พันธมิตรฯแถลงประณามรัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติ ส่งกลุ่มอันธพาลของรัฐบาลทำร้ายร่างกาย และพยายามฆ่าประชาชนอย่างโหดเหี้ยม จวก “หมัก-เหลิม” รู้เห็นเป็นใจกลุ่มสมุนส่งกุ๊ยไล่ทำร้ายพันธมิตรฯ เตรียมยื่นฟ้องต่อ กก.สิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และ กก.สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติพันธมิตรฯ เรียกร้องทหารออกมาคุ้มครองดูแลประชาชน หลังตำรวจหมดซึ่งอำนาจในการปกป้อง ปล่อยกลุ่มอันธพาลฆ๋าผู้ชุมนุมพันธมิตรฯระวังนองเลือด
จากเหตุการณ์ที่กลุ่มอันธพาลของรัฐบาลที่จังหวัดอุดรธานี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยการนำของนายอุทัย แสนแก้ว น้องชายนายธีระชัย แสนแก้ว ส.ส.อุดรธานี พรรคพลังประชาชน และรมช.เกษตรและสหกรณ์ ร่วมกับนายขวัญชัย ไพรพนา ดีเจลิ่วล้อระบอบทักษิณ ได้ทำการนำกลุ่มชายฉกรรจ์ภายใต้ม็อบกลุ่มคนรักอุดรไม่ต่ำกว่า 1,000 คน มีอาวุธครบมือทั้งไม้ มีด ขวาน และก้อนหิน ได้ฝ่าด่านตำรวจมุ่งเข้าไปรุมทำร้ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอุดรธานีที่ตั้งเวทีปราศรัยบริเวณสวนสาธารณะหนองประจักษ์ศิลปาคมอย่างโหดเหี้ยม จนทำให้ผู้ชุมนุมพันธมิตรฯซึ่งปราศจากอาวุธได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก บางรายต้องนำส่งเข้าไอซียูนั้น
เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. ของวานนี้( 25 ก.ค.)ที่บ้านพระอาทิตย์ หลังจากมีการประชุมร่วมของ 5 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ต่อกรณีกลุ่มอันธพาลรุมทำร้ายประชาชนในเครือข่ายพันธมิตรฯ ที่ใช้สิทธิจัดชุมนุมโดยสงบในจังหวัดต่างๆแล้ว นายสนธิ ลิ้มทองกุล 1 ใน 5 แกนนำ ได้อ่านแถลงการณ์พันธมิตรฯ ฉบับที่ 16/2551 ประณามรัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติ ที่ส่งกลุ่มอันธพาลของรัฐบาลทำร้ายร่างกาย และพยายามฆ่า ประชาชนอย่างโหดเหี้ยม (อ่านแถลงประนาม "ม็อบถ่อย" จ.อุดรธานี หน้า 2)
ฉะนักการเมือง-ตร.หนุนอันธพาลฆ่าพันธมิตรฯ
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพันธมิตรฯอุดรจะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้านักการเมืองท้องถิ่นและพรรคการเมืองที่มีอำนาจรัฐอยู่ ไม่ให้การสนับสนุน ที่สำคัญที่สุด ไม่ว่ากระทรวงมหาดไทย หรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะต้องรับผิดชอบอย่างที่สุด เพราะจากวิดีโอจะเห็นได้ชัดว่า เจ้าหน้าที่รัฐนั้นทำทีห้ามแบบขอไปที ไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะมาปกป้องหรือป้องกันประชาชน ทั้งๆ ที่กลุ่มผู้ที่มาชุมนุมที่อุดรธานีนั้น เป็นการชุมนุมเพื่อปราศรัยของเราชุมนุมมา 61 วัน 31 คืน
"เราไม่เคยทำร้ายสิ่งของ ชุมนุมด้วยความสงบ อหิงา แต่เราถูกกลั่นแกล้งตลอดเวลา นี่เป็นผลงานของอันธพาลที่รัฐบาลให้การสนับสนุน ที่ชัดเจน นายขวัญชัย ไพรพนา เป็นคนของพรรคพลังประชาชน เป็นดีเจที่โจมตีพันธมิตรฯมาตลอด และกลุ่มชาวบ้านก็นำมาโดยน้องชายนายธีระชัย แสนแก้ว ซึ่งเป็นรัฐมนตรีอยู่ในรัฐบาลชุดนี้ ทุกอย่าง นายธีระชัย ต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ รวมถึงร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ต้องรับผิดชอบในฐานะเป็นรมว.มหาดไทย ซึ่งได้ออกมาปฏิเสธอย่างน่าอับอายขายหน้าที่สุดว่าไม่เกี่ยวกัน"นายสนธิกล่าว พร้อมเตือนว่า
