xs
xsm
sm
md
lg

“สามเกลอ” ผวา “เรืองไกร” ยื่นสอบหุ้น - ใช้ NBT ด่ากันไว้ก่อน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายวีระ มุสิกพงษ์
แก๊งสามเกลอ สุดแค้น “ส.ว.เรืองไกร” เตรียมยื่นตรวจสอบการถือหุ้น PTV หาเรื่องป้ายสีไว้ก่อน อ้างเป็น ส.ว.ได้ เพราะบารมี “หญิงเป็ด” แถมเหน็บ เหตุลอบวางเพลิงบ้าน เรื่องจริง หรือแค่เผาหลอก เบนประเด็นจี้ ป.ป.ช.เร่งเอาผิด “ชวน” กรณีขายทรัพย์สิน ปรส.ชี้ทำชาติเสียหายกว่า 4.5 แสนล้าน อ้างทำไมไม่รีบดำเนินคดี เหมือนที่ทำกับ “พ่อแม้ว”

เมื่อวันที่ 13 ส.ค.รายการความจริงวันนี้ ดำเนินรายการโดย นายวีระ มุสิกพงศ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย โดยมีผู้ร่วมรายการขาประจำ อย่าง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนกลุ่ม 6 พรรคพลังประชาชน มาร่วมดำเนินรายการเช่นเคย

ในช่วงแรกของรายการ ผู้ดำเนินรายการได้กล่าวถึง กรณี นายธาริต เพ็งดิษฐ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีขายทอดตลาดสินทรัพย์ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ของ 56 สถาบันการเงินที่ถูกปิดกิจการลงขององค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน หรือ ปรส.ได้สรุปสำนวนส่งให้อัยการสั่งฟ้อง ปรส.เมื่อวันที่ 11 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยมีผู้ต้องหา คือ นายวิชรัตน์ วิจิตรวาทการ เลขาธิการ ปรส.และ นายอมเรศ ศิลาอ่อน ประธานกรรมการบริหาร ปรส.ร่วมกับพรรคพวกรวม 8 ราย เป็นจำเลยที่ 1-8 ในความผิดฐาน เป็นพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ซึ่งมูลค่าความเสียหายกว่า 2,000 ล้านบาท มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 มีโทษจำคุก 1-10 ปี ปรับตั้งแต่ 2,000-20,000 บาท ซึ่งทางอัยการจะพิจารณาสั่งฟ้องคดีภายใน 60 วัน

ทั้งนี้ ผู้ดำเนินรายการ กล่าวว่า สาเหตุที่ยกตัวอย่างคดีของ ปรส.ขึ้นมากล่าวในครั้งนี้ ก็เนื่องจากต้องการชี้ให้เห็นว่า คดีดังกล่าว เกิดขึ้นเป็นเวลานานมากแล้วและสร้างความเสียหายเป็นอย่างมากต่อประเทศชาติ และที่สำคัญ ก็คือ พวกตนอยากเรียกร้องไปยัง ป.ป.ช.ด้วยว่า ในเมื่อคดีดังกล่าวถูกส่งไปยังอัยการแล้ว ดังนั้น ป.ป.ช.เองก็ควรเร่งดำเนินการเอาผิดกับผู้บริหารงานในขณะด้วย อันได้แก่ นายชวน หลีกภัย นายกรัฐานตรี และ นายธารินทร์ นิมานเหมินท์ รมว.คลัง สมัยนั้น เพราะผลจากการขายสินทรัพย์ของคณะกรรม ปรส.นั้น ได้สร้างความเสียหายเป็นจำนวนเงินถึง 4.5 แสนล้านบาท เนื่องจากเป็นการขายสินทรัพย์ได้ต่ำกว่าราคาจริง ซึ่งเท่าที่พวกตนทราบ ดีเอสไอ ก็ได้ทำการสอบสวนสรุปคดีดังกล่าว ส่งต่อ ป.ป.ช.แล้วเมื่อต้นเดือน เม.ย.50 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ แล้วเหตุใดจนถึงตอนนี้คดียังไม่คืบหน้า

“ท่าน ป.ป.ช.ครับ ท่านได้รับเรื่องราวเหล่านี้ไปเป็นปีแล้ว ทำไมถึงยังไม่ดำเนินการ หรือเป็นเพราะว่าคดีนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับนักการเมืองฝ่ายค้านที่ท่านเกรงใจหรือเปล่า” และว่า มูลค่าความเสียหายกว่า 450,000 ล้านนั้น เทียบได้หรือกับคดีที่ คปค.มอบให้ทำคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งความเสียหายไม่ถึงหมื่นล้านด้วยซ้ำ แล้วเหตุใด ป.ป.ช.จึงไม่เร่งทำคดีดังกล่าว เหมือนกับที่เร่งทำคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ

ผู้ดำเนินรายการได้เล่นสำนวน ว่า สิ่งที่พวกตนนำมากล่าวในวันนี้อาจทำให้บางคนเจ็บช้ำไปบ้าง แต่ก็ต้องทำเพื่อรักษาประชาธิปไตยเอาไว้ และหากถามว่าพวกวตนทำเพื่อใคร ก็ต้องตอบว่า พวกเราทำเพื่อประชาชนคนไทย 60 ล้านคน

