“หมอตุลย์” ขึ้นเวทีฯ เล่าเหตุการณ์ขณะม็อบถ่อยขว้างปาท้ายขบวนพันธมิตรฯ หวิดได้เลือด เผยได้รู้รสชาติความเถื่อน จวก “ทักษิณ” ต้นตอความแตกแยก บงการแก้ รธน.ฟอกผิดตัวเอง ยัน รธน.50 ไม่ใช่เผด็จการ เหตุไม่มีมาตราใดให้สืบทอดอำนาจ คมช.
เมื่อเวลา 23.57 น. วันที่ 27 พ.ค. นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ขึ้นเวทีปราศรัยของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่เชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ โดยก่อนปราศรัยได้นำผู้ร่วมชุมนุมร้องเพลง “เราสู้” เพื่อปลุกใจให้ร่วมสู้ต่อ หลังจากนั้น นพ.ตุลย์ ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่กลุ่มต่อต้านพันธมิตรฯ ระดมขว้างปาสิ่งของเข้าใส่ขณะกำลังเคลื่อนขบวนออกจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเมื่อคืนวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า ในคืนวันนั้นได้รู้รสชาติของความถ่อย เถื่อน ว่าเป็นอย่างไร
นพ.ตุลย์ กล่าวว่า ก่อนหน้านั้นพวกเราต่างก็คิดว่าจะเคลื่อนขบวนไปได้โดยไม่มีใครเข้ามาก่อเหตุอะไร แต่ก็มีการสกัดกั้นของเจ้าหน้าที่ ซึ่งก็ไม่ทราบว่าจะมาสกัดทำไม เพราะเราไม่ได้จะไปทำร้ายใคร เราเคลื่อนขบวนด้วยความสงบและสันติ อาจมีทีม รปภ.ที่มีไม้บ้างเพื่อป้องกันตัวไม่ให้ใครเข้ามาทำร้าย
นพ.ตุลย์ เล่าว่า ขณะที่กำลังเคลื่อนออกจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยนั้น ปรากฏว่ามีการระดมขว้างปาสิ่งของเข้ามา ซึ่งนายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที พิธีกรของเอเอสทีวีถือไมโครโฟนอยู่ด้วยได้ร้องขอให้ตำรวจมาช่วยแต่ตำรวจไม่ยอมมา จากนั้นก็มีขวดน้ำ ขวดลิโพ แล้วก็เป็นก้อนหินที่ถูกศีรษะนายยุทธิยงแตก เหตุการณ์ลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นแล้วระหว่างการสัมมนาของพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 28 มี.ค. และ 25 เม.ย. ที่เกิดเหตุทำให้พี่น้องของเราได้รับบาดเจ็บและหัวแตก
นพ.ตุลย์ ตั้งข้อสังเกตว่า ขณะที่พันธมิตรฯ ชุมนุมอยู่นั้น ยังมีตำรวจก็รักษาการอยู่จำนวนมาก แต่ตอนเคลื่อนขบวนทำไมตำรวจหายไป เพราะฉะนั้นจึงอยากจะบอกตำรวจที่อยู่ด้านหลังว่า “หลับเถิดตำรวจกล้า ปวงประชาจะคอยคุ้มภัย”
นพ.ตุลย์กล่าวอีกว่า ตำรวจที่จะมาจับพวกเรานั้น จะมาจับทำไม เราแค่มาเรียกร้องไม่ให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ ถ้าจะจับต้องไปจับคนที่อยู่ในทำเนียบ เพราะมีหลักฐานอยู่ในมือว่าทำผิด บอกว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพยังน้อยไป เพราะจริงๆ แล้วเข้าข่ายล้มล้างการปกครอง เป็นการทำผิดรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน พี่น้องตำรวจต้องไปจัดการกับพวกนั้นที่เป็นกบฏ ล้มล้างการปกครอง ล้มล้างสถาบัน เพื่อจะครองเมืองแบบ absolute power (อำนาจเบ็ดเสร็จ)