"การคุกคามเช่นนี้กำลังเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา และกำลังก่อให้เกิดชนวนที่อาจจะก่อให้เกิดการนองเลือดได้ เพราะฝ่ายประชาชนที่ถูกกระทำนั้น อาจจะต้องหันเข้าหาวิธีการที่ต้องป้องกันตัวเอง และเมื่อวิธีการที่ต้องป้องกันตัวเองแล้ว ประชาชนที่ถูกกระทำที่มีความคับแค้นอยู่ทั่วประเทศไทย ถ้าพร้อมใจกันลุกฮือกันทั่วประเทศ เมื่อนั้นประเทศไทยจะต้องนองเลือดแน่ และเมื่อนั้น เกรงว่าจะห้ามอะไรไม่อยู่ ซึ่งการนองเลือดครั้งนี้ ถ้าเกิดขึ้น ถ้าเกิดขึ้นเพราะรัฐบาลชุดนายสมัคร สุนทรเวช พรรคพลังประชาชน และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นผู้ที่ทำให้เกิดการนองเลือดขึ้นมา"
นายสนธิ กล่าวว่า ทางพันธมิตรฯจะนำประชาชนเข้ามาเป็นโจทก์ แต่ว่าเราจะช่วยจัดหาทนายและดำเนินการให้ แล้วยื่น ป.ป.ช.ให้หมดทุกๆ จังหวัดที่สามารถจะหาผู้ที่เข้าข่าย 157 ได้หมด รวมไปจนถึงยังจังหวัดอุดรธานี ตั้งแต่ผู้บังคับการตำรวจจังหวัด ผู้กำกับเขตอำเภอเมือง และภาพตำรวจบางคนที่อยู่ในท้องที่ และคนที่เกี่ยวข้อง ผู้ว่าราชการจังหวัดก็ต้องโดนด้วย โยงไปจนถึงรัฐมนตรีฯมหาดไทย และนายกรัฐมนตรีด้วย
นายสนธิ กล่าวว่า ที่สำคัญและชัดเจน เมื่อนายขวัญชัย ไพรพนา ได้ออกโทรทัศน์ช่อง 3 พร้อมกับนายเจริญ ซึ่งเป็นผู้จัดเวที นายขวัญชัย ได้ยอมรับต่อหน้าพิธีกร และออกโทรทัศน์ทั่วประเทศว่า " ตัวเองเป็นคนสั่งการ เพราะตัวเองพูดว่า ก็สั่งไม่ให้จัดแล้วยังมาจัด ผมก็ต้องสั่งลุย นะครับ " อันนี้เห็นชัด แต่ตำรวจ(รัฐตำรวจ) ยังนั่งเฉย เพราะฉะนั้นอีกหน่อย สังคมไทยจะอยู่ในยุคที่เรียกว่า " ใครเป็นลูกน้องคนมีอำนาจ ก็สั่งทำร้ายคนได้ สั่งฆ่าได้ มาออกทีวีรับต่อหน้า รับต่อหน้า ตำรวจก็ยังนิ่งเฉย แล้วนี่คือคำตอบครับท่านสื่อมวลชน พอจะได้คำตอบหรือยังว่า ทำไมพวกผมถึงต้องลุกขึ้นสู้ " แกนนำพันธมิตรฯกล่าวและว่า ในส่วนของทหารนั้น อาจจะไม่มีอำนาจทางกฎหมายที่จะไปจับกุมใคร แต่ทหารมีอำนาจที่จะมารักษาความปลอดภัยได้แล้ว
นายสนธิ กล่าวว่า การที่กลุ่มอันธพาลที่อยู่ในซีกของคนในรัฐบาล ได้ส่งกลุ่มคนไปเค่นฆ่าพันธมิตรฯอุดรธานี ตนถือว่ารัฐบาลชุดนี้ "เป็นรัฐบาลสัตว์นรกทั้งชุด "
เล็งฟ้อง กก.สิทธิฯ ทั่วโลก-ยูเอ็น
นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯกล่าวถึงธาตุแท้ของรัฐบาลชุดนี้ว่า สะท้อนภาพของการสนับสนุนแก๊งอันธพาลทางการเมือง ถ้าเราไม่ปฏิเสธเลย นายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวช ไม่เกี่ยวข้องทางใดทางหนึ่งกับเหตุการณ์หฤโหดถึง 3 ครั้ง ในประเทศไทย ที่ต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ เหตุการณ์แรกก็คือ 6 ตุลาคม 2516 ที่นายสมัครเกี่ยวข้องในหน่วยโฆษณาการ ในวิทยุยานเกราะ ที่ปลุกระดมมวลชนให้ประชาชนลุกขึ้นฆ่ากัน ครั้งที่ 2 ในการขับไล่โดยสมาพันธ์ประชาธิปไตย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และคณะ ในช่วงนั้นรัฐบาลเผด็จการ รสช. พลเอกสุจินดา คราประยูร ก็มีนายสมัคร สุนทรเวช เป็นรองนายกรัฐมนตรี แล้วครั้งนี้ครั้งที่ 3 นายสมัครได้อำนาจมาในฐานะรัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติ มาเป็นนายกรัฐมนตรีเอง และที่สำคัญที่ต้องเน้นเป็นพิเศษก็คือว่า "เป็นประธานกรรมการตำรวจแห่งชาติ " ที่อยู่หลังฉากของการฟ้องร้องแกนนำพันธมิตรฯ และที่ร้ายกาจที่สุดก็คือว่า " ไม่สามารถปกครองและคุ้มครองความปลอดภัยของประชาชนได้ ตามที่รัฐบาลต้องทำหน้าที่ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ คุ้มครองความปลอดภัยของประชาชน และในขณะเดียวกันยังมีท่าทีของรัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติ ทั้งตัวนายกรัฐมนตรี และมท.1 ในเชิงที่ไม่ห้ามปราม และสนับสนุนด้วย"
