“ไข่แม้ว” ได้คืบเอาศอก ไม่พอใจการชี้แจงของ กกต. - ร้องให้ชี้แจงเพิ่ม

อดีตแกนนำ นปก. ไม่พอใจคำชี้แจงของ เลขาฯ กกต. เรื่อง ความโปร่งใส การจ้างพิมพ์บัตรเลือกตั้ง งอแง จะให้ออกมาอธิบายอีก เรื่องพิมพ์บัตรเลือกตั้งเกิน ไม่วายป้ายสี เป็นองค์กรเลือกปฏิบัติ ทำคดีทุจริตของ ปชป. ช้ากว่า คดีของพรรคร่วม รบ. – เดินหน้ากัด ป.ป.ช. เหมือนเคย ชี้ ถ้ายังไม่ลาออก ก็จะด่าผ่านจอทุกวัน

วันนี้ (8 ส.ค.) รายการเพื่อนพ้องน้องพี่ พีทีวีภาคพิเศษ ออกอากาศทางโทรทัศน์ดาวเทียมเอ็มวี 5 ดำเนินรายการโดย นายวีระ มุสิกพงศ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนกลุ่ม 6 พรรคพลังประชาชน และ นายก่อแก้ว พิกุลทอง หนึ่งในผู้บริหารสถานีโทรทัศน์พีทีวี

เมื่อเริ่มรายการ ผู้ดำเนินรายการได้นำเอาเทปบันทึกภาพการอภิปรายของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยสามัญนิติบัญญัติ เมื่อวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับการ การอภิปรายโจมตีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่าเข้าดำรงตำแหน่งไม่ถูกต้อง เนื่องจากไม่ได้รับพระบรมราชโองการการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง โดยมีการแต่งตั้งตามประกาศ คปค.ฉบับที่ 19 ซึ่งไม่ถือว่า ประกาศดังกล่าวออกโดยรัฏฐาธิปัตย์ เนื่องจาก คปค.ได้ยกเลิกการบังคับใช้รัฐธรรมนูญ 40 แต่ไม่ได้ยกเลิก พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ซึ่งมาตรา 12 ของ พ.ร.บ.ดังกล่าว ระบุว่า พระมหากษัตริย์ทรงโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งกรรมการ ป.ป.ช.มีวาระการดำรงตำแหน่ง 9 ปี เป็นการยืนยันว่าพระราชอำนาจยังทรงดำรงอยู่

นอกจากนี้ ป.ป.ช. ยังไม่สามารถรับเงินเดือนได้อีกด้วย เพราะผิด พรบ. เงินเดือน ที่ระบุว่าจะได้รับเงินเดือนก็ต่อเมื่อได้รับการโปรดเกล้าฯ ส่วนหนังสือที่ ป.ป.ช.อ้างว่าได้รับสำนักราชเลขาธิการระบุว่า ป.ป.ช.ดำรงตำแหน่งถูกต้องแล้วนั้น ตนไม่เชื่อดังนั้นจึงอยากให้ ป.ป.ช. นำหนังสือดังกล่าวมาแสดงต่อสภาฯ ด้วย

ทั้งนี้เมื่อนำเทปบันทึกภาพการอภิปรายของ นายจตุพรจบแล้ว ทางรายการก็ตัดเข้าโฆษณาทันที โดยไม่มีการนำคำชี้แจง ของนายศราวุธ เมนะเศวต เลขาธิการสำนักงาน ป.ป.ช. ซึ่งกล่าวอธิบายถึงที่มาของของ ป.ป.ช.ว่า มีที่มาอย่างถูกต้อง มาเปิดเผยแพร่แต่อย่างใด และเมื่อเริ่มรายการในช่วงที่สอง ผู้ดำเนินรายการทั้ง 4 จึงได้สลับกันกล่าวโจมตี ป.ป.ช. อีกครั้ง ว่าไม่ว่าอย่างไร ป.ป.ช. ก็ต้องเก็บกระเป๋าแล้วยุติการทำงานสถานเดียว และหาก ป.ป.ช. ยังไม่มีจิตสำนึกละอายต่อการกระทำอยู่อย่างนี้ พวกตนก็จะกล่าวขับไล่ผ่านรายการอย่างนี้ไปทุกวัน

เมื่อจบเรื่องของการกล่าวโจมตี ป.ป.ช.แล้ว ผู้ดำเนินรายการ ก็พุ่งเป้าโจมตีไปที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)โดยกล่าวถึงกรณีที่วันนี้ นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. ออกมา ยืนยันว่าการจ้างพิมพ์บัตรออกเสียงประชามติของ กกต.มีการดำเนินการโดยถูกต้อง โปร่งใส และตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน โดย กกต.ได้เปิดโอกาสให้บริษัทต่างๆ ยื่นข้อเสนอและเปิดรับเอกสารประกวดราคา จนได้บริษัทที่มีผ่านการเลือกตั้ง 2 บริษัท ซึ่งหลังจากนั้น กกต. ก็ยังต่อรองราคากับบริษัททั้งสองจนได้ลดราคาประหยัดเงินของประเทศได้กว่า 2,958,650 บาทนั้น

