“วีระ” นำตัวแทนพันธมิตรฯฝ่าด่านม็อบจัดตั้งสำเร็จ เดินทางถึงบันไดทางขึ้นพระวิหารได้แล้ว พร้อมอ่านคำประกาศทวงคืนดินแดนและอธิปไตยของชาติไทยเหนือปราสาทพระวิหารและพื้นที่โดยรอบ
เมื่อเวลาประมาณ 17.50 น.ที่ผ่านมา ตัวแทนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นำโดยนายวีระ สมความคิด ได้ฝ่าด่านการสกัดกั้นของม็อบจัดตั้ง โดยนักการเมืองท้องถิ่นใน จ.ศรีสะเกษ จนสามารถเดินทางไปถึงบริเวณบันไดทางขึ้นสู่ปราสาทพระวิหารได้แล้ว หลังจากนั้น นายวีระ ได้ให้ตัวแทนคือ นายวัชรินทร์ สอนพูด แกนนำพันธมิตรจังหวัดศรีสะเกษ อ่านคำประกาศของประชาชนชาวไทย พิทักษ์รักษาทวงคืนดินแดนและอธิปไตยของชาติไทยเหนือปราสาทพระวิหารและพื้นที่โดยรอบ ดังนี้
คำประกาศของประชาชนชาวไทย
พิทักษ์รักษาทวงคืนดินแดนและอธิปไตยของชาติไทย
เหนือปราสาทพระวิหารและพื้นที่โดยรอบ
ณ บัดนี้ ข้าพเจ้า นายวีระ สมความคิด ได้เดินทางมาพร้อมกับพี่น้องประชาชนชาวไทยผู้รักชาติรักแผ่นดินทั่วทุกสารทิศ และมายืนอยู่ที่บริเวณหน้าปราสาทพระวิหารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เราในฐานะประชาชนชาวไทยขอประกาศหน้าปราสาทพระวิหาร ว่า
1.ปราสาทพระวิหารและพื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหาร อยู่ในเขตอำนาจอธิปไตยของราชอาณาจักรไทย “ตามแนวเขตสันปันน้ำ” ซึ่งเป็นการปักปันเขตแดนเอาไว้ระหว่างคณะทำงานร่วมของประเทศฝรั่งเศสและสยามประเทศ เมื่อพุทธศักราช 2447 (ค.ศ.1904)
ดังนั้น เราในฐานะประชาชนชาวไทยจึงยังคงยึดถือแนวเขตปักปันสันปันน้ำดังกล่าว ว่า เป็นการกำหนดพรมแดนระหว่างไทยและกัมพูชาตลอดมา โดยถือว่าปราสาทพระวิหาร และพื้นที่โดยรอบทั้งหมด “เป็นของราชอาณาจักรไทยแต่เพียงฝ่ายเดียว” ไม่มีพื้นที่ทับซ้อน ไม่มีพื้นที่กันชนใดๆ ทั้งสิ้น แม้จะมีคำพิพากษาของศาลโลกอย่างไม่เป็นเอกฉันท์ว่าตัวปราสาทพระวิหารเป็นของประเทศกัมพูชาเมื่อปี พ.ศ.2505 ก็ตาม แต่สำหรับรัฐบาลและประชาชนชาวไทยไม่ได้เห็นชอบด้วยกับคำตัดสินดังกล่าวตั้งแต่นั้นมา โดยรัฐบาลไทยได้ประกาศคัดค้านพร้อมสงวนสิทธิ์ที่จะทวงคืนปราสาทพระวิหารเอาไว้แล้วตั้งแต่วันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ.2505 จวบจนถึงปัจจุบัน