บัญชีเลือด 3 ครั้งนี้ ประชาชนก็มีความรู้สึกเดือดแค้นเป็นธรรมดา แม้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะยืนหยัดในเรื่องอหิงสา การชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ แต่พวกเขาก็มีจิตวิญญาณของนักต่อสู้เช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นการกระทำเลยเถิดในลักษณะที่หฤโหดและป่าเถื่อนนี้ ไม่รู้จะยับยั้งพลังของผู้รักชาติและประชาธิปไตยเทิดทูนสถาบัน ได้แค่ไหน อันนี้เป็นภาวการณ์ที่เราไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่เรากำลังจับตามองสิ่งที่อยากจะพูดต่อไปนี้ว่า เฝ้าดูองค์กรสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ว่ามีปฏิกิริยาเช่นใด เพราะองค์กรนี้เป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญ ที่มี ศ.เสน่ห์ จามริก เป็นประธานอยู่ในขณะนี้
"กลุ่มพันธมิตรฯ จำเป็นต้องเสนอภาพนี้ให้แก่องค์กรสิทธิมนุษยชนทั่วโลก โดยเฉพาะองค์กรในระดับสากล ให้รับทราบว่า การต่อสู้ของเรา รัฐบาลกำลังเข้าสู่ภาวะสุนัขจนตรอก แล้วใช้กลุ่มอันธพาลเป็นฐานที่มั่นสุดท้าย เพราะขณะนี้ เขาไม่สามารถครองใจประชาชนอยู่ได้แล้ว เขาไม่สามารถบริหารประเทศได้อีกแล้ว เขาเหลือกลุ่มเดียวคือ อันธพาลทางการเมืองที่เขาจัดตั้งขึ้นมา เพราะฉะนั้นอันธพาลทางการเมืองมักจะเกิดขึ้นยุคแล้วยุคเล่า และก็สูญหายไปในที่สุด เมื่อสภาพการจ้างวานและรางวัลของอันธพาลทางการเมืองก็คือ การถูกกฎหมายเล่นงานอย่างถึงที่สุด ซึ่งในครั้งนี้เราก็จะดำเนินการเหมือน "โอ๋ สืบ 6" เราดำเนินการทั้งคดีอาญา ในมาตรา 157 ที่ศาลอาญา และก็ดำเนินการที่ ป.ป.ช.ด้วย ในกรณีที่ โอ๋ สืบ 6 ปล่อยให้ประชาชนทำร้ายร่างกายที่สยามพารากอน เมื่อ 2 ปีก่อน"
นายสมเกียรติ กล่าวว่า ทหารจะปล่อยให้ประชาชนเจ็บและตายมากกว่านี้หรือ ถึงจะออกมา ท่านทนอยู่ในกองทัพได้อย่างไร ในเมื่อรัฐตำรวจได้เป็นของรัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติแล้ว กระทรวงมหาดไทย กลไกผู้ว่าฯ นายอำเภอ ปลัดอำเภอ ได้เป็นของรัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติแล้ว มันไม่มีองค์กรใดๆ ที่จะมารักษาความปลอดภัยของประชาชนได้แล้ว และหากไปอ่านรัฐธรรมนูญ มาตรา 77 รัฐต้องจัดให้มีกำลังทหารเพื่อรักษาความปลอดภัยของชาติ และสถาบันพระมหากษัตริย์ การปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพราะฉะนั้นทหารจะปฏิเสธรัฐธรรมนูญได้หรือ ในขณะนี้กองทัพเป็นฐานที่มั่นเดียวก่อนจะถึงสถาบันสำคัญของชาติ เพราะฉะนั้นความจำเป็นนี้จึงเป็นความจำเป็นที่มิอาจจะหลีกเลี่ยงได้
