“พิภพ” ชู “สนธิ-สมเกียรติ” วีรบุรุษผู้เสียสละ นำประชาชนใช้ธรรมะต่อสู้กับอธรรม จวก ตำรวจทำตัวเป็นทาสในเรือนเบี้ย ปล่อยลูกกรอกหลอกจิกหัวใช้อยู่ร่ำไป เตือนอย่าถือว่ามีกฎหมายในมือ หากคิดกลั่นแกล้งผู้บริสุทธิ์ เจอฟ้องกลับคดีอาญาโทษหนักถึงคุกตลอดชีวิตแน่ ลั่น พันธมิตรฯไม่มีท้อ เดินหน้าปักหลักสู้ต่อไป
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายพิภพ ธงไชย ปราศรัย
วันนี้ (23 ก.ค.) เมื่อเวลา 23.02 น. นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวบนเวทีพันธมิตรฯ สะพานมัฆวานรังสรรค์ ว่า เราพูดบนเวทีนี้มาหลายครั้ง ว่าในกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด จุดอ่อนอยู่ที่ตำรวจ 5แกนนำพันธมิตรฯ และผู้ประสานงานฯ ก่อนจะจัดชุมนุมใหญ่ได้แถลงการณ์หลายครั้งว่ารัฐบาลกำลังจะสร้างรัฐตำรวจขั้น แต่ถูกนักการเมืองและบางคนท้วงติงว่าเป็นไปไม่ได้ บัดนี้พิสูจน์ว่าเกิดขึ้นจริงแล้ว ถ้าเรายังไม่สามารถแก้ไขปัญหาตำรวจที่รับใช้นักการเมือง และไม่อยู่บนความยุติธรรม ใช้กฎหมายไม่เสมอภาคและจงใจเลือกปฏิบัติ
“โดยเฉพาะเลือกปฏิบัติกับคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ซึ่งปาวารณาตัวว่าจะถวายชีวิตเพื่อรักษาราชบัลลังก์จนกว่าชีวิตจะหาไม่ อย่างนี้ถือว่าตำรวจได้กระทำไม่เสมอภาค เท่าที่ได้รู้จักกับนายสนธิ ยืนยันได้ว่าผู้ชายที่ชื่อ สนธิ ลิ้มทองกุล รักสถาบันกษัตริย์ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยิ่งกว่าชีวิตอีก” นายพิภพ กล่าว
นายพิภพ กล่าวว่า ในกรณีที่มีข่าวว่า น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล ได้พูดจาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และเมื่อมีคนเอาซีดีมาให้นายสนธิก็เปิดดู และคิดว่าจะมาบอกกับพ่อแม่พี่น้องว่า มีคนจ้องและตั้งใจหมิ่นฯ ตำรวจะต้องจัดการ ถึงกับพูดกับพวกตนว่าถ้าตำรวจไม่จัดการจะไปแจ้งความเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา แล้วอย่างนี้จะหาว่านายสนธิหมิ่นพระบรมเดชานุภาพได้อย่างไร เพียงแต่มาบอกกับพ่อแม่พี่น้องประชาชนว่ามีบุคคลหนึ่งที่กำลังกล่าวหมิ่นฯ ฉะนั้น รัฐบาลจะต้องจัดการ
นายพิภพ เล่าต่อว่า แทนที่จะออกหมายเรียกนายสนธิ ซึ่งกรณีนายจักรภพที่มีหลักฐานชัดเจน ตำรวจไม่เคยออกหมายจับเลย อย่างไรก็ตาม เราปรึกษากันว่าจะไปมอบตัววันนี้ทุ่มตรง แต่จากนั้นก็มีข่าวออกจากตำรวจว่าถ้ามอบตัววันนี้จะกักขังไว้ 48 ชั่วโมง เราเกรงว่าการกระทำอันมิชอบด้วยกฎหมายครั้งนี้ของตำรวจอาจนำไปสู่สถาการณ์ที่เลวร้ายและบานปลายได้ พ่อแม่พี่น้องประชาชนถ้ารู้ว่านายสนธิถูกขังอยู่ 48 ชั่วโมง ไม่ยอมแน่ๆ จึงได้ตัดสินใจว่า 9 โมงเช้าพรุ่งนี้จะไปมอบตัวเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ว่าชายที่ชื่อ สนธิ ลิ้มทองกุล ไม่มีวันจะหมิ่นฯ
