นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวว่าการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่มีการเคลื่อนไหวถี่ขึ้น ในขณะนี้นั้น เป็นยุทธศาสตร์ของการสร้างและรักษาพื้นที่ทางการเมือง เพื่อเตรียมรั พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร คงรู้ดีว่ารัฐบาลสมัคร สุนทเวช นายกรัฐมนตรี ตกอยู่ในสภาวะเปราะบางไร้เสถียรภาพและไม่มีอนาคต อาจพบจุดจบหรือสะดุดขาตัวเองเร็วกว่าที่คิด ฉะนั้นการปรากฎตัวถี่ขึ้นก็เพื่อรักษาสถานภาพศูนย์รวมจิตใจ ของเครือข่ายระบอบทักษิณ ซึ่งเริ่มระส่ำระส่ายและมีปัญหากันภายในมากขึ้น ในขณะที่บารมีนายกสมัคร ในพรรคเริ่มหดหายลง ลูกพรรคจึงต้องการการนำที่เป็นจริง ในพรรคเพื่อเตียมการรับมือการเลือกตั้งครั้งหน้าที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
ประกอบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และเครือข่ายก็ต้องเป็นผู้ต้องหาและถูกดำเนินคดี จำนวนมากการสร้างพื้นที่ทางสังคมการเมืองจึงมีความจำเป็นเพื่อสร้างดุลอำนาจทางสังคมไว้ดุลกับอำนาจศาลหรือตุลาการ เพื่อสร้างภาพลักษณ์คู่ขนาน ให้เกิดการ เปรียบเทียบระหว่างการเป็นเศรษฐีใจบุญ กับผู้ต้องหาที่ถูกกล่าวหาโดยไม่เป็นธรรม
“จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่โปรแกรมเดินสายของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเน้นงานทางสังคมเช่น เรื่องเด็กยากจน คนด้อยโอกาส หรือการขยันพูดเรื่องเศรษฐกิจ ข้าวอยากหมากแพงมากขึ้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะวางมือทางการเมือง ซึ่งบทบาทในขณะนี้นอกจากจะไม่วางมือทางการเมืองแล้ว ยังเป็นการสะสมขยายพื้นที่ จากพื้นที่ทางการเมืองซึ่งมีรัฐบาลนอมินีทำแทนอยู่แล้ว แต่ยังขาดพื้นที่ทางสังคม เพราะอำนาจทางการเมืองจะไม่มีทางไปได้ถ้าไม่สามารถสร้างอำนาจ”
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของพ.ต.ท.ทักษิณ ในช่วงนี้ ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คงไม่สามารถยุติบทบาทในทางสาธารณะได้อยู่แล้ว ตนจึงไม่แปลกใจที่จะมีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการปาฐกถา หรือการออกหนังสือ ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณจะเลิกเล่นการเมืองอย่างที่เคยพูดไว้จริงหรือไม่ก็ต้องไปพิสูจน์กัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวปาฐกถาในลักษณะที่ว่ามีบางกลุ่มไม่ชอบใจ ต่อแนวทางหรือการทำงานการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะบางกลุ่มนั้นอยากจะให้ประเทศไปเรื่อยๆ จึงเกิดการยึดอำนาจ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การทำงานของ พ.ต.ท.ทักษิณก็มีส่วนที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดดเข้ามา แต่ก็เป็นธรรมดาที่ทุกสังคมจะมีคนอีกกลุ่มที่มีลักษณะอนุรักษ์นิยม แต่ถ้าจะไปสรุปรวมว่าทุกคนที่คัดค้านพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นอย่างนั้น คงไม่ใช่
ทั้งนี้ ตนเสียดายที่พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้กล้าทำเรื่องการปฏิรูปการศึกษาและการปฏิรูปราชการซึ่งจะสร้างเปลี่ยนแปลงได้มากกว่าสิ่งพ.ต.ท.ทักษิณทำ