นอกจากนี้ นายสมเกียรติ เรียกร้องให้สื่อมวลชนทั้งหลายไปตรวจสอบว่า รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ได้แต่งตั้งเขา(นายขวัญชัย ไพรพนา)เป็นประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รับเงินเดือน 40,000 กว่าบาทหรือไม่ เป็นข้าราชการการเมืองหรือไม่ ที่ปูนบำเหน็จก่อนหน้านี้ ขอให้ไปตรวจสอบดู แล้วพฤติกรรมเหิมเกริมเหล่านี้ ถ้าเราอ่านแถลงการณ์ในข้อ 3 เราจะเห็นว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองในสังกัดกระทรวงมหาดไทย และเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดของนายกรัฐมนตรี รู้เห็นเป็นใจ ก็เท่ากับ ถ้าเราดูภาพที่ปรากฏก็คือว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจอำนวยความสะดวกให้คน"ฆ่ากัน" แล้วสื่อมวลชนจำพวกหนึ่งก็ลงว่าตีกัน ทั้งๆ ที่ไม่ดูว่าผู้บาดเจ็บคือใครเลย ผู้บาดเจ็บคือพันธมิตรฯ ทั้งหมด
ถึงเวลาทหารคุ้มครองประชาชน
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯกล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการทำร้ายร่างกายอย่างโหดเหี้ยม ขนาดล้มไปแล้ว ฟุบไปแล้ว ยังกระหน่ำอีก นี่ทำกันถึงขนาดนี้ แล้วถ้าตำรวจซึ่งมีหน้าที่โดยตรงในการใช้กฎหมาย ป้องกันไม่ให้คนร้ายมาทำลายคนดี แล้วไม่ทำตามหน้าที่ ซึ่งมันจะนำไปสู่การนองเลือดในอนาคตได้ เมื่อตำรวจไม่ทำแล้วถามว่าใครจะมาช่วย ก็มีกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน เพราะนี่เป็นการกระทบต่อความมั่นคงภายในอย่างชัดเจนเลย
ทั้งนี้ การจัดชุมนุมของพันธมิตรฯในต่างจังหวัดนั้น เขาคิดริเริ่มขึ้นเอง รวบรวมสมัครผู้คนขึ้นเอง เพราะคนเหล่านี้ต่างมีความเห็นตรงกันว่า ในยุคนี้ ยามนี้ บ้านเมืองเกิดปัญหา เราควรจะใช้การชุมนุมอย่างสงบตามรัฐธรรมนูญ เราก็จัดให้มีกันขึ้น
"จะเห็นชัดว่าพันธมิตรฯ ส่วนกลางนั้นไม่สามารถจะไปควบคุมบังคับบัญชา สั่งห้ามเขาได้ ถ้าเขาจะจัด มันเป็นความริเริ่มซึ่งน่าดีใจ เพราะว่าเขาจัดนี่เขาก็เสีย เสียเงิน เสียแรง เสียเวลา เสียทุกสิ่งทุกอย่าง เราจะไปห้ามเขาก็ไม่ได้ ซึ่งทางพันธมิตรฯก็เป็นห่วง ดังนั้น หากพื้นที่ใดสุ่มเสี่ยงและอันตราย โดยไม่สามารพึ่งพาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ ก็ขอให้มาชุมนุมกับพันธมิตรฯที่กรุงเทพฯแทน"พล.ต.จำลอง กล่าว
รบ.ขาดความชอบในการบริหารประเทศ
นายสมศักดิ์ โกศัยสุข หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯกล่าวว่า ตอนที่แถลงการณ์พันธมิตรฯ ฉบับที่ 3 ที่เราบอกว่ารัฐบาลนี้จะสร้างรัฐตำรวจ แล้วตอนนั้นมีสื่อบางคนก็บอกว่าจะเป็นไปได้ยังไง วันนี้เราจะเห็นว่า เมื่อหลังจากที่เขาปลด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ก็เปลี่ยนมา แล้วก็ถูกรังแกมาเป็นลำดับ ที่สำคัญ นายสมัครได้ออกมาพูดในรายการสนทนาประสาสมัคร ว่า "เขาจะต้องฆ่าคืน" แต่ว่าพันธมิตรฯ ดำเนินการกับเขาในแง่ของเหตุผลว่า เขากระทำผิดอะไรในฐานะเป็นรัฐบาล ไม่ว่าเรื่องเขาพระวิหาร ซึ่งมีศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นศาลสูงสุด ตัดสินว่าเขาผิดแล้ว ซึ่งไม่มีรัฐบาลที่ไหนในโลกจะบริหารประเทศต่อไปได้ ที่ทำผิดกฎหมายโดยคำสั่งคำพิพากษาของศาลสูงสุด ที่ผูกพันกับองค์กรของรัฐบาลด้วย
"ป่าเถื่อนมาก การใช้ความรุนแรงนั้นไม่เคยเริ่มต้นจากฝ่ายประชาธิปไตย ซึ่งเราใช้สันติวิธีโดยตลอด ปราศจากอาวุธ ซึ่งรัฐธรรมนูญไทยจะเขียนหรือไม่เขียนก็ไม่สำคัญ ทุกคนมีสิทธิ์ แต่รัฐธรรมนูญไทยก็เขียนเอาไว้ และเราชุมนุมโดยสงบในสิทธิ์ของเรา เราก็ใช้สิทธิ์ทำหน้าที่ในฐานะพลเมืองดี ในการปกป้องสถาบันชาติ ศาสน์ พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตย ดังนั้นระหว่างรัฐบาลซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบรักษาประโยชน์ของประเทศกลับไม่ได้ทำ แต่กลับไปรับผิดชอบพวกกันเอง แล้วก็ตั้งอันธพาลกวนเมืองกันขึ้นมา"
