนินคดี ประสานกับการให้ข่าวต่อสื่อมวลชนเพื่อข่มขู่ข่มขวัญและคุกคามจิตใจอย่างโหดร้ายทารุณ
ถ้าใครไหนสวามิภักดิ์ยอมจำนนเรื่องก็จะเงียบหายไป ใครไหนไม่ยอมสวามิภักดิ์หรือไม่ยอมจำนนก็จะติดคุกติดตะรางหรือไม่ก็ได้รับอันตรายด้วยประการต่าง ๆ
เมื่อเห็นกระบวนท่าเช่นนั้นแล้วก็ลองมาดูกันว่าลีลากรงเล็บปีศาจได้สยายไปถึงไหนแล้วบ้าง
เรื่องหนึ่ง ในขณะที่การตรวจสอบเรื่องการทุจริตเลือกตั้งและการตรวจสอบเรื่องคุณสมบัติของผู้คนในรัฐบาลโดย กกต. กำลังดำเนินไปและถึงขั้นหัวเลี้ยวหัวต่อก็มีคนไปแจ้งความดำเนินคดีกับ กกต. ว่าทุจริตในการฮั้วพิมพ์บัตรเลือกตั้ง
มีการออกข่าวคึกคักครึกโครมทั้ง ๆ ที่หากมีกรณีที่ว่านั้นก็ไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของตำรวจหรือดีเอสไอ ซึ่งก็คือกลไกหนึ่งของรัฐตำรวจเหมือนกัน หากเป็นอำนาจโดยเฉพาะของ ป.ป.ช.
ทำให้ กกต. บางคนต้องยอมจำนนกลายเป็นเครื่องมือ บางคนก็กำลังต่อรองกันอยู่ นี่คือสิ่งที่ทำให้การทำงานของ กกต. ดูแปร่งๆ มากขึ้นทุกวัน
เรื่องหนึ่ง คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ซึ่งเป็นขุนนางตงฉินแห่งยุคและมีบทบาทในการตรวจสอบการโกงบ้านโกงเมืองจนเป็นที่เลื่องชือลือชาก็ถูกไอ้โม่งไปแจ้งความกล่าวหาว่าทุจริตในการว่าจ้างบริษัทอบรมสัมมนาบริษัทหนึ่ง
แล้วก็มีการออกข่าวคึกคักเช่นเดียวกัน ทั้งๆ ที่เป็นการผิดกฎหมายโดยชัดแจ้ง และโดยที่ไม่มีอำนาจตรวจสอบเพราะเป็นอำนาจของ ป.ป.ช. เหมือนกัน
มีการข่มขู่ต่อรองให้คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ยอมจำนนและคลายมือจากการตรวจสอบในเรื่องทุจริตต่าง ๆ
แต่จับตาดูต่อไปเถอะ ถ้าหากไม่ยินยอมก็จะดำเนินไปสู่กระบวนการออกหมายจับ ทั้งๆ ที่อำนาจในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่ใช่อำนาจของตำรวจแต่เป็นอำนาจของ ป.ป.ช.
เรื่องหนึ่ง คตส. ซึ่งทำหน้าที่ตรวจสอบการทุจริตในโครงการต่างๆ ของรัฐบาลพรรคไทยรักไทย กำลังถูกสำนักงานกฎหมายแห่งหนึ่งแจ้งความดำเนินคดีกับตำรวจว่าหมิ่นประมาท เนื่องจากตอบหนังสือเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของ คตส.