“สิ่งที่ผมไม่เห็นด้วยกับคุณทักษิณ คือ หลายเรื่องที่คุณทักษิณบอก เป็นการเปลี่ยนแปลงนั้น บางทีมันไม่ได้เป็นการก้าวไปข้างหน้าครับ แต่มันเป็นเรื่องถอยหลัง เพราะว่ายังหมกมุ่นอยู่กับเรื่องผลประโยชน์ และก็อำนาจ เอาระบบอุปถัมภ์มาแล้วทำให้มันเป็นระบบที่ไฮเทคมากขึ้น ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเนื้อหาของสังคมจริงๆ ซึ่งสังคมที่เปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดดจริงๆในยุคนี้ต้องเป็นสังคมที่เคารพสิทธิ เสรีภาพ และความหลากหลาย ซึ่งผมกล้ายืนยันว่าสมัยคุณทักษิณไม่ได้ส่งเสริมสิทธิ เสรีภาพ และความหลากหลาย”
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงการที่รัฐบาบลปรับเปลี่ยนแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จากแก้ไขบางมาตรามาเป็นการแก้ทั้งฉบับ โดยนำรัฐธรรมนูญ ปี 2540 มาเป็นตัวตั้ง ว่า การที่รัฐบาลพยายามจะมองภาพรวมแก้ทั้งฉบับนั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้อง และตนเห็นด้วย โดยกระบวนการแก้ไขไม่ควรไปยกร่างในกลุ่มส.ส.พรรคพลังประชาชนหรือส.ส.ฝ่ายรัฐบาลแล้วนำมาเสนอโดยไม่มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ตนจึงอยากให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาพิจารณาร่วมกันของทุกฝ่าย ทั้งรัฐบาล ฝ่ายค้าน นักวิชาการ และตัวแทนภาคประชาชน เพื่อให้เกิดบรรยากาศการมีส่วนร่วม และจะทำให้กระบวนการของการแก้ไขรัฐธรรมนูญเกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน อีกทั้งช่วยคลี่คลายบรรยากาศทางการเมือง ซึ่งตนเชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง ทั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์พร้อมแลกเปลี่ยนและพูดคุยด้วยเหตุผล อย่าด่วนสรุปว่าฝ่ายค้านไม่เห็นด้วยทุกเรื่อง
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นห่วงหรือไม่ว่าเรื่องรัฐธรรมนูญจะถูกยกระดับไปถึงขั้นเผชิญหน้ากันในสังคม และจะเกิดความรุนแรงถึงขั้นนองเลือดหรือไม่ ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวว่า ความรุนแรงจะมีหรือไม่นั้นอยู่ที่แต่ละฝ่ายที่จะช่วยกันดูแลควบคุมและอยู่บนความพอดี ทั้งนี้ ตนไม่เชื่อว่าสิ่งใดๆต้องเกิดขึ้น ไม่ว่าโหรจะทำนายหรือไม่ แต่อยู่ที่พวกเราแต่ละคนมากกว่าว่าถ้าเราตั้งหลักให้ดี โดยเฉพาะคนที่เป็นผู้นำในสังคมที่ต้องไม่ส่งเสริมยั่วยุให้เกิดความรุนแรง ทุกอย่างก็เดินไปได้
ประกอบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และเครือข่ายก็ต้องเป็นผู้ต้องหาและถูกดำเนินคดี จำนวนมากการสร้างพื้นที่ทางสังคมการเมืองจึงมีความจำเป็นเพื่อสร้างดุลอำนาจทางสังคมไว้ดุลกับอำนาจศาลหรือตุลาการ เพื่อสร้างภาพลักษณ์คู่ขนาน ให้เกิดการ เปรียบเทียบระหว่างการเป็นเศรษฐีใจบุญ กับผู้ต้องหาที่ถูกกล่าวหาโดยไม่เป็นธรรม
“จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่โปรแกรมเดินสายของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเน้นงานทางสังคมเช่น เรื่องเด็กยากจน คนด้อยโอกาส หรือการขยันพูดเรื่องเศรษฐกิจ ข้าวอยากหมากแพงมากขึ้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะวางมือทางการเมือง ซึ่งบทบาทในขณะนี้นอกจากจะไม่วางมือทางการเมืองแล้ว ยังเป็นการสะสมขยายพื้นที่ จากพื้นที่ทางการเมืองซึ่งมีรัฐบาลนอมินีทำแทนอยู่แล้ว แต่ยังขาดพื้นที่ทางสังคม เพราะอำนาจทางการเมืองจะไม่มีทางไปได้ถ้าไม่สามารถสร้างอำนาจ”
