พันธมิตรฯ แถลง ประณามรัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติ ส่งกลุ่มอันธพาลของรัฐบาลทำร้ายร่างกาย และพยายามฆ่าประชาชนอย่างโหดเหี้ยม จวก “หมัก-เหลิม” รู้เห็นเป็นใจกลุ่มสมุนส่งกุ๊ยไล่ทำร้ายพันธมิตรฯ เตรียมยื่นฟ้องต่อ กก.สิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และ กก.สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง แถลงการณ์พันธมิตรฯ ฉบับที่ 17/2551
เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น.วันที่ 25 ก.ค.2551 ที่บ้านพระอาทิตย์ หลังจากมีการประชุมร่วมของ 5 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ต่อกรณีกลุ่มอันธพาลรุมทำร้ายประชาชนในเครือข่ายพันธมิตรฯ ที่ใช้สิทธิจัดชุมนุมโดยสงบในจังหวัดต่างๆ แล้ว นายสนธิ ลิ้มทองกุล 1 ใน 5 แกนนำ ได้อ่านแถลงการณ์พันธมิตรฯ ฉบับที่ 17/2551 ประณามรัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติ ที่ส่งกลุ่มอันธพาลของรัฐบาลทำร้ายร่างกาย และพยายามฆ่าประชาชนอย่างโหดเหี้ยม ดังนี้
แถลงการณ์ ฉบับที่ 17/2551
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
เรื่อง
ประณามรัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติ ที่ส่งกลุ่มอันธพาลของรัฐบาล
ทำร้ายร่างกายและพยายามฆ่าประชาชนอย่างโหดเหี้ยม
ตามที่ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ใช้สิทธิในการชุมนุมตามรัฐธรรมนูญอย่างสงบ อหิงสา และปราศจากอาวุธ เพื่อทำหน้าที่ของปวงชนชาวไทยตามรัฐธรรมนูญในการปกป้อง ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตลอดจนพิทักษ์รัฐธรรมนูญที่มาจากมติของมวลมหาประชาชนส่วนใหญ่ของคนในประเทศกว่า 14 ล้าน 7 แสนคน และยกระดับมาเป็นการโค่นล้มระบอบทักษิณ และขับไล่รัฐบาลหุ่นเชิดนั้น
ตลอดระยะเวลากว่า 61 วัน 61 คืน ที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ใช้สิทธิในการชุมนุมอย่างต่อเนื่องโดยสงบ อหิงสา และปราศจากอาวุธนั้น ได้ปรากฏว่า รัฐบาลได้ใช้วิธีการให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและนักการเมืองท้องถิ่น ตลอดจนแนวร่วมที่สนับสนุนพรรคพลังประชาชนจัดกลุ่มอันธพาลของรัฐบาล เพื่อไล่ทุบตี ทำร้ายร่างกาย และพยายามฆ่าประชาชนที่มาร่วมชุมนุมบนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตลอดจนทำลายทรัพย์สินที่ใช้จัดเวทีด้วยอาวุธหลากหลายชนิด อาทิเช่น มีด ขวาน ค้อน ไม้หน้าสามตอกตะปูโผล่ปลายแหลม ท่อนเหล็ก ก้อนหิน และลูกหิน ทั้งในกรุงเทพมหานครและในจังหวัดต่างๆ โดยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและข้าราชการฝ่ายปกครองได้สมรู้ร่วมคิด รู้เห็นเป็นใจปล่อยให้ผู้ปราศรัยบนเวทีและประชาชนผู้บริสุทธิ์ถูกอันธพาลของรัฐบาลทำร้ายร่างกายอย่างโหดเหี้ยมซึ่งหน้า ซึ่งเกิดขึ้นในหลายจังหวัดในรูปแบบที่คล้ายคลึงกัน เช่น กรุงเทพมหานคร ขอนแก่น เชียงใหม่ เชียงราย สกลนคร มหาสารคาม ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ อุดรธานี ฯลฯ
การกระทำดังกล่าวถือเป็นการกระทำที่เหี้ยมโหด ทารุณ ป่าเถื่อน โดยรัฐบาลและเจ้าหน้าที่รัฐคอยบงการ และสนับสนุนในการทำร้ายประชาชน
บัดนี้ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ทราบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสในการที่อันธพาลของรัฐบาลได้บุกทำร้ายร่างกาย และพยายามฆ่าพี่น้องประชาชนที่จังหวัดอุดรธานี
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจึงเห็นควรแสดงจุดยืนต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นดังนี้
1.พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขอแสดงความเสียใจและให้กำลังใจผู้ที่ถูกทำร้ายร่างกายในการชุมนุมที่ผ่านมา
2.พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยขอให้กำลังใจกับพี่น้องประชาชนที่ยืนหยัดอย่างกล้าหาญในการจัดเวที และขอให้ปฏิบัติตามประกาศของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ฉบับที่ 6/2551 ลงวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ.2551 ที่ให้พี่น้องประชาชนดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ซึ่งหน้าหรือสมรู้ร่วมคิดกับกลุ่มอันธพาลของรัฐบาลจนถึงที่สุด และแนะนำให้พี่น้องประชาชนงดจัดเวทีเฉพาะในพื้นที่ที่ไม่สามารถพึ่งพาเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ของรัฐในการให้ความปลอดภัยตามกฎหมายได้ และขอให้เข้าร่วมชุมนุมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่กรุงเทพมหานครแทน
