ทูต “กษิต ภิรมย์” เรียกร้องพี่น้องประชาชนเป็นสาวกที่ดีของพระพุทธองค์ ร่วมสร้างความเพียรในการดับทุกข์ ไล่ระบอบทักษิณออกไปให้พ้น อัดบิ๊กบัวแก้วยอมตกอยู่ภายใต้ระบบอุปภัมภ์ หวังแต่ลาภยศโดยลืมศักดิ์ศรีความเป็นข้าราชการของพระเจ้าอยู่หัว
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายกษิต ภิรมย์ ปราศรัย
วันนี้ (18 ก.ค.) นายกษิต ภิรมย์ อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำ สหรัฐฯ ได้ขึ้นเวทีพันธมิตรฯที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ โดยยกหลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ที่มีมากว่า 2551 แล้ว แต่ยังทันสมัย และนำมาประยุกต์ใช้กับเหตุการณ์ปัจจุบันได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญ หลักธรรมของพระองค์เป็นการทวนกระแสสังคม สร้างความสุขด้วยตัวเองด้วยความถูกต้อง
นายกษิต กล่าวอีกว่า พวกเราในที่นี้ต้องทำตัวเป็นสาวกที่ดีของพระพุทธเจ้า ต้องมีความกล้าที่จะทวนกระแสความไม่ถูกต้อง แม้ต้องใช้ความเพียรอย่างสูงก็ตาม เพราะพระพุทธเจ้าต้องใช้เวลาใช้ความเพียรในการหาหนทางดับทุกข์ถึง 6 ปี
อดีตนักการทูตผู้นี้ ยังระบุอีกว่า สำหรับพวกเราเหล่าสาวกทั้งหลายต้องหาทางดับทุกข์ โดยต้องไล่ระบอบทักษิณออกไปให้ได้ก่อน แม้ว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าใดก็ตาม ต้องเพียรสร้างสังคมใหม่ ไม่ให้ตกอยู่ภายใต้อาณาจักรแห่งความกลัว ไม่มีรัฐตำรวจที่คอยกลั่นแกล้งชาวบ้าน
นายกษิต ยังได้ตำหนิกระทรวงการต่างประเทศ ว่า มีความเพี้ยนไปมาก และในช่วงไม่กี่ปีมานี้ได้เกิดระบบอุปถัมภ์เข้าไปครอบงำข้าราชการ ทำให้ข้าราชการเหล่านั้นลืมไปว่า เป็นข้าราชการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นข้าราชการของชาติ แต่กลับไปรับใช้นักการเมือง รับใช้นายเท่านั้น
“กรณีปราสาทพระวิหารก็เช่นเดียวกัน เป็นไปได้อย่างไรที่ข้าราชการพูดว่าแถลงการณ์ร่วมไม่ใช่สนธิสัญญา ที่มีข้อผูกมัด สิ่งเหล่านี้เปรียบเสมือนมะเร็งร้ายในกระทรวงการต่างประเทศ และจะโทษนักการเมืองฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ ต้องโทษข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เหล่านั้นด้วย ที่หวังเพียงแค่ตำแหน่งลาภยศโดยไม่คำนึงความถูกต้อง” นายกษิต ระบุ พร้อมกันนี้ ในฐานะที่เป็นศิษย์เก่าจุฬาลงกรณ์ฯได้เรียกร้องให้นักศึกษาคนรุ่นใหม่ทุกสถาบันได้ออกมาร่วมสร้างสังคมใหม่ อย่าหวังเพียงแค่เสพ หรือหวังปริญญาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายกษิต ภิรมย์ ปราศรัย
วันนี้ (18 ก.ค.) นายกษิต ภิรมย์ อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำ สหรัฐฯ ได้ขึ้นเวทีพันธมิตรฯที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ โดยยกหลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ที่มีมากว่า 2551 แล้ว แต่ยังทันสมัย และนำมาประยุกต์ใช้กับเหตุการณ์ปัจจุบันได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญ หลักธรรมของพระองค์เป็นการทวนกระแสสังคม สร้างความสุขด้วยตัวเองด้วยความถูกต้อง
นายกษิต กล่าวอีกว่า พวกเราในที่นี้ต้องทำตัวเป็นสาวกที่ดีของพระพุทธเจ้า ต้องมีความกล้าที่จะทวนกระแสความไม่ถูกต้อง แม้ต้องใช้ความเพียรอย่างสูงก็ตาม เพราะพระพุทธเจ้าต้องใช้เวลาใช้ความเพียรในการหาหนทางดับทุกข์ถึง 6 ปี
อดีตนักการทูตผู้นี้ ยังระบุอีกว่า สำหรับพวกเราเหล่าสาวกทั้งหลายต้องหาทางดับทุกข์ โดยต้องไล่ระบอบทักษิณออกไปให้ได้ก่อน แม้ว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าใดก็ตาม ต้องเพียรสร้างสังคมใหม่ ไม่ให้ตกอยู่ภายใต้อาณาจักรแห่งความกลัว ไม่มีรัฐตำรวจที่คอยกลั่นแกล้งชาวบ้าน
นายกษิต ยังได้ตำหนิกระทรวงการต่างประเทศ ว่า มีความเพี้ยนไปมาก และในช่วงไม่กี่ปีมานี้ได้เกิดระบบอุปถัมภ์เข้าไปครอบงำข้าราชการ ทำให้ข้าราชการเหล่านั้นลืมไปว่า เป็นข้าราชการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นข้าราชการของชาติ แต่กลับไปรับใช้นักการเมือง รับใช้นายเท่านั้น
“กรณีปราสาทพระวิหารก็เช่นเดียวกัน เป็นไปได้อย่างไรที่ข้าราชการพูดว่าแถลงการณ์ร่วมไม่ใช่สนธิสัญญา ที่มีข้อผูกมัด สิ่งเหล่านี้เปรียบเสมือนมะเร็งร้ายในกระทรวงการต่างประเทศ และจะโทษนักการเมืองฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ ต้องโทษข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เหล่านั้นด้วย ที่หวังเพียงแค่ตำแหน่งลาภยศโดยไม่คำนึงความถูกต้อง” นายกษิต ระบุ พร้อมกันนี้ ในฐานะที่เป็นศิษย์เก่าจุฬาลงกรณ์ฯได้เรียกร้องให้นักศึกษาคนรุ่นใหม่ทุกสถาบันได้ออกมาร่วมสร้างสังคมใหม่ อย่าหวังเพียงแค่เสพ หรือหวังปริญญาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