2.กรณีที่รัฐบาลหุ่นเชิดของไทยชุดปัจจุบัน ซึ่งได้อำนาจมาจากการโกงการเลือกตั้ง ได้สมคบกับผู้นำบางคนในรัฐบาลกัมพูชา เพื่อให้ผู้นำของกัมพูชาใช้เป็นประโยชน์ในการหาเสียงเลือกตั้ง โดยยินยอมยกอธิปไตยของไทยบางส่วนให้ประเทศกัมพูชาได้สิทธิขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร และพื้นที่โดยรอบให้เป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียว โดยมุ่งหวังแลกเปลี่ยนเอาผลประโยชน์ในสิทธิสัมปทานน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย รวมทั้งสิทธิสัมปทานอื่นๆ บนเกาะกง และพื้นที่อื่นๆ ในกัมพูชา ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และพวกพ้องนั้น ถือเป็นการกระทำที่น่าอัปยศอดสูอย่างยิ่งต่อทั้งประชาชนไทยและประชาชนกัมพูชา
การที่รัฐบาลไทยได้ดำเนินการยอมรับแผนที่แก้ไขเพิ่มเติมฝ่ายเดียวของกัมพูชา และลงนามในแถลงการณ์ร่วมกับกัมพูชา ซึ่งถือเป็นหนังสือสัญญาระหว่างประเทศ โดยไม่ผ่านความเห็นชอบของประชาชนและรัฐสภานั้น เป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศตามคำพิพากษาของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2551 ดังนั้น หนังสือสัญญาและแผนที่ใดๆ ที่รัฐบาลไทยได้ไปตกลงหรือลงนามในแถลงการณ์ร่วมกับกัมพูชานั้น เราในฐานะประชาชนชาวไทยขอประกาศว่าเป็นโมฆะทั้งสิ้น
3.เราในฐานะประชาชนชาวไทยขอประกาศอย่างหนักแน่น ว่า “เราคัดค้าน ไม่ยอมรับ และต่อต้านมติของคณะกรรมการมรดกโลก ที่เห็นชอบให้ประเทศกัมพูชาได้สิทธิขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร และพื้นที่โดยรอบปราสาทเป็นมรดกโลกโดยแต่เพียงฝ่ายเดียว”
พร้อมกันนั้น เราขอประณามมติคณะกรรมการมรดกโลกดังกล่าว ที่ได้ละเมิดอธิปไตยของราชอาณาจักรไทย ยอมรับการบิดเบือนข้อมูลของประเทศกัมพูชาแต่เพียงฝ่ายเดียว ตลอดจนลงมติละเมิดระเบียบของคณะกรรมการมรดกโลกเสียเอง ว่า เป็นการกระทำที่ไม่มีบรรทัดฐานที่ถูกต้องชอบธรรม ลำเอียงอย่างไร้จริยธรรม และไร้ยางอายเป็นอย่างยิ่ง
เราจึงขอประกาศต่อต้านการแทรกแซงทุกรูปแบบของประเทศใดก็ตาม ที่จะเข้ามาลิดรอนและละเมิดอธิปไตยของราชอาณาจักรไทย เพื่อดำเนินการให้ปราสาทพระวิหาร และพื้นที่โดยรอบซึ่งเป็นดินแดนของราชอาณาจักรไทยให้ตกเป็นมรดกโลกของประเทศกัมพูชาแต่เพียงฝ่ายเดียว
4.เราในฐานะประชาชนชาวไทยขอประกาศให้รัฐบาลกัมพูชา จงรีบนำประชาชนของท่าน ที่ได้รุกล้ำเข้ามาในอธิปไตยของราชอาณาจักรไทย ให้ออกไปจากดินแดนไทยโดยทันที มิเช่นนั้นประชาชนชาวไทยจะอาศัยสิทธิและหน้าที่ของปวงชนชาวไทยตามรัฐธรรมนูญของราชอาณาจักรไทย ในการปกป้องอธิปไตยของชาติไทยทุกรูปแบบ จนถึงที่สุด
ประกาศ ณ วันพฤหัสบดีที่ 17 กรกฎาคม 2551
ประชาชนชาวไทย