นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แถลงว่า นโยบายการว่าจ้างบริษัทเอกชน รับงานโครงการฝึกอบรมข้าราชการในสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ระบุว่า มีความไม่โปร่งใสเพราะมีการผูกขาดนั้น สตง.ยืนยันไม่ได้มีการผูกขาดตามที่ดีเอสไอกล่าวหา แต่สาเหตุที่ สตง. เลือกบริษัทดังกล่าวเข้ามาทำหน้าที่ เพราะมีผลงานเป็นที่น่าพอใจมากจากการที่เคยผ่านงานการอบรมให้กับสำนักงานคณะกรรมการหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) และหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ
นายพิศิษฐ์ กล่าวว่า นโยบายดังกล่าวมีมาตั้งแต่ปี 2545 เนื่องจากคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าฯสตง. เห็นว่าโครงการนี้จะช่วยพัฒนาข้าราชการ สตง.ในการตรวจสอบในสถานการณ์ที่บ้านเมือง และความคาดหวังของประชาชน
"เรื่องนี้เป็นข่าวเพราะว่ามีกลุ่มการเมืองก่อนมีการรัฐประหาร ทั้งกลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ และพิราบขาว ได้ไปร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เอาไว้ก่อนแล้ว เพื่อดิสเครดิต สตง. แต่เมื่อเห็นว่ายังไม่บรรลุวัตถุประสงค์ จึงได้มีการส่งเรื่องให้ ดีเอสไอ ดำเนินการต่อ จนในที่สุด ดีเอสไอก็ได้มีการนำคดีนี้เป็นคดีพิเศษ จึงอยากถามว่า คดีนี้มีความสลับซับซ้อนอย่างไรถึงได้มีการตั้งเป็นคดีพิเศษ ทั้งๆ ที่มีคดีอื่นๆ ที่ได้มีการร้องไปที่ดีเอสไอ ซึ่งอยากทราบว่า ได้มีการดำเนินการไปแล้วอย่างไรบ้าง" นายพิศิษฐ์ กล่าว
นายพิศิษฐ์ กล่าวว่า ยืนยันว่าการที่ สตง. ยังไม่ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับคดีนี้ตามที่ดีเอสไอ ขอมา เนื่องจากสตง.เห็นว่าดีเอสไอ ไม่น่าจะเข้ามาตรวจสอบเรื่องการใช้เงินขององค์กรอิสระได้ ที่สำคัญเรื่องนี้ก็ได้มีการร้องไปยัง ป.ป.ช.แล้วด้วย อย่างไรก็ตามสตง. ได้ทำตามระเบียบทุกประการ และพร้อมที่จะชี้แจงกับองค์กรที่มีอำนาจในการตรวจสอบเรื่องนี้อย่างป.ป.ช.