หากพี่น้องประชาชนในจังหวัดใด มีความประสงค์ที่จะจัดเวทีของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขอให้ส่งตัวแทนเข้ามาประสานงาน และรับคำแนะนำจากพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยส่วนกลาง เพื่อร่วมกันประเมินสถานการณ์ รับทราบผล และสรุปสถานการณ์ โดยที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยส่วนกลางจะสามารถให้ข้อมูลข่าวสาร และประสบการณ์ในการเสนอแนะในการจัดชุมนุมได้
3.พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขอประณามรัฐบาล
หุ่นเชิดขายชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ได้ให้กลุ่มสมุนบริวารส่งอันธพาลของรัฐบาลมาทำร้ายร่างกาย ชีวิต และทรัพย์สินของประชาชน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ และข้าราชการฝ่ายปกครองนอกจากไม่คุ้มครองความปลอดภัยแล้ว ยังรู้เห็นเป็นใจที่ทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ว่า เป็นการกระทำละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง ไม่เคารพสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ ทำผิดกฎหมายอาญาให้เกิดขึ้นไปทั่วสารทิศ จนกลายเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนไม่เป็นที่ยอมรับในสากล จึงขอให้พี่น้องประชาชนได้ทราบถึงความชั่วช้าสามานย์ของรัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติชุดนี้
4.พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขอเรียกร้องต่อ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ในฐานะผู้ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยรักษาความมั่นคงภายใน ได้แสดงความรับผิดชอบมากกว่าการวางเฉย เพราะหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป ก็จะเกิดการนองเลือดทั่วประเทศกระทบต่อความมั่นคงภายใน เพราะฝ่ายที่ถูกกระทำอาจจะต้องลุกขึ้นสู้ในที่สุด และในเวลานั้นก็ใกล้จะมาถึงแล้ว
5.พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยืนยัน และสนับสนุนในทุกวิถีทางเพื่อฟ้องร้องดำเนินคดีความกับทุกคนที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มอันธพาลของรัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติ โดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะเป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชนในการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกๆคน ที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในทุกๆกรณี นอกจากนี้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มีมติให้ยื่นฟ้องร้องต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติต่อไป
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะหยุดยั้งการคุกคามและการก่อความรุนแรงกับประชาชน ตลอดจนดำเนินคดีกับกลุ่มอันธพาลของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกระดับทุกคน ซึ่งมาจากการวางแผนของรัฐบาล อันเนื่องมาจากรัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติอยู่ในภาวะจนตรอกนั่นเอง
ด้วยจิตคารวะ
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
วันที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2551
รวมกรณีที่รัฐบาลได้ส่งอันธพาลมาทำร้ายประชาชน
วันที่ 28 มีนาคม 2551 (กรุงเทพมหานคร)
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจัดงานสัมนา “ยามเฝ้าแผ่นดิน ภาคพิเศษ” ที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
กลุ่มอันธพาลของรัฐบาลฝั่งสนามหลวงได้ยิงน๊อตและลูกแก้วเข้ามาในมหาวิทยาลัยจนผู้ที่เข้ามารับฟังได้รับบาดเจ็บหลายคน
ภายหลังจบการสัมนา รถบัสของกองทัพธรรมที่เข้าร่วมสัมมนาประมาณ 40 คนได้ถูกกลุ่มอันธพาลของรัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติ ประมาณ 50 คนลอบทำร้าย โดยการขว้างปาก้อนหิน ขวด และภาชนะบรรจุน้ำปัสสาวะขึ้นมาบนรถซึ่งมีแต่ผู้หญิง คนแก่และเด็ก จนได้รับบาดเจ็บประมาณ 7 - 8 คน น.ส.พนมธรรม นาวาบุญนิยม อาการหนักที่สุดเพราะถูกปาก้อนหินโดนคางจนแตก ตำรวจไม่สามารถจับคนร้ายได้
วันที่ 25 เมษายน 2551 (กรุงเทพมหานคร)
