“สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์” ออกโรงหนุน “ไกรศักดิ์” เปิดโปงขบวนการฆ่าตัดตอนจากนโยบายปราบยาเสพติด เผยคำพิพากษาศาลรัฐธรรมนูญชี้ชัด “แม้ว” สร้างเงื่อนไขบังคับให้เจ้าหน้าที่ ต้องหวนกลับไปใช้ความรุนแรงนอกระบบกฎหมาย ขณะเดียวกัน แฉ “เสริมศักดิ์” ออกหนังสือสุดอำมหิต ชี้นำลดยอดผู้ค้ายาเสพติดต้องจับกุม วิสามัญฯ และเสียชีวิตสถานเดียว
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ปราศรัย
วันนี้ (6 ส.ค.) เวลา 00.15 น. นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัยเพื่อชี้ให้เห็นถึงชนวนเหตุที่ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทิ้งทวนก่อนเดินทางไปต่างประเทศ ด้วยการส่งทนายความเข้าแจ้งความต่อนายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ภายหลังทนไม่ได้ที่ถูกเปิดโปงพฤติกรรมการละเมิดสิทธิมนุษยชนฆ่าล้างเผ่าพันธุ์จากนโยบายปราบยาเสพติด และสนับสนุนให้ฆ่าตัดตอนบนเวทีพันธมิตรฯ
นายสมเกียรติ กล่าวว่า เพราะการขึ้นเปิดโปงพฤติกรรมการฆ่าตัดตอนในช่วงการประสงครามกับยาเสพติดสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ มีผู้บริสุทธิ์ถูกฆ่าสนองนโยบายนี้จำนวนมาก คนไม่รู้อีโนอีเหน่ต้องมารับเคราะห์ สร้างความเดือดร้อนให้แก่ครอบครัวของผู้เคราะห์ร้ายอย่างรุนแรง นายไกรศักดิ์ เพียงชี้ให้เห็นว่า มีคนสั่งการอยู่เบื้องหลังกระบวนการฆ่าตัดตอนเท่านั้นก็ถูกแจ้งความเอาผิดทันที
“พ.ต.ท.ทักษิณ นั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของผู้บริสุทธิ์และไม่บริสุทธิ์ที่ไม่ผ่านกระบวนการยุติธรรมหรือไม่ เห็นได้จากคำพูดเมื่อวันที่ 14 ม.ค.46 พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ยื่นเงื่อนไขไปถึงผู้ค้ายาเสพติดให้เลิกพฤติกรรมดังกล่าวภายในเวลา 2 สัปดาห์ หากไม่เลิกก็มีโอกาสถูกจัดการทุกรูปแบบหมดทั้งตัว หมดทั้งชีวิต ได้ทั้งนั้น ดำเนินการตามกำหนด 3 เดือน มีผู้เสียชีวิต 2,873 ศพ แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังกล่าวกับเจ้าหน้าที่ ระบุจะมีผู้ค้ายาตายไปบ้างเป็นเรื่องปกติ” นายสมเกียรติ กล่าว
ทั้งนี้ นายสมเกียรติได้กล่าวเตือนสติไปยัง นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย และอดีต รมช.มหาดไทย ว่า จำได้หรือไม่สมัยดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย เคยออกหนังสือลงวันที่ 21 ก.พ.46 ที่ ศตส.มท.ว 78 เรื่องนโยบายและแนวทางการดำเนินงานต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด มีการระบุถึงการลดยอดผู้ค้ายาเสพติดใน 3 กรณี คือ จับกุม วิสามัญ และเสียชีวิต ชัดเจนว่า หนังสือนี้อำมหิตมาก หนังสือดังกล่าวจะเป็นตัวมัดและตราบาปติดตัวนายเสริมศักดิ์ไปตลอดชีวิต ฐานที่เป็นส่วนหนึ่งในการรู้เห็นแทนที่จะยับยั้ง
นายสมเกียรติ กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันในคำพิพากษาศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคไทยรักไทยและไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์ เรื่องฆ่าตัดตอน ปรากฏในสำนวนการเขียนคำพิพากษาของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หน้า 153 ระบุชัดเจนว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ประกาศนโยบายปราบปรามยาเสพติด โดยถือเป็นวาระแห่งชาติ ในการประกาศสงครามขั้นแตกหัก เพื่อเอาชนะยาเสพติดแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน
คำพิพากษาระบุอีกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้มอบหมายและชี้แจงนโยบายต่อเจ้าหน้าที่ระดับสูง เมื่อวันที่ 14 ม.ค.46 ให้ดำเนินการอย่างเด็ดขาด โดยใช้ถ่อยคำชี้นำ ปลุกเร้าและกดดันให้เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ปฏิบัติหวนกลับไปใช้ความรุนแรงนอกระบบกฎหมาย หลีกเลี่ยงกระบวนการยุติธรรมและหลักนิติธรรม ดังนั้น กรณีที่มีการฆ่าตัดตอน ประชาชนเสียชีวิตไป 2,500 คน จึงเป็นไปตามความต้องการและคำสั่งของ พ.ต.ท.ทักษิณ อย่างมิอาจจะหลีกเลี่ยงได้ คำพิพากษาดังกล่าวชัดเจนมาก แต่ไม่เข้าใจทำไม พ.ต.ท.ทักษิณ ยังส่งทนายไปฟ้องนายไกรศักดิ์ อีก
นอกจากนี้ นายสมเกียรติยังกล่าวชื่นชม นายศักดา คงเพชร ที่ยืนหยัดตรวจสอบคนใกล้ชิดนายกรัฐมนตรีรับสิบบน 10 ล้าน เพื่อวิ่งเต้นเก้าอี้รัฐมนตรี ขณะเดียวกันก็พร้อมส่งกำลังใจไปให้ เพื่อให้การตรวจสอบบรรลุวัตุประสงค์ตามเป้าหมาย ถึงแม้จะถูก ส.ส.พรรคเดียวกันตำหนิ ก็อย่าได้หวั่น ขอให้นายศักดาสู้ และเปิดโปงความไม่ถูกต้องต่อไป
ขณะเดียวกัน นายสมเกียรติยังยืนยันการสวมใส่เสื้อ “ลูกจีนรักชาติ” นั้นไม่ผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล หน่วยงานที่ได้รับมอบหมายโดยตรงจากนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้ดำเนินการตรวจสอบ ก็ไม่ควรมาเสียเวลากับเรื่องเหล่านี้ สู้เอาเวลาไปตรวจสอบสินบน 10 ล้านบาท วิ่งเต้นเก้าอี้รัฐมนตรีจะเหมาะสมกว่า มานั่งจับตาดูใครสวมใส่เสื้อ “ลูกจีนรักชาติ”