“รองโฆษกรัฐบาล” อ้างหลักฐานเด็ด โวย ป.ป.ช.เตะถ่วงคดี ปรส.โกงชาติ 6 แสนล้าน ตั้งแต่ปี 49 แต่คดียังไม่คืบ จี้ให้ลาออกยกคณะ แต่ยังทุรังงัดที่มาโดยไม่ได้รับโปรดเกล้าฯมาเล่าใหม่
วันนี้ (20 ส.ค.) นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลงเรียกร้องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชุดปัจจุบันลาออกจากตำแหน่ง ว่า ตนมีข้อมูลทวงถามจริยธรรมและมาตรฐานในการทำงานของ คณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดนี้ นอกจากมีที่มาโดยไม่ได้การโปรดเกล้าฯแล้ว ล่าสุด เมื่อวันที่ 2 ก.ค.2551 นายวีระ มุสิกพงศ์ ได้ทำหนังสือทวงถามความคืบหน้าในคดีที่มีการกล่าวหาคณะกรรมการองค์การเพื่อการปฏิรูปสถาบันการเงิน (ปรส.) และบุคคลที่เกี่ยวข้องในการขายทรัพย์สินของสถาบันการเงิน ที่ปิดกิจการให้บริษัท โกลด์แมน แซคส์ เอเชียไฟแนนซ์ จำกัด ถึงสำนักงาน ป.ป.ช.เพราะทราบว่าทางกองปราบปรามและกรมสืบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ส่งเรื่องดังกล่าวให้ ป.ป.ช.ดำเนินการต่อตั้งแต่ปี 2549 จนถึงปัจจุบันเป็นเวลาปีกว่าแต่ยังไม่มีความคืบหน้า ปรากฏว่า สำนักงานงาน ป.ป.ช.ได้มีหนังสือลงวันที่ 9 ก.ค.2551 ลงนามโดย นายสมชิต สตภูมินทร์ รองเลขาธิการฯปฏิบัติงานแทนเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.ตอบกลับมาว่า ได้มีการแต่งตั้งอนุกรรมการไต่สวนกรณีดังกล่าวแล้ว ตั้งแต่วันที่ 14 ก.ค.2551 ทั้งนี้ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 8 ก.ค.เป็นต้นมา ซึ่งแสดงให้เห็นว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดนี้ไม่ได้ติดตามงานกรณี ปรส.ที่สร้างความเสียหายให้ชาติกว่า 6 แสนล้านบาทเลย หากไม่มีการติดตามทวงถาม หรือ ป.ป.ช.ซื่อต่อคนคด ทรยศต่อคนไทย จึงขอให้ชี้แจงในเรื่องดังกล่าวหรือแสดงความรับผิดชอบลาออกจากตำแหน่งไปเสีย