ที่สำคัญที่สุด ทางฝ่ายความมั่นคง หรือฝ่ายทหาร ต้องคิด เพราะว่าบัดนี้ตำรวจนั้นได้แสดงหลายครั้งหลายหนแล้วว่า ไม่ได้รับผิดชอบหน้าที่ในการดูแลความสงบสุขและเรียบร้อยของประชาชน ดังเหตุป่าเถื่อนที่เกิดขึ้นที่ จ.อุดรฯ
จากเหตุการณ์ที่กลุ่มอันธพาลของรัฐบาลที่จังหวัดอุดรธานี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยการนำของนายอุทัย แสนแก้ว น้องชายนายธีระชัย แสนแก้ว ส.ส.อุดรธานี พรรคพลังประชาชน และรมช.เกษตรและสหกรณ์ ร่วมกับนายขวัญชัย ไพรพนา ดีเจลิ่วล้อระบอบทักษิณ ได้ทำการนำกลุ่มชายฉกรรจ์ภายใต้ม็อบกลุ่มคนรักอุดรไม่ต่ำกว่า 1,000 คน มีอาวุธครบมือทั้งไม้ มีด ขวาน และก้อนหิน ได้ฝ่าด่านตำรวจมุ่งเข้าไปรุมทำร้ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอุดรธานีที่ตั้งเวทีปราศรัยบริเวณสวนสาธารณะหนองประจักษ์ศิลปาคมอย่างโหดเหี้ยม จนทำให้ผู้ชุมนุมพันธมิตรฯซึ่งปราศจากอาวุธได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก บางรายต้องนำส่งเข้าไอซียูนั้น
เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. ของวานนี้( 25 ก.ค.)ที่บ้านพระอาทิตย์ หลังจากมีการประชุมร่วมของ 5 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ต่อกรณีกลุ่มอันธพาลรุมทำร้ายประชาชนในเครือข่ายพันธมิตรฯ ที่ใช้สิทธิจัดชุมนุมโดยสงบในจังหวัดต่างๆแล้ว นายสนธิ ลิ้มทองกุล 1 ใน 5 แกนนำ ได้อ่านแถลงการณ์พันธมิตรฯ ฉบับที่ 16/2551 ประณามรัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติ ที่ส่งกลุ่มอันธพาลของรัฐบาลทำร้ายร่างกาย และพยายามฆ่า ประชาชนอย่างโหดเหี้ยม (อ่านแถลงประนาม "ม็อบถ่อย" จ.อุดรธานี หน้า 2)
ฉะนักการเมือง-ตร.หนุนอันธพาลฆ่าพันธมิตรฯ
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพันธมิตรฯอุดรจะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้านักการเมืองท้องถิ่นและพรรคการเมืองที่มีอำนาจรัฐอยู่ ไม่ให้การสนับสนุน ที่สำคัญที่สุด ไม่ว่ากระทรวงมหาดไทย หรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะต้องรับผิดชอบอย่างที่สุด เพราะจากวิดีโอจะเห็นได้ชัดว่า เจ้าหน้าที่รัฐนั้นทำทีห้ามแบบขอไปที ไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะมาปกป้องหรือป้องกันประชาชน ทั้งๆ ที่กลุ่มผู้ที่มาชุมนุมที่อุดรธานีนั้น เป็นการชุมนุมเพื่อปราศรัยของเราชุมนุมมา 61 วัน 31 คืน
"เราไม่เคยทำร้ายสิ่งของ ชุมนุมด้วยความสงบ อหิงา แต่เราถูกกลั่นแกล้งตลอดเวลา นี่เป็นผลงานของอันธพาลที่รัฐบาลให้การสนับสนุน ที่ชัดเจน นายขวัญชัย ไพรพนา เป็นคนของพรรคพลังประชาชน เป็นดีเจที่โจมตีพันธมิตรฯมาตลอด และกลุ่มชาวบ้านก็นำมาโดยน้องชายนายธีระชัย แสนแก้ว ซึ่งเป็นรัฐมนตรีอยู่ในรัฐบาลชุดนี้ ทุกอย่าง นายธีระชัย ต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ รวมถึงร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ต้องรับผิดชอบในฐานะเป็นรมว.มหาดไทย ซึ่งได้ออกมาปฏิเสธอย่างน่าอับอายขายหน้าที่สุดว่าไม่เกี่ยวกัน"นายสนธิกล่าว พร้อมเตือนว่า