นายพิภพ กล่าวว่า สิ่งที่นายสนธิพูดจะเห็นได้ว่า พูดทั้งหมดเพื่อปกป้องสถานบันที่รักที่สุดของนายสนธิและพวกเรา การมาบอกกับสาธารณะว่ามีการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพและก้าวล่วงพระราชอำนาจในเว็บไซต์ หน้าสิ่งพิมพ์ต่างๆ รวมทั้งการพูดของ นปก. และกลุ่มอื่นๆ ที่สนามหลวง ก็เป็นหน้าที่เราที่จะต้องมาบอกตำรวจว่าเกิดอะไรขั้น ซึ่งนายสนธิก็ทำหน้าที่นี้ และตั้งคำถามกับรัฐบาลทำอะไรอยู่ขึงปล่อยเว็บล่วงละเมิดทำอย่างต่อเนื่อง ปิดๆ เปิดๆ รัฐบาลมีหน้าที่ต้องปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์
“ฉะนั้น ในวันนี้เมื่อรัฐบาลได้จับคนที่มีข้อหลักฐานว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพไปแล้วก็ขออำนาจศาลสั่งจำคุก ขณะที่นายสนธิมาบอกเล่าเรื่องนี้ ตำรวจมาอ้างว่าใช้มาตรฐานเดียวกันกับกรณีน.ส.ดารณี คือจะขอให้ศาลสั่งจำคุกต่อ มันไม่สมเหตุสมผล คนละกรณีกัน คนหนึ่งมีหลักฐานชัดเจนว่าอาจจะหมิ่นฯ แต่อีกคนมาบอกว่าคนนั้นกำลังหมิ่นฯ ใช้มาตรฐานเดียวกันได้หรือ” นายพิภพ กล่าว
นายพิภพ กล่าวต่อว่า พรุงนี้เราจำเป็นต้องไปบอกตำรวจว่าทำอย่างนั้นไม่ได้ ประชาชนจะมาเป็นเรือนหมื่นเรือนแสน และอาจจะเรือนล้านด้วย ตำวจได้ทำงานไปโดยพลการ นี่เป็นสงครามที่รัฐบาลและกลุ่มอำนาจเก่าต้องการจัดการกับพันธมิตรฯ โดยเฉพาะ 5แกนนำฯ ถามพี่น้องสักนิดว่าถ้า 5 แกนนำฯ ถูกจั บพี่น้องจะไม่หยุดต่อสู้ใช่หรือไม่ ตราบใดที่เรายังไม่สามารถจัดการกับรัฐบาลที่เป็นรัฐตำรวจออกไปได้ใช่หรือไม่
นายพิภพ กล่าวอีกว่า นี่เป็นขบวนการที่มีแผนหาช่องทาง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำฯ ไม่ได้พูดก้าวล่วงอะไรเลย ตำรวจก็สั่งจับไม่มีหมายเรียกเลย รวมทั้งกรณีของนายสนธิวันนี้ด้วย ก็ออกคำสั่งจับทันที แต่ขณะคนก่อนหน้านั้นมีการพูดเป็นหลักฐานที่ชี้ชัดได้ว่าหมิ่นเหม่ฯ แล้วเราอ่านก็รู้สึกว่าเป็นการหมิ่นฯจริงๆ ตำรวจกลับไม่มีแม้แต่หมายเรียกหมายจับ แล้วตอนนี้คดีก็ไม่รู้ว่าไปถึงไหน อย่างนี่ถือว่าเลือกปฏิบัติ
นายพิภพ กล่าวต่อว่า เชื่อว่าถ้านายสนธิยืนตรงนี้ก็จะบอกว่า ไม่ต้องหวั่นไหว เมื่อตัวนายสนธิถูกจับ นายสนธิเคยบอกว่าแม้นชีวิตก็ยอมพลีเพื่อรักษาราชบัลลังก์ ฉะนั้นนายสนธิก็จะยืนยันกับพวกเราว่าอย่าท้อแท้ท้อถอย เพราะนายสนธิจะยืนสู้กับพวกเราอย่างถึงที่สุด แต่หน้าที่ของพวกเราจะต้องป้องคนบริสุทธิ์อย่างนายสนธิ ลิ้มทองกุลชี้ให้สังคมเห็นว่าตำรวจกำลังใช้อำนาจที่ไม่เป็นธรรม ใช้กฎหมายผิด อย่างไรก็ตาม พรุ่งนี้ ตำรวจอาจจะกลั่นแกล้งถึงแม้จะไปมอบตัวและให้การเรียบร้อย อาจจะอ้างต่อศาลว่าขอขังต่ออีก 48 ชั่วโมง และเมื่อเสร็จ 48 ชั่วโมงก็จะอ้างต่อขอขังต่อจนกว่าจะนำเรื่องขึ้นสู่ศาล
“ถ้าตำรวจทำอย่างนั้น ตำรวจจะหมดซึ่งศักดิ์ศรีของตำรวจ และถือว่าเป็นตำรวจที่รับใช้นักการเมืองอย่างสุดๆ ตำรวจต้องระวัง ว่าตำรวจไม่ได้มีอำนาจล้นฟ้าที่จะทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ ข้อที่ควรระวังมากที่สุดว่าถ้าตำรวจทำเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดและไม่ชอบต่อเหตุ ตำรวจจะถูกจับติดคุกเช่นเดียวกัน” นายพิภพ กล่าว