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้จัดสัมมนาครั้งที่สอง ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กลุ่มอันพาลของรัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติ ได้ขว้างปาข้าวของ ขวดน้ำ ก้อนหิน เข้ามาในมหาวิทยาลัย นายเสรี อูมา ช่างภาพช่อง 7 ได้ถูกม็อบปาหินโดนบริเวณคิ้วจนแตกเลือดไหลอาบเต็มหน้า เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถจับกุมหรือควบคุมสถานการณ์ได้
วันที่ 25 พฤษภาคม 2551 (กรุงเทพมหานคร)
พันธมิตรพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้จัดชุมนุมใหญ่ที่ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ประชาชนที่เข้าร่วมชุมนุมถูกกลุ่มอันธพาลของรัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติ เข้าทำร้ายรางกายขณะเดินทางกลับ โดยน.ส.ระรินทิพย์ ฐิตานุวงศ์ โดนตบที่หน้าและหลานที่จะเข้ามาช่วยเหลือถูกกลุ่มต่อต้านกว่า 10 คน เตรียมเข้าทำร้าย โดยตำรวจไม่เข้ามาช่วยเหลือใดๆ
วันเดียวกัน ท้ายขบวนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ถูกกลุ่มอันธพาของรัฐบาล ลอบโจมตีด้วยการขว้างปาสิ่งของ ก้องอิฐ ขวดน้ำส้มสายชู น้ำปลาร้า ที่เตรียมมาเข้าใส่ท้ายขบวน รวมทั้งได้เข้าไปกระโดดถีบผู้ร่วมขบวน โดยที่ไม่มีตำรวจเข้าไปดูแล จนกระทั่ง นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที ถูกขว้างปาจนโหนกแก้มแตก นายศุภชัย ตระกูลรังสี การ์ดกลุ่มพันธมิตร ถูกกลุ่มอันธพาลของรัฐบาลใช้ไม้หน้าสามรุมตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ขาข้างซ้ายหัก และยังมีผู้บาดเจ็บฝ่ายพันธมิตรที่ถูกทำร้ายไม่สาหัสอีกประมาณ 10 คน
เวลา 00.30 น. บริเวณสี่แยกจปร.รถขนของของกองทัพธรรมถูกกลุ่มอันธพาลของรัฐบาลขว้างปาสิ่งของต่างๆเข้าใส่ ทั้ง ก้อนหิน ขวด และไม้ พร้อมตะโกนด่าเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นนอกจากเจ้าหน้าที่ตำรวจจะยืนเฉยไม่ดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับประชาชนผู้บริสุทธิ์แล้ว ยังไม่ปรากฏว่าได้มีความคืบหน้าในการดำเนินคดีความอาญากับกลุ่มอันธพาลของรัฐบาลแต่ประการใด
วันที่ 27 มิถุนายน 2551 (อุดรธานี)
กลุ่ม นปก. กลุ่มคนรักอุดร และกลุ่มคนรักทักษิณ ซึ่งเป็นกลุ่มอันธพาลของรัฐบาลประมาณ 200 คน นำโดย นายขวัญชัย ไพรพนา ทำการด่าทอ ปาข้าวของใส่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยการเพิกเฉยของเจ้าหน้าที่รัฐ
วันที่ 11 กรกฏาคม 2551 (สกลนคร)
กลุ่มอันธพาลของรัฐบาลประมาณ 400 คน ใช้หนังสติ๊ก ถุงปัสสาวะ ก้อนหิน ขวดกระทิงแดงขว้างใส่เวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจมิได้ดำเนินการใดๆ ที้สิ้น
วันที่ 13 กรกฎาคม 2551 (เชียงใหม่)
เวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่เชียงใหม่ กลุ่มอันธพาลของรัฐบาล นำโดย นายเพชรวัฒน์ พัฒนศิริกุล ประธานสภาประชาชนภาคเหนือ นายอัครเดช สุขลักษณ์ แกนนำเครือข่ายเหล้าพื้นบ้าน และ นายวิทยา ตันติภูวนาท หรือ แกนนำกลุ่มคนเจียงฮายฮักประชาธิปไตย โดยอันธพาลของรัฐบาล ได้ปาไข่เน่าใส่ไข่เน่าเข้าใส่พระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ ที่ติดตั้งไว้บริเวณหน้าโรงยิมฯ 3 จนทำให้พระฉายาลักษณ์เปื้อนไข่เน่า โดยเฉพาะบริเวณพระพักต์ หลังการปราศรัยของพันธมิตรจบลงกลุ่มต่อต้านได้เข้าปิดล้อมโรงยิมและขว้าง ไข่เน่า ถุงแกงบูด ถุงฉี่ ขวดน้ำ ก้อนหิน เข้าใส่ประชาชนที่เดินทางออกจากโรงยิมโดยไม่สนใจว่าจะเป็นเด็ก ผู้หญิง พระสงฆ์ หรือผู้สูงอายุใดๆ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่สามารถจับกุมกลุ่มอันธพาลนี้ได้แต่อย่างใด
วันที่ 17 กรกฏาคม 2551 (ศรีสะเกษ)
นายวีระ สมความคิด ที่เดินทางไปอุทยานเขาพระวิหาร ได้ถูกขัดขวางโดยตำรวจและอันธพาลของรัฐบาลที่สั่งการโดยผู้ว่าราชการจังหวัดได้ปิดถนน หลังจากนั้นกลุ่มอันธพาลของรัฐบาลได้ขว้างปาท่อนไม้ และนำท่อนไม้เข้าตีกลุ่มพันธมิตร จนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้รับบาดเจ็บหลายสิบราย และเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ดำเนินคดีกับกลุ่มอันธพาลดังกล่าวแตประการใด
วันที่ 19 กรกฏาคม 2551 (เชียงราย)