"การคุกคามเช่นนี้กำลังเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา และกำลังก่อให้เกิดชนวนที่อาจจะก่อให้เกิดการนองเลือดได้ เพราะฝ่ายประชาชนที่ถูกกระทำนั้น อาจจะต้องหันเข้าหาวิธีการที่ต้องป้องกันตัวเอง และเมื่อวิธีการที่ต้องป้องกันตัวเองแล้ว ประชาชนที่ถูกกระทำที่มีความคับแค้นอยู่ทั่วประเทศไทย ถ้าพร้อมใจกันลุกฮือกันทั่วประเทศ เมื่อนั้นประเทศไทยจะต้องนองเลือดแน่ และเมื่อนั้น เกรงว่าจะห้ามอะไรไม่อยู่ ซึ่งการนองเลือดครั้งนี้ ถ้าเกิดขึ้น ถ้าเกิดขึ้นเพราะรัฐบาลชุดนายสมัคร สุนทรเวช พรรคพลังประชาชน และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นผู้ที่ทำให้เกิดการนองเลือดขึ้นมา"
นายสนธิ กล่าวว่า ทางพันธมิตรฯจะนำประชาชนเข้ามาเป็นโจทก์ แต่ว่าเราจะช่วยจัดหาทนายและดำเนินการให้ แล้วยื่น ป.ป.ช.ให้หมดทุกๆ จังหวัดที่สามารถจะหาผู้ที่เข้าข่าย 157 ได้หมด รวมไปจนถึงยังจังหวัดอุดรธานี ตั้งแต่ผู้บังคับการตำรวจจังหวัด ผู้กำกับเขตอำเภอเมือง และภาพตำรวจบางคนที่อยู่ในท้องที่ และคนที่เกี่ยวข้อง ผู้ว่าราชการจังหวัดก็ต้องโดนด้วย โยงไปจนถึงรัฐมนตรีฯมหาดไทย และนายกรัฐมนตรีด้วย
นายสนธิ กล่าวว่า ที่สำคัญและชัดเจน เมื่อนายขวัญชัย ไพรพนา ได้ออกโทรทัศน์ช่อง 3 พร้อมกับนายเจริญ ซึ่งเป็นผู้จัดเวที นายขวัญชัย ได้ยอมรับต่อหน้าพิธีกร และออกโทรทัศน์ทั่วประเทศว่า " ตัวเองเป็นคนสั่งการ เพราะตัวเองพูดว่า ก็สั่งไม่ให้จัดแล้วยังมาจัด ผมก็ต้องสั่งลุย นะครับ " อันนี้เห็นชัด แต่ตำรวจ(รัฐตำรวจ) ยังนั่งเฉย เพราะฉะนั้นอีกหน่อย สังคมไทยจะอยู่ในยุคที่เรียกว่า " ใครเป็นลูกน้องคนมีอำนาจ ก็สั่งทำร้ายคนได้ สั่งฆ่าได้ มาออกทีวีรับต่อหน้า รับต่อหน้า ตำรวจก็ยังนิ่งเฉย แล้วนี่คือคำตอบครับท่านสื่อมวลชน พอจะได้คำตอบหรือยังว่า ทำไมพวกผมถึงต้องลุกขึ้นสู้ " แกนนำพันธมิตรฯกล่าวและว่า ในส่วนของทหารนั้น อาจจะไม่มีอำนาจทางกฎหมายที่จะไปจับกุมใคร แต่ทหารมีอำนาจที่จะมารักษาความปลอดภัยได้แล้ว
นายสนธิ กล่าวว่า การที่กลุ่มอันธพาลที่อยู่ในซีกของคนในรัฐบาล ได้ส่งกลุ่มคนไปเค่นฆ่าพันธมิตรฯอุดรธานี ตนถือว่ารัฐบาลชุดนี้ "เป็นรัฐบาลสัตว์นรกทั้งชุด "
เล็งฟ้อง กก.สิทธิฯ ทั่วโลก-ยูเอ็น
นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯกล่าวถึงธาตุแท้ของรัฐบาลชุดนี้ว่า สะท้อนภาพของการสนับสนุนแก๊งอันธพาลทางการเมือง ถ้าเราไม่ปฏิเสธเลย นายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวช ไม่เกี่ยวข้องทางใดทางหนึ่งกับเหตุการณ์หฤโหดถึง 3 ครั้ง ในประเทศไทย ที่ต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ เหตุการณ์แรกก็คือ 6 ตุลาคม 2516 ที่นายสมัครเกี่ยวข้องในหน่วยโฆษณาการ ในวิทยุยานเกราะ ที่ปลุกระดมมวลชนให้ประชาชนลุกขึ้นฆ่ากัน ครั้งที่ 2 ในการขับไล่โดยสมาพันธ์ประชาธิปไตย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และคณะ ในช่วงนั้นรัฐบาลเผด็จการ รสช. พลเอกสุจินดา คราประยูร ก็มีนายสมัคร สุนทรเวช เป็นรองนายกรัฐมนตรี แล้วครั้งนี้ครั้งที่ 3 นายสมัครได้อำนาจมาในฐานะรัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติ มาเป็นนายกรัฐมนตรีเอง และที่สำคัญที่ต้องเน้นเป็นพิเศษก็คือว่า "เป็นประธานกรรมการตำรวจแห่งชาติ " ที่อยู่หลังฉากของการฟ้องร้องแกนนำพันธมิตรฯ และที่ร้ายกาจที่สุดก็คือว่า " ไม่สามารถปกครองและคุ้มครองความปลอดภัยของประชาชนได้ ตามที่รัฐบาลต้องทำหน้าที่ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ คุ้มครองความปลอดภัยของประชาชน และในขณะเดียวกันยังมีท่าทีของรัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติ ทั้งตัวนายกรัฐมนตรี และมท.1 ในเชิงที่ไม่ห้ามปราม และสนับสนุนด้วย"