เรื่องหมิ่นประมาทเป็นความผิดเล็กน้อย แต่ทำกันอย่างรวบรัดรวดเร็วแล้วมีการเรียกให้ คตส. ไปแก้ข้อกล่าวหา
ต้องสดุดีและแสดงความเห็นอกเห็นใจ คตส. จริงๆ เพราะหากไม่ใช่ซื่อสัตย์สุจริตต่อแผ่นดินจริง ๆ แล้วคงจะทำงานไม่ไหวแน่ เนื่องจากไม่เคยได้รับความร่วมมือใดๆ จากรัฐบาลของ คมช. เลย และยังถูกขัดขวางการทำงานสารพัด
มาบัดนี้เมื่ออำนาจเก่าฟื้นคืนอำนาจจึงถูกจ้องเช็กบิล จนถึงกับต้องมีหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมไปยังผู้บริหารศาลต่างๆ เพื่อป้องกันกรงเล็บปีศาจจะแอบย่องไปขอให้ศาลออกหมายจับ และร้องขอความเป็นธรรมกับคณะทหารที่ทำการยึดอำนาจเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549
ดูไปแล้วก็น่าห่วงใยชะตากรรมของ คตส. แต่ก็เชื่อว่า “สุจริตคือเกราะบังศาสตร์พร้อง” และพระสยามเทวาธิราชย่อมให้ความคุ้มครองกับขุนนางตงฉินทั้งปวง
เรื่องหนึ่ง อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษที่เป็นผู้เร่งรัดคดีกับอดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งถูกเตะโด่งออกจากตำแหน่งทันทีที่อำนาจเก่าฟื้นก็ยังถูกจองเวรจองกรรม โดยมีการไปแจ้งความดำเนินคดีฐานหมิ่นประมาทที่สถานีตำรวจในต่างจังหวัด
ปุ๊บปั๊บๆ ก็มีการขอออกหมายจับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของกระทรวงยุติธรรมท่านนี้แล้วออกข่าวครึกโครมไปทั้งบ้านทั้งเมือง ข่มขวัญข้าราชการทั้งปวงเพื่อให้สยบยอมอยู่ในอำนาจ
มิหนำซ้ำ ยังเตรียมการไปจับตัวทันทีที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ โดยไม่มีการให้เกียรติหรือคำนึงถึงศักดิ์ศรีของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของกระทรวงยุติธรรมเลยแม้แต่น้อย
มันย่ำยีหัวใจผู้คนและแผ่นดินหนักไปหน่อยละมั๊ง! เพราะเหตุนี้จึงทำการไม่สำเร็จเนื่องจากมีคณะนายทหารไปให้การอารักขาและนำตัวอดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษออกจากสนามบินโดยไม่ให้ตำรวจจับกุมตัว
เรื่องหนึ่ง มีการสั่งการไปยังสถานีตำรวจต่างๆ ให้รวบรวมบัญชีคดีที่สามารถจับกุมแกนนำพันธมิตรฯ ทั้ง 5 คน ประสานกับการที่ไอ้โม่งจำนวนหลายพวกหลายกลุ่มให้ไปแจ้งความกล่าวหาแกนนำพันธมิตรฯ ที่โน่นบ้าง ที่นี่บ้าง
มีการออกข่าวกันครึกโครม ซึ่งหากขวัญและกำลังใจไม่สูงพอก็เห็นทีว่าจะต้องยอมสยบจำนนอย่างแน่นอน ก็ไม่รู้ชะตากรรมข้างหน้าว่าจะเป็นประการใด
เรื่องหนึ่ง พลเอกสมเจตน์ บุญถนอม อดีตหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการ คมช. กำลังถูกไอ้โม่งไปแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งนี่ก็อยู่ในข่ายที่อาจกล่าวได้ว่าเป็นบัญชีหนึ่งของการถูกเช็กบิล
แต่พลเอกสมเจตน์ บุญถนอม อย่างไรเสียก็เป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ มีตำแหน่งเป็นถึงจอมพล รูปการณ์จึงน่าจะเป็นแค่การข่มขู่คุกคามให้ยอมจำนน แต่ถ้าดึงดันก็คงดำเนินคดีกันต่อไป
เรื่องหนึ่ง พลเอกสพรั่ง กัลยาณมิตร ก็กำลังถูกไอ้โม่งไปแจ้งความดำเนินคดีอีกเหมือนกัน แต่ในขณะนี้คงยังไม่มีการขยับอะไรกันมากนัก เพราะภาพลักษณ์นายทหารผู้จงรักภักดียังเป็นที่เกรงขามของคนบางพวกอยู่
แต่เมื่อใดที่เกษียณอายุราชการ เมื่อนั้นก็อาจถูกเช็กบิลตามพลเอกสมเจตน์ บุญถนอม ไปก็ได้
แล้วถามว่าบรรดาคณะทหารที่ทำการปฏิวัติในวันที่ 19 กันยายน 2549 จะไม่ถูกเช็กบิลหรือ?
ถูกแน่! และคงถูกเช็กบิลอย่างหนักหน่วงรุนแรงเป็นแน่ เป็นแต่ว่าเวลาและโอกาสยังไม่ถึง เพราะต้องรอให้สิ้นเขี้ยวสิ้นเล็บก่อน
อา! กรงเล็บปีศาจมันกำลังแผ่ปกคลุมแผ่นดินอันเป็นราชอาณาจักรไทยแล้ว เราท่านทั้งหลายจะไม่ได้อยู่ในแผ่นดินที่เราเคยมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว
แต่ทว่าอย่าสิ้นหวัง กฎแห่งประวัติศาสตร์มีให้เห็นมาแล้ว และกงล้อแห่งประวัติศาสตร์นั้นย่อมหมุนทับรอยเดิมอยู่เสมอ!