นายพิภพ กล่าวต่อว่า การทำความผิดในคดีอาญาต้องถือเจตนาในคดีเป็นสำคัญ ถามหน่อยว่านายสนธิมีเจตนาหรือเปล่า แต่ที่ผ่านมายืนหยัดกับการรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ นายสนธินำเรื่องนี้มาพูดไม่ได้เป็นการหมิ่นฯ เห็นเจตนาชัดเจนว่าต้องการพิทักษ์สถาบันฯและพระบรมเดชานุภาพ หากถูกตำรวจกลั่นแกล้งในเรื่องนี้ ก็จะดำเนินคดีอาญากับตำรวจผู้นั้น ตามกฎหมายอาญา มาตรา 200 ซึ่งมีโทษจำคุกตลอดช่วิตหรือจำคุกตั้งแต่ 10-20 ปี เรามีข้อกฎหมายที่จะสู้กับตำรวจ ถ้าไม่ให้ความเป็นธรรมกับนายสนธิ ฉะนั้นตำรวจอย่าถือดีว่าตัวเองถือกฎหมายอยู่ในมือ ไม่ได้ถือกฎหมายฝ่ายเดียว เราก็มีกฎหมายอยู่ในมือเหมือนกัน
ทั้งนี้ นายพิภพได้ระบุถึงข้อบัญญัติของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 200 ด้วยว่า “ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานในตำแหน่งพนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี พนักงานสอบสวนหรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา หรือจัดการให้เป็นไปตามหมายอาญา กระทำการหรือไม่กระทำการ อย่างใดๆ ในตำแหน่งอันการมิชอบ เพื่อจะช่วยบุคคลหนึ่งบุคคลใด มิให้ต้องโทษหรือให้รับโทษน้อยลงต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือน ถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท
ถ้าการกระทำหรือไม่กระทำนั้นเป็นการเพื่อจะแกล้งให้บุคคลหนึ่ง บุคคลใดต้องรับโทษ รับโทษหนักขึ้น หรือต้องถูกบังคับตามวิธีการ เพื่อความปลอดภัยผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิตหรือ จำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงยี่สิบปีและปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสี่หมื่นบาท
นายพิภพ กล่าวว่า สถานการณ์ย่อมสร้างวีรบุรุษ และวีรสตรี วันนี้สถานการณ์ได้สร้างวีรบุรุษที่ชื่อ สนธิ ลิ้มทองกุล และสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ เหลืออีก 3 แกนนำฯ กับอีก 1 ผู้ประสานงานฯ ซึ่งเราก็โดนกันไปคนละ 5 คดีแล้ว และศาลนัดไต่สวนครั้งแรกวันที่ 28 ก.ค.นี้ เป็นคดีที่ฟ้องที่ชัยภูมิ และฉะเชิงเทรา แต่เราก็ไม่หวั่นไหว
อย่างไรก็ตาม นายพิภพย้ำว่า ถึงแม้ 5 แกนนำฯ จะอยู่ในคุก เราก็จะไม่ยอมให้พี่น้องเจ็บตัว เราจะใช้สงบ สันติ อหิงสา นอนลง และถ่ายรูปตำรวจที่เข้ามาจับเรา แล้วแกนนำฯก็จะยอมให้ถูกจับ แต่ทันทีที่ 5 แกนนำฯถูกจับ จะมีการแต่งตั้ง 5 แกนนำฯ ใหม่นำพี่น้องต่อสู้ต่อไป ฉะนั้นวันนี้ไม่มีความหวั่นไหวใดๆ เพราะเรากำลังสู้กับอธรรม เรามีธรรมะอยู่ในหัวใจ เราสงบ สันติ อหิงสา ก็ให้รู้กันไปว่าบ้านเมืองนี้ธรรมะจะชนะอธรรมได้หรือไม่
นายพิภพ กล่าวด้วยว่า การศึกที่งวดเข้ามา ย่อมจะมีการดิ้นรนของศัตรูซึ่งเป็นฝ่ายอธรรม ซึ่งก็คือรัฐบาลและตำรวจเริ่มเห็นการคุกคามไปตามต่างจังหวัด เห็นชัดว่าฝ่ายรัฐบาลกำลังดิ้นอย่างสุดฤทธิ์โดยใช้ตำรวจเป็นเครื่องมือ ปล่อยไปได้ยังไง อย่างที่เวทีจังหวัดมหาสารคาม ให้รถบรรทุกเข้าไปชนเวที และใช้หนังสติ๊กยิงนายการุณ ใสงาม บาดเจ็บ แต่ตำรวจกลับนิ่งเฉย แสดงว่าตำรวจยอมเป็นขี้ข้าของรัฐบาล เพื่อให้รัฐบาลสร้างรัฐตำรวจขึ้นมาข่มขู่ประชาชนแล้ว พันธมิตรฯ ขอเชิญชวนพี่น้อง ถ้าที่ไหนตำรวจไม่ดูแลความปลอดภัย ให้มารวมตัวกันที่มัฆวานฯ ได้เลย