บัญชีเลือด 3 ครั้งนี้ ประชาชนก็มีความรู้สึกเดือดแค้นเป็นธรรมดา แม้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะยืนหยัดในเรื่องอหิงสา การชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ แต่พวกเขาก็มีจิตวิญญาณของนักต่อสู้เช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นการกระทำเลยเถิดในลักษณะที่หฤโหดและป่าเถื่อนนี้ ไม่รู้จะยับยั้งพลังของผู้รักชาติและประชาธิปไตยเทิดทูนสถาบัน ได้แค่ไหน อันนี้เป็นภาวการณ์ที่เราไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่เรากำลังจับตามองสิ่งที่อยากจะพูดต่อไปนี้ว่า เฝ้าดูองค์กรสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ว่ามีปฏิกิริยาเช่นใด เพราะองค์กรนี้เป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญ ที่มี ศ.เสน่ห์ จามริก เป็นประธานอยู่ในขณะนี้
"กลุ่มพันธมิตรฯ จำเป็นต้องเสนอภาพนี้ให้แก่องค์กรสิทธิมนุษยชนทั่วโลก โดยเฉพาะองค์กรในระดับสากล ให้รับทราบว่า การต่อสู้ของเรา รัฐบาลกำลังเข้าสู่ภาวะสุนัขจนตรอก แล้วใช้กลุ่มอันธพาลเป็นฐานที่มั่นสุดท้าย เพราะขณะนี้ เขาไม่สามารถครองใจประชาชนอยู่ได้แล้ว เขาไม่สามารถบริหารประเทศได้อีกแล้ว เขาเหลือกลุ่มเดียวคือ อันธพาลทางการเมืองที่เขาจัดตั้งขึ้นมา เพราะฉะนั้นอันธพาลทางการเมืองมักจะเกิดขึ้นยุคแล้วยุคเล่า และก็สูญหายไปในที่สุด เมื่อสภาพการจ้างวานและรางวัลของอันธพาลทางการเมืองก็คือ การถูกกฎหมายเล่นงานอย่างถึงที่สุด ซึ่งในครั้งนี้เราก็จะดำเนินการเหมือน "โอ๋ สืบ 6" เราดำเนินการทั้งคดีอาญา ในมาตรา 157 ที่ศาลอาญา และก็ดำเนินการที่ ป.ป.ช.ด้วย ในกรณีที่ โอ๋ สืบ 6 ปล่อยให้ประชาชนทำร้ายร่างกายที่สยามพารากอน เมื่อ 2 ปีก่อน"
นายสมเกียรติ กล่าวว่า ทหารจะปล่อยให้ประชาชนเจ็บและตายมากกว่านี้หรือ ถึงจะออกมา ท่านทนอยู่ในกองทัพได้อย่างไร ในเมื่อรัฐตำรวจได้เป็นของรัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติแล้ว กระทรวงมหาดไทย กลไกผู้ว่าฯ นายอำเภอ ปลัดอำเภอ ได้เป็นของรัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติแล้ว มันไม่มีองค์กรใดๆ ที่จะมารักษาความปลอดภัยของประชาชนได้แล้ว และหากไปอ่านรัฐธรรมนูญ มาตรา 77 รัฐต้องจัดให้มีกำลังทหารเพื่อรักษาความปลอดภัยของชาติ และสถาบันพระมหากษัตริย์ การปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพราะฉะนั้นทหารจะปฏิเสธรัฐธรรมนูญได้หรือ ในขณะนี้กองทัพเป็นฐานที่มั่นเดียวก่อนจะถึงสถาบันสำคัญของชาติ เพราะฉะนั้นความจำเป็นนี้จึงเป็นความจำเป็นที่มิอาจจะหลีกเลี่ยงได้
นอกจากนี้ นายสมเกียรติ เรียกร้องให้สื่อมวลชนทั้งหลายไปตรวจสอบว่า รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ได้แต่งตั้งเขา(นายขวัญชัย ไพรพนา)เป็นประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รับเงินเดือน 40,000 กว่าบาทหรือไม่ เป็นข้าราชการการเมืองหรือไม่ ที่ปูนบำเหน็จก่อนหน้านี้ ขอให้ไปตรวจสอบดู แล้วพฤติกรรมเหิมเกริมเหล่านี้ ถ้าเราอ่านแถลงการณ์ในข้อ 3 เราจะเห็นว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองในสังกัดกระทรวงมหาดไทย และเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดของนายกรัฐมนตรี รู้เห็นเป็นใจ ก็เท่ากับ ถ้าเราดูภาพที่ปรากฏก็คือว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจอำนวยความสะดวกให้คน"ฆ่ากัน" แล้วสื่อมวลชนจำพวกหนึ่งก็ลงว่าตีกัน ทั้งๆ ที่ไม่ดูว่าผู้บาดเจ็บคือใครเลย ผู้บาดเจ็บคือพันธมิตรฯ ทั้งหมด