ผู้ดำเนินรายการทั้ง 4 ได้กล่าววิพากษ์วิจารณ์คำตอบของ เลขา กกต.ว่า ตอบได้ไม่ตรงคำถาม เนื่องจากสิ่งที่พวกตนถามก็คือ เหตุใดจึงมีบริษัทที่ผ่านคุณสมบัติแค่ 2 บริษัท แท้จริงแล้ว กกต.ตั้งสเปก การพิมพ์ไว้อย่างไร เหตุใดบริษัทอื่น ๆ จึงไม่ผ่าน และเหตุใดบริษัททั้งสองจึงเสนอราคาพิมพ์บัตรแต่ละภาคไม่เท่ากันเช่นบริษัท ที.เค.เอส.เทคโนโลยี เสนอราคาบัตรเลือกตั้งใน ภาคกลาง ภาคตะวันออก ราคาแผ่นละ 1.03 บาท ส่วนภาคใต้ราคา 1.10 บาท ส่วนบริษัท บริษัท จันวาณิชย์ ซีเคียวริตี้ พริ้นติ้ง ผู้จัดพิมพ์อีกราย ให้ราคาต่ำสุดใน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และ ภาคเหนือ มีราคาแผ่นละ 1.05 บาท ซึ่งเป็นที่น่ากังขาว่า เหตุใดบริษัททั้งสองจึงเสนอราคาต่างกัน ในแต่ละภาค เพราะการพิมพ์บัตรก็มีลักษณะเหมือนกัน และตอนส่งมอบบัตรก็ส่งมอบให้ที่ กกต.กลางในกรุงเทพฯ แล้วเหตุใดบริษัททั้งสองจึงต้องเสนอราคาต่างกันในแต่ละภาค ทั้งที่ไม่ว่าจะภาคไหน ต้นทุนการผลิตก็น่าจะเท่ากัน

อีกทั้งบริษัททั้ง 2 ก็ยังทำมีพฤติการณ์เหมือนฮั้วกัน คือบริษัท ที.เค.เอส เทคโนโลยี ให้ราคาต่ำที่สุดในภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ แต่กลับให้ราคาสูงใน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และ ภาคเหนือ ซึ่งเป็นพื้นที่ ที่บริษัท วันวาณิชย์ ซีเคียวริตี้ พริ้นติ้ง ให้ราคาต่ำ จึงดูเหมือนว่าบริษัททั้งสองต่างหลีทางให้กันและกัน เพื่อแบ่งปันผลประโยชน์กันหรือไม่

นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่องของการจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้งเกินเป็นจำนวนมากด้วยว่า เหตุใด กกต. จึงต้องพิมพ์บัตรเลือกตั้งเกินกว่าจำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งกว่า 22 % ทั้งที่ไม่จำเป็นต้องพิมพ์บัตรเกินจำนวนมากมายขนาดนั้น ดังนั้นการที่ กกต. กล่าวว่า ได้เจรจาให้บริษัททั้งสองลดราคาลงได้ ทำให้ประหยัดงบประมาณแผ่นดินไป 5.69 % นั้น จึงไม่คุ้มค่าเลย กับจำนวนเงินที่ต้องเสียไปกับการพิมพ์บัตรเลือกตั้งเกินซึ่งไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์อะไร

ผู้ดำเนินรายการยังได้กล่าวถึง การทำงานของ กกต. ด้วยว่า ปฏิบัติหน้าที่แบบ 2 มาตรฐาน เพราะการกระทำของ นายวิทูรย์ นามบุตร ส.ส.สัดส่วน กลุ่ม 4 และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มีหลักฐานปรากฏชัดเจนว่า มีการแจกคูปองชมภาพยนตร์ให้กับประชาชน สลับกับการปราศรัยหาเสียงในโรงภาพยนตร์ แต่เรื่องดังกล่าวกลับไม่มีความคืบหน้า ทั้งที่ผ่านมากว่า 8 เดือนแล้ว แต่ยังไม่แล้วเสร็จเหมือนกับกรณีของพรรคพลังประชาชน กับมัชฌิมาธิปไตย และพรรคชาติไทย ที่ กกต.ดำเนินการอย่างรวดเร็ว จึงเป็นที่น่าสังเกตว่า กกต.จงใจที่จะเอื้อประโยชน์ให้กับพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่