อย่างไรก็ตาม ผู้ดำเนินรายการไมได้อธิบายว่า กรณี ปรส.นี้เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย ซึ่งหากมีความเสียหายจริง ในช่วงที่ พ.ต.ท.ทักษิณมาเป็นนายกฯ เป็นเวลา 5-6 ปี จึงไม่เร่งดำเนินการเอาผิด

ในช่วงต่อมา ผู้ดำเนินรายการได้กล่าวถึง นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ผู้ซึ่งเคยยื่นเรื่องตรวจสอบคุณสมบัตินายกรัฐมนตรี หรือยื่นตรวจสอบการถือหุ้นของบริษัทเพื่อนพ้องน้องพี่ ซึ่งผู้ดำเนินรายการทั้ง 3 เป็นเจ้าของหุ้นคนละ 10 ล้านบาท

โดยผู้ดำเนินรายการ กล่าวว่า เนื่องจากมีคนสอบถามมามากมาย ว่านายเรืองไกรเป็นใคร เหตุใดจึงยื่นตรวจสอบโน่นนี่อยู่ตลอดเวลา วันนี้พวกตนจึงนำข้อมูลนายเรืองไกรว่า กล่าวให้ฟัง ว่าตัวนายเรืองไกรนั้น ในอดีตเคยเป็นที่ปรึกษาของ คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่า สตง. คนปัจจุบัน จากนั้นเมื่อคุณหญิงจารุวรรณ ได้เป็นหนึ่งในคณะกรรมการสรรหา ส.ว. นายเรืองไกร จึงได้รับเลือกมาเป็น ส.ว. สรรหาในปัจจุบัน ซึ่งก็คงไม่ต้องเดาว่าเพราะใครช่วยผลักดัน นายเรืองไกรจึงมาเป็น ส.ว.ได้ เรื่องนี้จึงเห็นได้อย่างชัดเจนว่า คนที่ทำการมาไล่ต้อนนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งในปัจจุบันนั้น ล้วนมาจากกลุ่มคนที่สืบทอดอำนาจมาจากรคณะรัฐประหารทั้งสิ้น

อย่างไรก็ตาม ผู้ดำเนินรายการไม่ได้ชี้แจงว่า ข้อกล่าวหาที่นายเรืองไกร ระบุว่า ทั้ง 3 คนซื้อขายหุ้นในบริษัทเพื่อนพ้องน้องพี่โดยไม่เสียภาษี และนายจตุพร ในฐานะที่เป็น ส.ส.ก็ไม่ได้รายงานการถือครองทรัพย์สินส่วนนี้ต่อ ป.ป.ช.นั้น ทั้ง 3 คนจะชี้แจงอย่างไร

นอกจากนี้ ยังให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัว นายเรืองไกร ไม่ครบถ้วน โดยเฉพาะเรื่องที่ นายเรืองไกรยื่นตรวจสอบนักการเมืองนั้นได้ทำมาตั้งแต่สมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกฯ ก่อนเกิดการรัฐประหารของ คมช.โดยกรณีที่เป็นข่าวโด่งดัง คือ การที่ นายเรืองไกร ได้รับหุ้นจากบิดาแล้วสรรพากรเรียกเก็บภาษี แต่กรณีที่คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ยกหุ้นให้ นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ สรรพากรกลับไม่เก็บภาษี ซึ่งทำให้สรรพากรต้องคืนเงินภาษีให้นายเรืองไกรในเวลาต่อมา เพื่อที่จะบอกว่าการยกหุ้นให้คนอื่นนั้นไม่ต้องเสียภาษี แต่นายเรืองไกรไม่ยินยอมและนำเงินภาษีมาจ่ายให้สรรพากรตามเดิม และกลายเป็นบรรทัดฐานให้มีการดำเนินคดีคุณหญิงพจมาน และ นายบรรณพจน์ ฐานหลีกเลี่ยงภาษีการซื้อขายหุ้นบริษัท ชินวัตร คอมพิวเตอร์ฯ ซึ่งศาลอาญาได้มีคำพิพากษาให้คุณหญิงพจมาน และนายบรรณพจน์ มีความผิด สั่งจำคุกคนละ 3 ปี เมื่อวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา

ในช่วงท้ายรายการ นายณัฐวุฒิ ได้กล่าวถึงเหตุการณ์คนร้ายลอบวางเพลิงบ้านของคุณหญิงจารุวรรณ เมื่อคืนวันที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมา ว่า พวกตนขอแสดงความเสียใจด้วย แล้วก็ขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งจับคนร้ายให้ได้ เพื่อที่คนจะได้รับรู้ว่าใครกันที่กระทำการเลวทรามต่ำช้าเช่นนั้น

นายณัฐวุฒิ ได้กล่าวเหน็บแนมถึงกรณีดังกล่าวด้วยว่า “พูดถึงเรื่องเผาเนี้ยะ ผมเองก็เคยไปงานศพมามาก ซึ่งงานศพนั้นก็มีทั้งเผาจริงและเผาหลอก ผมก็ขอพูดเท่านี้” และว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องมาประเมินคดีนี้ให้ดีว่า ใครกันจะบ้าพอที่จะเข้าบ้านไปตอนตี 1 ตี 2 ลอบวางเพลิงในคืนที่ฝนตกหนักอย่างนั้น
นายจตุพร พรหมพันธุ์
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
กำลังโหลดความคิดเห็น