กลุ่มอันธพาลของรัฐบาลในนาม เครือข่าย "คนเจียงฮายฮักประชาธิปไตย" ประมาณ 1,000 คน ยกขบวนปิดทางเข้าสนาบบินเชียงรายเพื่อตรวจหากลุ่มพันธมิตร ทางกลุ่มต่อต้านยังได้แยกย้ายค้นตามสถานที่ต่างๆอย่างอุกอาจเช่น สำนักงานมูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา ชุมชนป่างิ้ว เทศบาลนครเชียงราย ซึ่งเป็นสำนักงานของนางเตือนใจ ดีเทศน์ อดีต ส.ว. เชียงราย โดยได้ข้าวปาสิ่งของเข้าใส่สำนักงาน ยิงหนังสติ๊กใส่ , ปิดล้อมบ้านของ นายผ้าง พลชัย เจ้าของวิทยุชุมชนห้วยไคร้ 107.5 เมกะเฮิร์ตซ์ แกนนำพันธมิตร จ.เชียงราย และได้ทำลายหม้อแปลงไฟหน้าบ้าน ทุบหลังคาบ้าน โดยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ดำเนินการใดๆ
วันที่ 23 กรกฏาคม 2551 (มหาสารคาม)
กลุ่มอันธพาลของรัฐบาล 400 คน บุกรื้อเวทีพันธมิตร จนเกิดการจลาจล หลังเหตุการณ์สงบ พบว่า นายการุณ ใสงาม ถูกปาด้วยอิฐและหนังสติ๊กยิงที่สีข้างและศีรษะและได้รับบาดเจ็บสาหัสจนต้องเข้าโรงพยาบาล โดยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น
วันที่ 24 กรกฎาคม 2551 (บุรีรัมย์)
กลุ่มอันธพาลของรัฐบาลได้นำก้อนหิน ท่อนเหล็กบรรจุปูน ทำลายเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ทุบทำลายลำโพง และทรัพยสิน ทางราชการ และขว้างปาด้วยก้อนหินและของแข็งใส่ผู้ชุมนุม
วันที่ 24 กรกฏาคม 2551 (อุดรธานี)
กลุ่มอันธพาลของรัฐบาล ในนามกลุ่มคนรักอุดร นำโดย ขวัญชัย ไพรพนา และ น้องชาย ธีระชัย แสนแก้ว ซึ่งเป็น ส.ส.พรรคพลังประชาชน ได้นำอาวุธมีด ขวาน ไม้หน้าสามติดตะปู ลูกหิน ลุยทำร้ายพันธมิตรฯ พร้อมเผารื้อทำลายเวที ส่งผลพันธมิตรฯ บาดเจ็บและบาดเจ็บสาหัสรวม 20 ราย
รายละเอียดแกนนำพันธมิตรฯ แถลงประณาม "ม็อบถ่อย" จ.อุดรธานี
สนธิ - จะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้านักการเมืองท้องถิ่นและพรรคการเมืองที่มีอำนาจรัฐอยู่ไม่ให้การสนับสนุน ที่สำคัญที่สุด ไม่ว่ากระทรวงมหาดไทย หรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะต้องรับผิดชอบอย่างที่สุด เพราะจากวิดีโอก็จะเห็นได้ชัดว่าเจ้าหน้าที่รัฐนั้นทำทีห้ามแบบขอไปที ไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะมาปกป้องหรือป้องกันประชาชน ทั้งๆ ที่กลุ่มผู้ที่มาชุมนุมที่อุดรธานีนั้น เป็นการชุมนุมเพื่อปราศรัย ของเราชุมนุมมา 61 วัน 31 คืน เราไม่เคยทำร้ายสิ่งของ ทำลายสิ่งของ เราชุมนุมด้วยความสงบ อหิงา เราถูกกลั่นแกล้งตลอดเวลา นี่เป็นผลงานของอันธพาลที่รัฐบาลให้การสนับสนุน
อุดรธานี ชัดเจน นายขวัญชัย ไพรพนา เป็นคนของพรรคพลังประชาชน เป็นดีเจ ที่โจมตีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมาตลอด และกลุ่มชาวบ้านก็นำมาโดยน้องชายนายธีระชัย แสนแก้ว ซึ่งเป็นรัฐมนตรีอยู่ในรัฐบาลชุดนี้ ทุกอย่าง นายธีระชัย แสนแก้ว ก็ต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ต้องรับผิดชอบในฐานะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งได้ออกมาปฏิเสธอย่างน่าอับอายขายหน้าที่สุดว่าไม่เกี่ยวกัน
การคุกคามเช่นนี้กำลังเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา และกำลังก่อให้เกิดชนวนที่อาจจะก่อให้เกิดการนองเลือดได้ เพราะฝ่ายประชาชนที่ถูกกระทำนั้น อาจจะต้องหันเข้าหาวิธีการที่ต้องป้องกันตัวเอง และเมื่อวิธีการที่ต้องป้องกันตัวเองแล้ว ประชาชนที่ถูกกระทำที่มีความคั่งแค้นอยู่ทั่วประเทศไทย ถ้าพร้อมใจกันลุกฮือกันทั่วประเทศ ประเทศไทยจะต้องนองเลือดแน่ และการนองเลือดครั้งนี้ ถ้าเกิดขึ้น เกิดขึ้นเพราะรัฐบาลชุดนายสมัคร สุนทรเวช พรรคพลังประชาชน และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นผู้ที่ทำให้เกิดการนองเลือดขึ้นมา
จำลอง - ผมขอพูดเพิ่มเติมว่าการจัดการชุมนุมของพันธมิตรฯ ในต่างจังหวัดนั้น พันธมิตรฯ ที่อยู่ในต่างจังหวัดเขาคิดริเริ่มขึ้นเอง รวบรวมสมัครผู้คนขึ้นเอง โดยที่พันธมิตรฯ ส่วนกลางไม่ได้เข้าไปจัดการแต่อย่างใด แต่เนื่องจากพันธมิตรฯ พวกเราก็ทราบอยู่แล้วว่ามีจำนวนมากมายก่ายกอง เราไม่มีการจดลงทะเบียน มีรายชื่อ มีบัตรประจำตัว เราทำไม่ได้เพราะมีเป็นแสนๆ ล้านๆ คน เพราะงั้นใครก็ตามที่มีความเห็นตรงกันว่าในยุคนี้ ยามนี้ บ้านเมืองเกิดปัญหา เราควรจะใช้การชุมนุมอย่างสงบตามรัฐธรรมนูญ เราก็จัดให้มีกันขึ้น จะเห็นได้ชัดว่าเมื่อวานซืนนี้ อ.สมเกียรติ เพิ่งอ่านประกาศของพันธมิตรฯ ไป ว่าพื้นที่ไหนที่สุ่มเสี่ยง ที่เราไม่สามารถจะพึ่งพาตำรวจและเจ้าหน้าที่ของรัฐในการคุ้มครองความปลอดภัยเราตามกฎหมายได้ ก็อย่าจัด ให้มาจัดที่กรุงเทพฯ และวันนี้ที่คุณสนธิอ่านไปก็เพิ่มเติมมาอีกว่า ถ้าจะจัดก็ขอให้มาปรึกษาหารือกันก่อน ในฐานะที่เรามีประสบการณ์มายาวนาน ว่าการจัดควรจะเป็นอย่างไร จะได้ไม่พลาดต่อไปอีก