“มันอภิปรายไว้ตั้งแต่ยังไม่เป็นรัฐมนตรี บอกว่าระบบอุปถัมภ์ไม่ดี แต่อยากถามว่ามันได้ดีเพราะใคร เพราะนายใหญ่อุปถัมภ์ไม่ใช่หรือ ลงเลือกตั้ง 2 ครั้งแล้วไม่ผ่าน ไม่ควรได้เป็นรัฐมนตรีแล้วได้เป็นเพราะใคร” นพ.ตุลย์กล่าว
นพ.ตุลย์ กล่าวต่อว่า เหตุผลหลักของการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ คือต้องการแก้ไขมาตรา 309 เพราะมีคดีที่ คตส.เตรียมจะส่งฟ้องศาลจำนวนมาก จึงคิดจะแก้รัฐธรรมนูญเพื่อล้ม คตส.เสียเพื่อให้พ้นผิด ทำให้พวกเราเดือดร้อนต้องออกมาชุมนุม แต่เขากลับกล่าวหาว่าพวกเราทำให้เดือดร้อน เพราะการจราจรติดขัด
อีกเหตุผลหนึ่งคือจะแก้ มาตรา 237 เพราะซื้อเสียงเข้ามา ทำให้ประชาธิปไตยง่อนแง่น ซึ่งผิดรัฐธรรมนูญ ถ้าเข้าสู่ระบบยุติธรรม ซึ่งเป็นระบบเดียวที่ยังมีความน่าเชื่อถืออยู่ ก็จะมีความผิดทันที การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ เหมือนรู้ตัวว่าตัวเองมีความผิด เพราะทีแรกไม่คิดจะแก้ แต่พอเห็นกรณีพรรคชาติไทยและมัชฌิมาฯ จะถูกยุบ ขณะที่คดีของตัวเองกำลังขึ้นศาล ก็เกิดความกลัว ก็พยายามดิ้นทุกอย่าง
นพ.ตุลย์ กล่าวต่อว่า ก้อนหินที่ลอยข้ามหัวของเขาเมื่อวันที่ 25 พ.ค.เป็นตัวอย่างเล็กๆ ของความแตกแยก ส่วนต้นเหตุจริงๆ คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทีควรจะติดคุก นี่คือเหตุผลที่พวกเราต้องมาอยู่ที่นี่ เพื่อต่อสู้ไม่ให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ
นพ.ตุลย์ย้ำว่า รัฐธรรมนูญ 2550 ไม่ได้เกิดจากทหารหรือเผด็จการตามที่พวกเขากล่าวอ้าง วันนี้อดีต ส.ส.ร.4 ท่าน ได้มาเล่าให้ประชาชนและคนทั้งโลกได้ทราบว่าขบวนการร่างไม่ได้ตอบสนอง คมช. หรือเผด็จการทหารตามที่เขากล่าวหา
“ผมจะชี้ให้ดูว่า ถ้ารัฐธรรมนูญเป็นเผด็จการจะเป็นอย่างไร ผมจะยกตัวอย่าง เช่น ต้องมีบทเฉพาะกาลให้ 4 ปีแรก คมช.ยัง ครองอำนาจต่อ เหมือนกับรัฐบาลหอย แต่นี่ไม่มี พอมีรัฐบาลใหม่ คมช.ก็หมดอำนาจ แล้วจะบอกว่าเป็นเผด็จการได้ไง แล้วเมื่อร่างเสร็จ ก็เอามาลงประชามติ มี 14 ล้านเสียงที่รับรอง
แล้วคุณสมัครจะมาลงประชามติใหม่ แสดงว่าปฏิเสธ 14 ล้านเสียงหรือ แล้วถ้าผมจะบอกว่า ถ้าลงประชามติใหม่ เสียงพลิกมาจะเอารัฐธรรมนูญฉบับปี 40 แล้วเราบอกไม่ยอม โดยอ้างว่ารัฐบาลเล่นสกปรกเราไม่เชื่อ จะว่าไง บ้านเมืองมันจะไม่วุ่นวายหรือ” นพ.ตุลย์กล่าว