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของพ.ต.ท.ทักษิณ ในช่วงนี้ ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คงไม่สามารถยุติบทบาทในทางสาธารณะได้อยู่แล้ว ตนจึงไม่แปลกใจที่จะมีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการปาฐกถา หรือการออกหนังสือ ส่วน พ.ต.ท.ทักษิณจะเลิกเล่นการเมืองอย่างที่เคยพูดไว้จริงหรือไม่ก็ต้องไปพิสูจน์กัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวปาฐกถาในลักษณะที่ว่ามีบางกลุ่มไม่ชอบใจ ต่อแนวทางหรือการทำงานการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะบางกลุ่มนั้นอยากจะให้ประเทศไปเรื่อยๆ จึงเกิดการยึดอำนาจ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การทำงานของ พ.ต.ท.ทักษิณก็มีส่วนที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดดเข้ามา แต่ก็เป็นธรรมดาที่ทุกสังคมจะมีคนอีกกลุ่มที่มีลักษณะอนุรักษ์นิยม แต่ถ้าจะไปสรุปรวมว่าทุกคนที่คัดค้านพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นอย่างนั้น คงไม่ใช่
ทั้งนี้ ตนเสียดายที่พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้กล้าทำเรื่องการปฏิรูปการศึกษาและการปฏิรูปราชการซึ่งจะสร้างเปลี่ยนแปลงได้มากกว่าสิ่งพ.ต.ท.ทักษิณทำ
“สิ่งที่ผมไม่เห็นด้วยกับคุณทักษิณ คือ หลายเรื่องที่คุณทักษิณบอก เป็นการเปลี่ยนแปลงนั้น บางทีมันไม่ได้เป็นการก้าวไปข้างหน้าครับ แต่มันเป็นเรื่องถอยหลัง เพราะว่ายังหมกมุ่นอยู่กับเรื่องผลประโยชน์ และก็อำนาจ เอาระบบอุปถัมภ์มาแล้วทำให้มันเป็นระบบที่ไฮเทคมากขึ้น ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเนื้อหาของสังคมจริงๆ ซึ่งสังคมที่เปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดดจริงๆในยุคนี้ต้องเป็นสังคมที่เคารพสิทธิ เสรีภาพ และความหลากหลาย ซึ่งผมกล้ายืนยันว่าสมัยคุณทักษิณไม่ได้ส่งเสริมสิทธิ เสรีภาพ และความหลากหลาย”
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงการที่รัฐบาบลปรับเปลี่ยนแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จากแก้ไขบางมาตรามาเป็นการแก้ทั้งฉบับ โดยนำรัฐธรรมนูญ ปี 2540 มาเป็นตัวตั้ง ว่า การที่รัฐบาลพยายามจะมองภาพรวมแก้ทั้งฉบับนั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้อง และตนเห็นด้วย โดยกระบวนการแก้ไขไม่ควรไปยกร่างในกลุ่มส.ส.พรรคพลังประชาชนหรือส.ส.ฝ่ายรัฐบาลแล้วนำมาเสนอโดยไม่มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ตนจึงอยากให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาพิจารณาร่วมกันของทุกฝ่าย ทั้งรัฐบาล ฝ่ายค้าน นักวิชาการ และตัวแทนภาคประชาชน เพื่อให้เกิดบรรยากาศการมีส่วนร่วม และจะทำให้กระบวนการของการแก้ไขรัฐธรรมนูญเกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน อีกทั้งช่วยคลี่คลายบรรยากาศทางการเมือง ซึ่งตนเชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง ทั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์พร้อมแลกเปลี่ยนและพูดคุยด้วยเหตุผล อย่าด่วนสรุปว่าฝ่ายค้านไม่เห็นด้วยทุกเรื่อง
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นห่วงหรือไม่ว่าเรื่องรัฐธรรมนูญจะถูกยกระดับไปถึงขั้นเผชิญหน้ากันในสังคม และจะเกิดความรุนแรงถึงขั้นนองเลือดหรือไม่ ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวว่า ความรุนแรงจะมีหรือไม่นั้นอยู่ที่แต่ละฝ่ายที่จะช่วยกันดูแลควบคุมและอยู่บนความพอดี ทั้งนี้ ตนไม่เชื่อว่าสิ่งใดๆต้องเกิดขึ้น ไม่ว่าโหรจะทำนายหรือไม่ แต่อยู่ที่พวกเราแต่ละคนมากกว่าว่าถ้าเราตั้งหลักให้ดี โดยเฉพาะคนที่เป็นผู้นำในสังคมที่ต้องไม่ส่งเสริมยั่วยุให้เกิดความรุนแรง ทุกอย่างก็เดินไปได้