จะเห็นชัดว่าพันธมิตรฯ ส่วนกลางนั้นไม่สามารถจะไปควบคุมบังคับบัญชา สั่งห้ามเขาได้ ถ้าเขาจะจัด มันเป็นความริเริ่มซึ่งน่าดีใจ เพราะว่าเขาจัดนี่เขาก็เสีย เสียเงิน เสียแรง เสียเวลา เสียทุกสิ่งทุกอย่าง เราจะไปห้ามเขาก็ไม่ได้ เราได้แต่เพียงให้คำแนะนำเขาแล้วก็บอกกล่าวเขาไป มีการประกาศเป็นทางการไปเมื่อวานซืนนี้ก็ทำ แล้ววันนี้ก็มีประกาศเพิ่มเติมอีกว่า ยังไงก็ตามถ้ายังยืนยันว่าจะจัดอยู่ ก็ขอให้มา ส่งคนมาประสานงานกับเรา เพื่อเราจะได้ให้คำแนะนำไปว่าควรจะจัดอย่างไร ในฐานะมีประสบการณ์มากกว่า นี่คือสิ่งที่อยากจะเพิ่มเติมไป แล้วเราก็ไม่ปฏิเสธว่ามาจากพันธมิตรฯ เพราะว่าพันธมิตรฯ ก็เป็นกันได้ทั้งนั้น เป็นแสนๆ ล้านๆ คน แต่เราไม่ได้ลงมือไปทำเอง แล้วเราก็เห็นด้วยที่เขาจะทำ แต่เขาจะต้องดูจังหวะ จะต้องดูพื้นที่ ว่ามั่นใจได้หรือเปล่าว่าทางจังหวัด แล้วก็ทางตำรวจสามารถที่จะใช้กฎหมายมาคุ้มครองเรา เพราะอีกฝ่ายหนึ่งทำผิดกฎหมาย ไม่ใช่มาตีกันเองนะ ผู้สื่อข่าวหลายต่อหลายแห่งลงข่าวไปในทำนองว่าตีกัน มันไม่ใช่ เราอยู่เฉยๆ แล้วเขามาตีเรา เขาผิดนะ ไม่ใช่เราผิด
สนธิ - คือ ประชาชนมีสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ที่จะชุมนุมโดยสงบและสันติ เหมือนกับกลุ่ม นปก.อยากจะชุมนุมที่สนามหลวงก็ชุมนุมได้ ทุกๆ แห่งที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ชุมนุมนั้น เราใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ สงบ สันติ แต่เราจะโดนกลุ่มซึ่งเป็นกุ๊ยอันธพาลของรัฐบาลยกพวกมา โดยความร่วมมือ ต้องระวังคำพูดนี้ ผมขอเน้นนะ "โดยความร่วมมือของเจ้าหน้าที่รัฐ" เพิกเฉย ละเลย ปล่อยให้พวกนี้เอาอาวุธมาทำร้ายประชาชน ก็อุปมาอุปไมยเหมือนกลุ่ม นปก.ที่ชุมนุมอยู่ที่สนามหลวง เมื่อกินเหล้าได้ที่แล้วก็ยกขบวนมาระรานการชุมนุมที่สะพานมัฆวานฯ เป็นครั้งๆ ไป ด้วยอาวุธเช่นกัน เพราะฉะนั้นแล้ว ลักษณะแบบนี้ เจ้าหน้าที่รัฐ เมื่อเจ้าหน้าที่รัฐไม่ปฏิบัติตามหน้าที่ที่ควรจะต้องปฏิบัติ ผมเกรงว่าวันหนึ่งข้างหน้าประชาชนจะติดอาวุธและป้องกันตนเอง และเมื่อนั้น ผมเกรงว่าจะห้ามอะไรไม่อยู่แล้วนะครับ
ช่วงถาม-ตอบ
ถาม (เสียงไม่ชัดเจน)
สนธิ - ท่านเป็นผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ท่านสามารถที่จะเรียกทหารออกมาป้องกัน ท่านไม่ได้ไปจับกุมใคร แต่ท่านสามารถจะป้องกันไม่ให้เหตุเกิดได้ เพราะว่านี่คือส่วนหนึ่งของความมั่นคงภายใน
สมเกียรติ - ผมอยากจะเรียนว่า รัฐบาลชุดนี้ได้สะท้อนภาพของการสนับสนุนแก๊งอันธพาลทางการเมือง ถ้าเราไม่ปฏิเสธเลย นายกรัฐมนตรีสมัคร ไม่เกี่ยวข้องทางใดทางหนึ่งกับเหตุการณ์หฤโหดถึง 3 ครั้ง ในประเทศไทย ที่ต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ เหตุการณ์แรกก็คือเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2516 ซึ่งคุณสมัครเกี่ยวข้องในหน่วยโฆษณาการ ในวิทยุยานเกราะ ที่ปลุกระดมมวลชนให้ประชาชนลุกขึ้นฆ่ากัน และครั้งที่ 2 ในการขับไล่โดยสมาพันธ์ประชาธิปไตย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และคณะ ในช่วงนั้นรัฐบาลเผด็จการ รสช. สุจินดา คราประยูร ก็มีนายสมัคร สุนทรเวช เป็นรองนายกรัฐมนตรี แล้วครั้งนี้ตัวเขาได้อำนาจในฐานะรัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติ มาเป็นนายกรัฐมนตรีเอง และที่สำคัญที่ต้องเน้นเป็นพิเศษก็คือว่า เป็นประธานกรรมการตำรวจแห่งชาติ ที่อยู่หลังฉากของการฟ้องร้องแกนนำพันธมิตรฯ และที่ร้ายกาจที่สุดก็คือว่า ไม่สามารถปกครองและคุ้มครองความปลอดภัยของประชาชนได้ ตามที่รัฐบาลต้องทำหน้าที่ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ คุ้มครองความปลอดภัยของประชาชน และในขณะเดียวกันยังมีท่าทีของรัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติ ทั้งตัวนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในเชิงที่ไม่ห้ามปราม และสนับสนุนด้วย
บัญชีเลือด 3 ครั้งนี้ ประชาชนก็มีความรู้สึกเดือดแค้นเป็นธรรมดา แม้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะยืนหยัดในเรื่องอหิงสา การชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ แต่พวกเขาก็มีจิตวิญญาณของนักต่อสู้เช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นการกระทำเลยเถิดในลักษณะที่หฤโหดและป่าเถื่อนนี้ ไม่รู้จะยับยั้งพลังของผู้รักชาติและประชาธิปไตย เทิดทูนสถาบัน ได้แค่ไหน อันนี้เป็นภาวการณ์ที่เราไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่เรากำลังจับตามองสิ่งที่อยากจะพูดต่อไปนี้ว่า เฝ้าดูองค์กรสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ว่ามีปฏิกิริยาเช่นใด เพราะองค์กรนี้เป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญ ที่มี ศ.เสน่ห์ จามริก เป็นประธานอยู่ในขณะนี้ เข้าใจว่าคงจะต้องมีปฏิกิริยาอะไรต่อพฤติกรรมอันอุกอาจ โหดร้าย ป่าเถื่อน ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้
กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จำเป็นต้องเสนอภาพนี้ให้แก่องค์กรสิทธิมนุษยชนทั่วโลก โดยเฉพาะองค์กรในระดับสากล รับทราบว่าการต่อสู้ของเรารัฐบาลกำลังเข้าสู่ภาวะสุนัขจนตรอก แล้วใช้กลุ่มอันธพาลเป็นฐานที่มั่นสุดท้าย เพราะขณะนี้เขาไม่สามารถครองใจประชาชนอยู่ได้แล้ว เขาไม่สามารถบริหารประเทศได้อีกแล้ว เขาเหลือกลุ่มเดียวคืออันธพาลทางการเมืองที่เขาจัดตั้งขึ้นมา เพราะฉะนั้นอันธพาลทางการเมืองมักจะเกิดขึ้นยุคแล้วยุคเล่า และก็สูญหายไปในที่สุด เมื่อสภาพการจ้างวานและรางวัลของอันธพาลทางการเมืองก็คือการถูกกฎหมายเล่นงานอย่างถึงที่สุด ซึ่งในครั้งนี้เราก็จะดำเนินการเหมือน "โอ๋ สืบ 6" เราดำเนินการทั้งคดีอาญา ในมาตรา 157 ที่ศาลอาญา และก็ดำเนินการที่ ป.ป.ช.ด้วย ในกรณีที่ โอ๋ สืบ 6 ปล่อยให้ประชาชนทำร้ายร่างกายที่สยามพารากอน เมื่อ 2 ปีก่อน
จำลอง - ผมเติมอีกนิดหนึ่ง เมื่อกี้ผู้สื่อข่าวได้เห็นว่าเป็นการทำร้ายร่างกายอย่างโหดเหี้ยม ขนาดล้มไปแล้ว ฟุบไปแล้ว ยังกระหน่ำอีก ซึ่งไม่มีที่ไหนใครเขาทำกัน แม้ในสนามรบก็ไม่ทำ นี่ทำกันถึงขนาดนี้ แล้วถ้าตำรวจซึ่งมีหน้าที่โดยตรงในการใช้กฎหมาย ป้องกันไม่ให้คนร้ายมาทำลายคนดี แล้วไม่ทำตามหน้าที่ ซึ่งมันจะนำไปสู่การนองเลือดในอนาคตได้ มันไม่ใช่พูดเกินเลยนะครับ เมื่อตำรวจไม่ทำแล้วถามว่าใครจะมาช่วย ก็มีกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน เพราะนี่เป็นการกระทบต่อความมั่นคงภายในอย่างชัดเจนเลย เราถึงมีอยู่ข้อหนึ่งขอให้ พล.อ.อนุพงษ์ อย่าวางเฉย เพราะเป็นหน้าที่ของท่าน เมื่อตำรวจไม่ทำท่านก็ต้องทำ เพราะอะไร เพราะตำรวจกับทหารเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่ง คือถืออาวุธได้โดยเปิดเผย ใช้อาวุธได้ คนอื่นเขาไม่มีสิทธินะ ข้าราชการที่อื่น หน่วยงานอื่น ไม่มีสิทธิ เมื่อหน่วยงานหนึ่งที่มีทั้งคน ทั้งอาวุธ ไม่จัดการให้เกิดความสงบเรียบร้อย มันก็ต้องมาเป็นหน้าที่ของทหาร ในนามของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ก็ต้องทำอยู่แล้ว นี่ชัดเจนมากปฏิเสธไม่ได้
สนธิ - ขอเพิ่มเติมนิดก่อนมอบให้คุณสมศักดิ์ โกศัยสุข เมื่อเช้านี้นายขวัญชัย ไพรพนา ได้ออกโทรทัศน์ช่อง 3 พร้อมกับนายเจริญ ซึ่งเป็นผู้จัดเวที นายขวัญชัย ได้ยอมรับต่อหน้าพิธีกร และออกโทรทัศน์ทั่วประเทศ ว่าตัวเองเป็นคนสั่งการ เพราะตัวเองพูดว่า ก็สั่งไม่ให้จัดแล้วยังมาจัด ผมก็ต้องสั่งลุย นะครับ อันนี้เห็นชัด แต่ตำรวจก็ยังนั่งเฉย เพราะฉะนั้นอีกหน่อยสังคมไทยจะอยู่ในยุคที่เรียกว่า ใครเป็นลูกน้องคนมีอำนาจ ก็สั่งทำร้ายคนได้ สั่งฆ่าได้ มาออกทีวีรับต่อหน้า รับต่อหน้า ตำรวจก็ยังนิ่งเฉย แล้วนี่คือคำตอบครับท่านสื่อมวลชน พอจะได้คำตอบหรือยังว่าทำไมพวกผมถึงต้องลุกขึ้นสู้
จำลอง - น่าคิดนะ รับต่อหน้านั่นแสดงว่าเขาเป็นเจ้าของจังหวัดใช่หรือเปล่า
สนธิ - เขาทำตัวเป็นเจ้าของจังหวัด
จำลอง - เขาทำยังกับเจ้าของบ้าน บอกไม่ให้เข้ามา ยังเข้ามาอีก
สนธิ - ไม่ให้เข้ามา ยังเข้ามา
จำลอง - อันนี้ไม่ใช่นะ จังหวัดไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง ไม่มีใครเป็นเจ้าของจังหวัด แม้กระทั่งผู้ว่าราชการจังหวัดก็เป็นเจ้าของจังหวัดไม่ได้ เขาเหิมเกริมถึงขนาดนั้นนะ
สนธิ - ตอนนี้เป็นคำตอบที่ชัดเจนแล้วว่าทำไมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยต้องลุกขึ้นมาสู้
สมเกียรติ - ผมอยากให้ข้อมูลเพิ่มเติม นายขวัญชัย ไพรพนา ขอให้สื่อมวลชนทั้งหลายไปตรวจสอบว่า รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ได้แต่งตั้งเขาเป็นประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รับเงินเดือน 40,000 กว่าบาทหรือไม่ เป็นข้าราชการการเมืองหรือไม่ ที่ปูนบำเหน็จก่อนหน้านี้ ขอให้ไปตรวจสอบดู แล้วพฤติกรรมเหิมเกริมเหล่านี้ ถ้าเราอ่านแถลงการณ์ในข้อ 3 เราจะเห็นว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองในสังกัดกระทรวงมหาดไทย และเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดของนายกรัฐมนตรี รู้เห็นเป็นใจ ก็เท่ากับ ถ้าเราดูภาพที่ปรากฏก็คือว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจอำนวยความสะดวกให้คนฆ่ากัน ให้ฝ่ายหนึ่ง แล้วสื่อมวลชนจำพวกหนึ่งก็ลงว่าตีกัน ทั้งๆ ที่ไม่ดูว่าผู้บาดเจ็บคือใครเลย ผู้บาดเจ็บคือพันธมิตรฯ ทั้งหมด แต่ก็บิดเบือนข้อเท็จจริง ไปลงว่าตีกัน จำนวนมาก ซึ่งเราได้กรองข่าวแล้วนะครับ