" การที่สตง. เข้าไปตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณของกระทรวงยุติธรรมช่วงนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับการที่ดีเอสไอ กำลังตรวจสอบสตง. แต่การตรวจสอบของสตง.ครั้งนี้ เป็นไปตามฤดูตรวจสอบประจำปี ซึ่งดีเอสไอก็ไม่ได้รับการตรวจมา 1 ปีแล้วและถ้าดีเอสไอ ใช้จ่ายเงินตามปกติก็ไม่น่าจะไปกังวลอะไร โดยการตรวจสอบ สตง.ก็ได้ทำหนังสือแจ้งเปิดตรวจไปยังปลัดกระทรวงยุติธรรมแล้ว จึงอยากให้ดีเอสไอ เข้าไปสอบถามยังกระทรวงยุติธรรมเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย" รองผู้ว่าฯสตง. กล่าว
เมื่อถามว่าสตง.จะมีการฟ้องดีเอสไอ กลับหรือไม่ฐานให้เกิดความเสียหาย รองผู้ว่าฯสตง.กล่าวว่า ดีเอสไอ ควรต้องรับผิดชอบกับเรื่องนี้ด้วย และตอนนี้ สตง.ได้มอบหมายให้สำนักงานกฎหมายกำลังหาข้อมูลเพื่อฟ้องอยู่ ซึ่งจะเป็นการฟ้องเพื่อปกป้องศักดิ์ศรี และรักษาสิทธิ์
นายพิศิษฐ์ กล่าวว่า นโยบายดังกล่าวมีมาตั้งแต่ปี 2545 เนื่องจากคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าฯสตง. เห็นว่าโครงการนี้จะช่วยพัฒนาข้าราชการ สตง.ในการตรวจสอบในสถานการณ์ที่บ้านเมือง และความคาดหวังของประชาชน
"เรื่องนี้เป็นข่าวเพราะว่ามีกลุ่มการเมืองก่อนมีการรัฐประหาร ทั้งกลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ และพิราบขาว ได้ไปร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เอาไว้ก่อนแล้ว เพื่อดิสเครดิต สตง. แต่เมื่อเห็นว่ายังไม่บรรลุวัตถุประสงค์ จึงได้มีการส่งเรื่องให้ ดีเอสไอ ดำเนินการต่อ จนในที่สุด ดีเอสไอก็ได้มีการนำคดีนี้เป็นคดีพิเศษ จึงอยากถามว่า คดีนี้มีความสลับซับซ้อนอย่างไรถึงได้มีการตั้งเป็นคดีพิเศษ ทั้งๆ ที่มีคดีอื่นๆ ที่ได้มีการร้องไปที่ดีเอสไอ ซึ่งอยากทราบว่า ได้มีการดำเนินการไปแล้วอย่างไรบ้าง" นายพิศิษฐ์ กล่าว
นายพิศิษฐ์ กล่าวว่า ยืนยันว่าการที่ สตง. ยังไม่ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับคดีนี้ตามที่ดีเอสไอ ขอมา เนื่องจากสตง.เห็นว่าดีเอสไอ ไม่น่าจะเข้ามาตรวจสอบเรื่องการใช้เงินขององค์กรอิสระได้ ที่สำคัญเรื่องนี้ก็ได้มีการร้องไปยัง ป.ป.ช.แล้วด้วย อย่างไรก็ตามสตง. ได้ทำตามระเบียบทุกประการ และพร้อมที่จะชี้แจงกับองค์กรที่มีอำนาจในการตรวจสอบเรื่องนี้อย่างป.ป.ช.
" การที่สตง. เข้าไปตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณของกระทรวงยุติธรรมช่วงนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับการที่ดีเอสไอ กำลังตรวจสอบสตง. แต่การตรวจสอบของสตง.ครั้งนี้ เป็นไปตามฤดูตรวจสอบประจำปี ซึ่งดีเอสไอก็ไม่ได้รับการตรวจมา 1 ปีแล้วและถ้าดีเอสไอ ใช้จ่ายเงินตามปกติก็ไม่น่าจะไปกังวลอะไร โดยการตรวจสอบ สตง.ก็ได้ทำหนังสือแจ้งเปิดตรวจไปยังปลัดกระทรวงยุติธรรมแล้ว จึงอยากให้ดีเอสไอ เข้าไปสอบถามยังกระทรวงยุติธรรมเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย" รองผู้ว่าฯสตง. กล่าว
เมื่อถามว่าสตง.จะมีการฟ้องดีเอสไอ กลับหรือไม่ฐานให้เกิดความเสียหาย รองผู้ว่าฯสตง.กล่าวว่า ดีเอสไอ ควรต้องรับผิดชอบกับเรื่องนี้ด้วย และตอนนี้ สตง.ได้มอบหมายให้สำนักงานกฎหมายกำลังหาข้อมูลเพื่อฟ้องอยู่ ซึ่งจะเป็นการฟ้องเพื่อปกป้องศักดิ์ศรี และรักษาสิทธิ์