ถึงเวลาทหารคุ้มครองประชาชน
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯกล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการทำร้ายร่างกายอย่างโหดเหี้ยม ขนาดล้มไปแล้ว ฟุบไปแล้ว ยังกระหน่ำอีก นี่ทำกันถึงขนาดนี้ แล้วถ้าตำรวจซึ่งมีหน้าที่โดยตรงในการใช้กฎหมาย ป้องกันไม่ให้คนร้ายมาทำลายคนดี แล้วไม่ทำตามหน้าที่ ซึ่งมันจะนำไปสู่การนองเลือดในอนาคตได้ เมื่อตำรวจไม่ทำแล้วถามว่าใครจะมาช่วย ก็มีกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน เพราะนี่เป็นการกระทบต่อความมั่นคงภายในอย่างชัดเจนเลย
ทั้งนี้ การจัดชุมนุมของพันธมิตรฯในต่างจังหวัดนั้น เขาคิดริเริ่มขึ้นเอง รวบรวมสมัครผู้คนขึ้นเอง เพราะคนเหล่านี้ต่างมีความเห็นตรงกันว่า ในยุคนี้ ยามนี้ บ้านเมืองเกิดปัญหา เราควรจะใช้การชุมนุมอย่างสงบตามรัฐธรรมนูญ เราก็จัดให้มีกันขึ้น
"จะเห็นชัดว่าพันธมิตรฯ ส่วนกลางนั้นไม่สามารถจะไปควบคุมบังคับบัญชา สั่งห้ามเขาได้ ถ้าเขาจะจัด มันเป็นความริเริ่มซึ่งน่าดีใจ เพราะว่าเขาจัดนี่เขาก็เสีย เสียเงิน เสียแรง เสียเวลา เสียทุกสิ่งทุกอย่าง เราจะไปห้ามเขาก็ไม่ได้ ซึ่งทางพันธมิตรฯก็เป็นห่วง ดังนั้น หากพื้นที่ใดสุ่มเสี่ยงและอันตราย โดยไม่สามารพึ่งพาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ ก็ขอให้มาชุมนุมกับพันธมิตรฯที่กรุงเทพฯแทน"พล.ต.จำลอง กล่าว
รบ.ขาดความชอบในการบริหารประเทศ
นายสมศักดิ์ โกศัยสุข หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯกล่าวว่า ตอนที่แถลงการณ์พันธมิตรฯ ฉบับที่ 3 ที่เราบอกว่ารัฐบาลนี้จะสร้างรัฐตำรวจ แล้วตอนนั้นมีสื่อบางคนก็บอกว่าจะเป็นไปได้ยังไง วันนี้เราจะเห็นว่า เมื่อหลังจากที่เขาปลด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ก็เปลี่ยนมา แล้วก็ถูกรังแกมาเป็นลำดับ ที่สำคัญ นายสมัครได้ออกมาพูดในรายการสนทนาประสาสมัคร ว่า "เขาจะต้องฆ่าคืน" แต่ว่าพันธมิตรฯ ดำเนินการกับเขาในแง่ของเหตุผลว่า เขากระทำผิดอะไรในฐานะเป็นรัฐบาล ไม่ว่าเรื่องเขาพระวิหาร ซึ่งมีศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นศาลสูงสุด ตัดสินว่าเขาผิดแล้ว ซึ่งไม่มีรัฐบาลที่ไหนในโลกจะบริหารประเทศต่อไปได้ ที่ทำผิดกฎหมายโดยคำสั่งคำพิพากษาของศาลสูงสุด ที่ผูกพันกับองค์กรของรัฐบาลด้วย
"ป่าเถื่อนมาก การใช้ความรุนแรงนั้นไม่เคยเริ่มต้นจากฝ่ายประชาธิปไตย ซึ่งเราใช้สันติวิธีโดยตลอด ปราศจากอาวุธ ซึ่งรัฐธรรมนูญไทยจะเขียนหรือไม่เขียนก็ไม่สำคัญ ทุกคนมีสิทธิ์ แต่รัฐธรรมนูญไทยก็เขียนเอาไว้ และเราชุมนุมโดยสงบในสิทธิ์ของเรา เราก็ใช้สิทธิ์ทำหน้าที่ในฐานะพลเมืองดี ในการปกป้องสถาบันชาติ ศาสน์ พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตย ดังนั้นระหว่างรัฐบาลซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบรักษาประโยชน์ของประเทศกลับไม่ได้ทำ แต่กลับไปรับผิดชอบพวกกันเอง แล้วก็ตั้งอันธพาลกวนเมืองกันขึ้นมา"
ที่สำคัญที่สุด ทางฝ่ายความมั่นคง หรือฝ่ายทหาร ต้องคิด เพราะว่าบัดนี้ตำรวจนั้นได้แสดงหลายครั้งหลายหนแล้วว่า ไม่ได้รับผิดชอบหน้าที่ในการดูแลความสงบสุขและเรียบร้อยของประชาชน ดังเหตุป่าเถื่อนที่เกิดขึ้นที่ จ.อุดรฯ