สมศักดิ์ - ตอนที่แถลงการณ์พันธมิตรฯ ฉบับที่ 3 ที่เราบอกว่ารัฐบาลนี้จะสร้างรัฐตำรวจ แล้วตอนนั้นมีสื่อบางคนก็บอกว่าจะเป็นไปได้ยังไง วันนี้เราจะเห็นว่า เมื่อหลังจากที่เขาปลด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ก็เปลี่ยนมา แล้วก็ถูกรังแกมาเป็นลำดับ แล้วที่อยากจะให้ผู้สื่อข่าวตั้งข้อสังเกตเมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว คุณสมัคร สุนทรเวช มาพูดรายการสนทนาประสาสมัคร ว่า เขาจะต้องฆ่าคืน แต่ว่าพันธมิตรฯ ดำเนินการกับเขาในแง่ของเหตุผลว่าเขากระทำผิดอะไรในฐานะเป็นรัฐบาล ไม่ว่าเรื่องเขาพระวิหาร ซึ่งมีศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นศาลสูงสุด ตัดสินว่าเขาผิดแล้ว ซึ่งไม่มีรัฐบาลที่ไหนในโลกจะบริหารประเทศต่อไปได้ ที่ทำผิดกฎหมายโดยคำสั่งคำพิพากษาของศาลสูงสุด ที่ผูกพันกับองค์กรของรัฐบาลด้วย ฉะนั้นหลังจากที่คุณสมัครพูด กับคุณขวัญชัยนี่ก็รู้อยู่แล้ว เมื่อกี้ อ.สมเกียรติ ก็พูด เชื่อมโยงเกี่ยวข้องกัน แล้วก็เกิดเหตุการณ์รุนแรง
ซึ่งเราเห็นในภาพแล้ว ซึ่งเรียกว่าป่าเถื่อนมาก ฉะนั้นผมอยากจะให้พี่น้องสื่อมวลชนได้ตั้งข้อสังเกตว่า การใช้ความรุนแรงนั้นไม่เคยเริ่มต้นจากฝ่ายประชาธิปไตย ซึ่งเราใช้สันติวิธีโดยตลอด การชุมนุมโดยสงบ โดยเปิดเผย โดยปราศจากอาวุธ ทั่วโลก รัฐธรรมนูญไทยจะเขียนหรือไม่เขียนก็ไม่สำคัญ ทุกคนมีสิทธิ์ แต่รัฐธรรมนูญไทยก็เขียนเอาไว้ และเราชุมนุมโดยสงบในสิทธิ์ของเรา สังเกตไม่เคยมีเรื่อง จะมีเรื่องก็แต่มีคนอื่นเข้ามาก่อกวน ซึ่งอันนี้ล่ะถือว่าเป็นรัฐบาลที่หมดความชอบธรรม เป็นรัฐบาลอันธพาล ที่เลี้ยงอันธพาลไว้ทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์ ซึ่งอยากจะให้สื่อมวลชนได้เข้าใจว่า เมื่อเสรีภาพของประชาชน เมื่อรัฐบาลทำไม่ถูก แล้วเราก็ใช้สิทธิ์ทำหน้าที่ในฐานะพลเมืองดี ในการปกป้องสถาบันชาติ ศาสน์ พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตย และการเปิดโปงการโกง การทุจริต การคอร์รัปชั่น ซึ่งก็ถูกเปิดเผยมาเป็นลำดับๆๆ ซึ่งสิ่งที่ทำไปก็เป็นประโยชน์กับประชาชนทุกคน ดังนั้นระหว่างรัฐบาลซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบรักษาประโยชน์ของประเทศกลับไม่ได้ทำ แต่กลับไปรับผิดชอบพวกกันเอง แล้วก็ตั้งอันธพาลกวนเมืองกันขึ้นมา
ซึ่งในเรื่องเหล่านี้ที่บอกว่าทางฝ่ายความมั่นคง หรือฝ่ายทหาร ต้องคิด เพราะว่าบัดนี้ตำรวจนั้นได้แสดงหลายครั้งหลายหนแล้วว่า ไม่ได้รับผิดชอบหน้าที่ในการดูแลความสงบสุขและเรียบร้อยของประชาชน ดังเหตุป่าเถื่อนที่เกิดขึ้นที่ จ.อุดรฯ อันนั้นมันถึงคราวที่จะต้องเข้ามาคลี่คลายเข้ามาแก้ไขปัญหา และแน่นอนนะครับ ผู้ที่ชุมนุมเอง โดยหลักแล้วก็ต้องมีสิทธิ์ในการป้องกันตัวเอง ซึ่งประมวลกฎหมายอาญา ก็ให้สิทธิ์ในการที่เมื่อใครมารังแกเราจะป้องกันตัวเองได้ ซึ่งอย่าไปลงลักษณะที่บอกว่า ไปตีอะไรกัน ซึ่งพวกเรายืนยันตลอดว่าสันติวิธีในการต่อสู้ของเรา เพื่อใช้เหตุใช้ผล ให้ประชาชนได้ตื่น ได้เรียนรู้เรื่องความสกปรก ความไม่ถูกต้อง แล้วก็ได้มีจุดยืนอยู่กับผลประโยชน์ของคนส่วนรวม
ดังนั้นก็ขอให้พี่น้องสื่อมวลชนได้เห็นว่าใครป่าเถื่อน ไม่ป่าเถื่อน แล้วก็อย่าเอาพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไปลงว่ามาตี มาทะเลาะกัน ซึ่งเราไม่ใช่ประเภทอย่างนั้น ซึ่งเราพูดเปิดโปงความชั่วร้ายของนักการเมืองมาตลอด เพื่อให้ประชาชนได้ติดตามและเป็นประโยชน์กับประชาชน กับประเทศชาติมาโดยตลอด
