ปชป.เตรียมงัดประมวล กม.อาญา ลากคอ “นพเหล่” และพวกเข้าคุก ข้อหากระทบความมั่นคงต่อรัฐ ยกอธิปไตยให้เขมร ชี้โทษจำคุกตลอดชีวิต หรือประหารชีวิต
วันนี้ (6 ก.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายพีระพันธุ์ สารีรัฐวิภาค ส.ส.กทม. รมว.ยุติธรรมเงา พรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ตนในฐาน รมว.ยุติธรรมเงา มอบหมายให้นายธนา ชีรวินิจ เลขานุการยุติธรรมเงา รวบรวมข้อมูลหลักฐานเกี่ยวกับปัญหาปราสาทเขาพระวิหาร พร้อมทั้งเรียกประชุมคณะทำงานชุดใหญ่ของกระทรวงยุติธรรมเงาในสัปดาห์หน้าเพื่อพิจารณาดำเนินคดีอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 119 และ 120 ต่อนายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ในหมวดว่าด้วยความมั่นคงของรัฐ
ทั้งนี้ ซึ่งมีโทษสูงสุดคือ การจำคุกตลอดชีวิต หรือประหารชีวิต รวมทั้งดำเนินการถอดถอนนายนพดลออกจากตำแหน่งนายนพดล รมว.ต่างประเทศด้วย เมื่อได้ข้อสรุปในส่วนคณะทำงานแล้วจะมีการเสนอที่ประใหญ่พรรคเพื่อพิจารณา แต่จากหลักฐานที่ได้รวบรวมตอลดที่ผ่านมา รวมทั้งข้อมูลต่างๆ ที่ใช้ในการอภิปรายไม่ไว้างใจ และพฤติกรรมของนายนพดล ตนมั่นใจว่าจะมีน้ำหนักเพียงพอในการดำเนินคดีได้
“ผมยืนยันว่า การเรียกร้องกรณีเขาพระวิหารไม่ต้องการใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง แต่พฤติกรรมของนายนพดลไม่ได้รับรู้สำนึก และไม่สำเหนียกในสิ่งที่สังคมเรียกร้อง แต่กลับพยายามออกมาพูดว่าได้พยามแก้ปัญหาต่างๆ แต่พฤติกรรมที่ผ่านมาไม่ได้ยืนยันคำพูดในส่วนนี้เลย นอกจากเราจะดำเนินคดีกับนายนพดลแล้ว ทุคนที่เกี่ยวข้องกับขบวนการที่ทำให้ประเทศต้องเสียสิทธิ ในเขาพระวิหารจะต้องถูกดำเนินคดี ไม่ว่าจะเป็นภาคการเมือง ข้าราชการประจำ หรือแม้แต่บริษัทเอกชนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ซึ่งที่ผ่านมายังไม่เคยมีใครถูกดำเนินคดีในข้อหานี้เลย ซึ่งนายนพดลจะโดนเป็นคนแรก” รมว.ยุติธรรมเงากล่าว
เมื่อถามว่า ท่าทีรัฐบาลเขมรไม่สนใจต่อคำสั่งของศาลปกครองกลางที่ระงับแถลงการณ์ลงนามร่วมไทย-กัมพูชา แต่กลับยึดคำแถลงการณ์โดยย่อเมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ปารีส เป็นหลัก นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า เป็นปกติที่รัฐบาลกัมพูชาจะคิดในแง่ที่เขาได้ผลประโยชน์เป็นหลัก แต่ รมว.ต่างประเทศต้องยึดหลักผลประโยชน์ของฝ่ายไทย แต่กลับไปสนับสนุนให้เขาได้ประโยชน์โดยไม่คิดว่าไทยจะได้ประโยชน์อะไรบ้างเลย ซึ่งกระบวนการทั้งหมดมีการวางแผนเป็นขั้นตอนเหมือนลับ ลวง พราง ซึ่งเหตุการณ์เช่นนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีตที่พยายามใช้กฎหมายปิดปากคนไทย แต่รัฐมนตรีต่างประเทศของไทยกลับไม่ใช้กฎหมายที่เป็นประโยชน์กับฝ่ายไทยเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง
นายพีระพันธุ์ กล่าวด้วยว่า ในสมัยประชุมสภาสมัยนิติบัญัติ พรรคฯ จะยื่นแก้ไขร่างกฎหมายบริหาร ราชการแผ่นดิน โดยกำหนดให้คณะรัฐมนตรีทุกชุดนับจากนี้ รวมถึงข้าราชการทุกกระทรวงทบวงกรม ต้องปฏิบัติตามนโยบายหลักของประเทศที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ ของประเทศและประชาชนอย่างต่อเนื่องเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง ปัญหาในการบริหารประเทศ และมีการโยนการรับผิดชอบไปให้รัฐบาลชุดอื่นเหมือนเช่นเดียวกับกรณีเขาพระวิหาร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามประมวลกฏหมายมาตรา 119 บัญญัติว่า ผู้ใดกระทำการใดๆ เพื่อราชอาณาจักรหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักรตกไปอยู่ใต้อำนาจอธิปไตยของรัฐต่างประเทศ หรือเพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสียไป ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือ จำคุกตลอดชีวิต และมาตรา 120 ผู้ใดคบคิดกับบุคคลซึ่งการกระทำการเพื่อประโยชน์รัฐต่างประเทศ ด้วยความประสงค์ที่จะก่อให้เกิดการดำเนินการรบต่อรัฐ หรือในทางอื่นที่เป็นปรปักษ์ต่อรัฐ ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ 10-20 ปี