พิภพ - ผมมี 2-3 ประเด็น ในฐานะที่เป็นผู้มีประสบการณ์จากเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ 6 ตุลาฯ และพฤษภาฯ อย่างที่ อ.สมเกียรติ ได้นำไปแล้ว ว่า เราตอนนี้ สื่อมวลชน และพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และองค์กรสิทธิมนุษยชน ต้องร่วมมือกันระงับความรุนแรงอันนี้ สำหรับสื่อมวลชนนี่คือการเสนอข่าว ถ้าสื่อมวลชนเสนอข่าวพลาด จะทำให้รัฐบาลได้ใจในการที่จะเป็นคนวางแผนการใช้ความรุนแรง คำว่าเสนอข่าวพลาดก็คืออะไร แทนที่จะเสนอข่าวว่า ฝ่ายรัฐเป็นผู้ที่ใช้ความรุนแรงเข้าไปกระทำกับพันธมิตรฯ ที่กำลังชุมนุมอยู่ แต่กลับไปเสนอข่าวเหมือนว่า พันธมิตรฯ ในจังหวัดต่างๆ กำลังปะทะกับฝ่ายนั้น คือถ้ามีการสื่อความหมายอย่างนี้จะเป็นการส่งเสริมให้ฝ่ายรัฐได้ใจ อันนี้ข้อ 1 ฉะนั้นถ้าไม่มีการเสนอข่าวอย่างตรงไปตรงมา ผมคิดว่าความรุนแรงก็จะขยายตัวไปจังหวัดต่างๆ อันที่ 2 ชัดเจนว่าสื่อมวลชนต้องเปิดโปงในเรื่องแผนของรัฐ วางแผนในการใช้ความรุนแรง เป็นตามลำดับมาอย่างที่คุณสนธิได้ลำดับความ รวมทั้งในซีดีด้วย อันนี้จะต้องให้เห็น ถ้าไม่ทำตรงนี้ให้เห็น จะยับยั้งรัฐบาลชุดนี้ไม่ได้
อันที่ 3 ต้องยอมรับกันว่านายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวช มีความเกี่ยวข้องกับเหตุความรุนแรงมา 2 เหตุการณ์ และกำลังสร้างเหตุความรุนแรงในครั้งสุดท้าย ก็คือในสมัยที่ตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรี อันนี้จะต้องระวัง ว่าเรากำลังมีนายกรัฐมนตรีที่ผ่านการสนับสนุนการใช้ความรุนแรงในประวัติศาสตร์มาแล้ว และกำลังเริ่มต้นอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งจะเป็นครั้งสุดท้ายของเขาในจุดจบของเขา อันนี้จะต้องระมัดระวัง อันที่ 3 ที่จะเรียกร้อง พล.อ.อนุพงษ์ อันนี้ก็จะต้องเข้าใจว่าเราไม่ได้เรียกร้องทหารนะ เมื่อแนวโน้มความรุนแรงมันรุนแรงขึ้น แล้วตำรวจไม่สามารถปฏิบัติการได้ ไม่ใช่ไม่สามารถปฏิบัติการได้ สามารถปฏิบัติการระงับความรุนแรงได้ แต่ไม่กระทำ ดังในรูปก็เห็นแล้ว ผมว่าเป็นประเด็นซึ่งผู้อำนวยการรักษาความสงบภายใน จะต้องออกมาดูแลเรื่องนี้ ถ้าความรุนแรงบานปลายไปจนกระทั่งถึงควบคุมไม่ได้ จะเกิดมิคสัญญี อันนี้ก็อยากจะให้ถือเป็นความร่วมมือกัน
สมศักดิ์ - เพราะว่าผู้ว่าราชการจังหวัดก็ขึ้นกับมหาดไทย กับเฉลิม ตำรวจนี่ก็ขึ้นกับนายกรัฐมนตรี คุณสมัคร เราก็จะเห็นว่าสองอย่างนี้จะไปในทางเดียวกันตลอด ที่ก่อให้เกิดความรุนแรง และมาละเมิดสิทธิเสรีภาพของพี่น้องประชาชนที่เขาใช้สิทธิ์โดยสงบ ตามระบอบประชาธิปไตย
ถาม -(เสียงไม่ชัดเจน)
สนธิ - ผมคิดว่าเขามารักษาความปลอดภัยให้ประชาชน เพื่อประชาชนได้มีสิทธิในการแสดงออก อันนั้นเป็นจุดแรกที่เขาสามารถทำได้ แต่ถ้าเขาจะรอให้มีการนองเลือดเพื่อออกนั้น ผมคิดว่าก็เป็นความคิดที่ชั่วร้าย
ถาม - (เสียงไม่ชัดเจน)
สนธิ - ผมชี้แจงให้ฟังแล้วนะทหารอาจจะไม่มีอำนาจทางกฎหมายที่จะไปจับกุมใคร แต่ทหารมีอำนาจที่จะมารักษาความปลอดภัยได้ แล้วคุณสมศักดิ์ได้พูดไปชัดเจนแล้ว เมื่อกลไกของรัฐ คือตำรวจ และฝ่ายปกครอง ไม่ทำหน้าที่นี้ ทหารจะนั่งอยู่นิ่งเฉยหรือ ในฐานะตัวเองก็เป็น กอ.รมน. ผอ.กอ.รมน. ซึ่งชื่อก็บอกบ่งชัดอยู่แล้วเป็นกองกำลังรักษาความมั่นคงภายใน
สมเกียรติ - ผมพูดเรื่องทหาร 2 ข้อนะครับ ความจริงท่านจำลองอาจจะพูดได้ดีกว่าผม แต่ว่าเรื่องแรกก็คือ ทหารจะปล่อยให้ประชาชนเจ็บและตายมากกว่านี้หรือ ถึงจะออกมา ท่านทนอยู่ในกองทัพได้อย่างไร ในเมื่อรัฐตำรวจได้เป็นของรัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติแล้ว กระทรวงมหาดไทย กลไกผู้ว่าฯ นายอำเภอ ปลัดอำเภอ ได้เป็นของรัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติแล้ว มันไม่มีองค์กรใดๆ ที่จะมารักษาความปลอดภัยของประชาชนได้แล้ว อันที่ 2 หากทหารกรุณาไปอ่านรัฐธรรมนูญ มาตรา 77 รัฐต้องจัดให้มีกำลังทหารเพื่อรักษาความปลอดภัยของชาติ และสถาบันพระมหากษัตริย์ การปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพราะฉะนั้นทหารจะปฏิเสธรัฐธรรมนูญได้หรือ ในขณะนี้กองทัพเป็นฐานที่มั่นเดียวก่อนจะถึงสถาบันสำคัญของชาติ เพราะฉะนั้นความจำเป็นนี้จึงเป็นความจำเป็นที่มิอาจจะหลีกเลี่ยงได้
ถาม -(เสียงไม่ชัดเจน)
สนธิ - เราจะรวบรวมหลักฐาน ตอนนี้ผมเข้าใจว่าสภาทนายความกำลังพิจารณาเรื่องนี้อยู่ จะต้องเข้ามาช่วย เราจะทำทันทีที่มีโอกาสทันทีเลยครับ แล้วก็ยื่นกับ ป.ป.ช.
ถาม - (เสียงไม่ชัดเจน)
สนธิ - เราจะเอาประชาชนเข้ามาเป็นโจทก์ แต่ว่าเราจะช่วยจัดหาทนายและดำเนินการให้ แล้วยื่น ป.ป.ช.ให้หมดทุกๆ จังหวัดที่สามารถจะหาผู้ที่เข้าข่าย 157 ได้หมด รวมไปจนถึงยัง อุดรธานี ชัดเจน อุดรธานี นี่ตั้งแต่ผู้บังคับการตำรวจจังหวัด ผู้กำกับเขตอำเภอเมือง และภาพตำรวจบางคนที่อยู่ในท้องที่ และคนที่เกี่ยวข้อง ผู้ว่าราชการจังหวัดก็ต้องโดนด้วย โยงไปจนถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และนายกรัฐมนตรีด้วย