xs
xsm
sm
md
lg

“น้องเขยแม้ว” ยังไม่สำนึก ชี้ขึ้นทะเบียนพระวิหารเป็นสิทธิของเขมร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สมชาย วงศ์สวัสดิ์
“รองนายกเบอร์ 1” ยังไม่สำนึก ชี้ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นสิทธิของกัมพูชา อ้างศาลสั่งห้ามจึงเป็นเรื่องเขมรฝ่ายเดียว อุ้ม “นพดล” ไม่ต้องกดดันเพราะทำดีที่สุดแล้ว ท่องคาถาไม่เกี่ยวกับการเสียดินแดน ส่อฟื้นคณะกรรมการปักปันเขตแดนแก้ปัญหาพื้นที่ทับซ้อนอีก

วันนี้ (8 ก.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษา กล่าวถึงกรณีปราสาทพระวิหารได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกว่า ตนติดตามข่าวแต่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่ทั้งนี้การขึ้นทะเบียนเป็นไปตามมติของคณะกรรมการที่มีพิจารณา อีกทั้งหลักฐานที่เราส่งไปว่า เราถูกห้ามถูกอะไรเราก็ให้เขาไปหมดแล้ว และเท่าที่ฟังข่าวเป็นเรื่องของกัมพูชาที่กัมพูชามีสิทธิ์จะยื่นของเขา ส่วนของเราที่ศาลสั่งเบรก แต่เราทำครบหมดแล้วซึ่งเป็นเรื่องที่ว่ากันไปตามกระบวนการ

นายสมชาย กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องพื้นที่ทับซ้อนก็แปลว่าเราก็อ้างว่าตรงนี้เป็นสิทธิของเรา ซึ่งกัมพูชาก็คงจะอ้างว่าเป็นสิทธิของเขา ก็คงจะเป็นเหตุนี้ที่ตั้งกรรมการขึ้นมาดูเรื่องการปักปันเขตแดน เพื่อทำความชัดเจนในเรื่องเขตดินแดนที่จะมีเรื่องกฎหมายว่าด้วยดินแดนหรือว่า กติกาของสหประชาชาติว่าด้วยการปักปัน ซึ่งก็ดำเนินการต่อไป แต่ว่าการตั้งคณะกรรมการคณะกรรมการก็แปลว่าเป็นที่ยอมรับว่าที่ดินทับซ้อนบริเวณนี้ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าเป็นของใคร แต่เราชัดเจนว่าเป็นของเราแน่ กัมพูชาก็บอกว่าเป็นของเขา ก็ต้องมีกรรมการขึ้นมาและคงว่ากันต่อไป

อย่างไรก็ตาม นายปองพล อดิเรกสาร ประธานคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ยืนยันว่าการขึ้นทะเบียนครั้งนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องกับการเสียดินแดนของไทย เป็นเรื่องของสิทธิของกัมพูชาที่มีอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ถึงเวลาหรือยังที่รัฐบาลควรจะมีกรรมการที่จะดูแลเรื่องนี้อย่างชัดเจน นายสมชาย กล่าวว่า ตอนนี้ก็คงจะแน่นอน ซึ่งจริงๆ แล้วคณะกรรมการปักปันเขตแดนของเราก็มีอยู่ ทางทหาร กระทรวงการต่างประเทศ มีผู้เกี่ยวข้องดูแลอยู่ ถ้ารื้อฟื้นเรื่องนี้ขึ้นมาเมื่อไรคณะกรรมการชุดนี้ก็คงทำงานต่อ

เมื่อถามว่าที่ผ่านมาในอดีตมักจะขึ้นกับนโยบายทางการเมืองที่ทำแล้วก็หยุด นายสมชาย กล่าวว่า เรื่องเขตแดนไม่ใช่นโยบายการเมือง คือถ้าพูดถึงภาพรวมไม่มีรัฐบาลไหนที่ไม่สนใจเรื่องนี้ แต่ว่าการทำอย่างนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเราฝ่ายเดียว ต้องขึ้นอยู่กับทั้งสองฝ่าย ทั้งเราและประเทศเพื่อนบ้านที่มีดินแดนติดต่อกัน และกรณีนี้ก็ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการอื่นอีกหลายชาติที่ร่วมกัน

“ผมคิดว่าไม่มีรัฐบาลไหนที่นิ่งนอนใจ แต่ว่าภาวะอย่างนี้มันจะต้องเป็นความร่วมมือทั้งสองฝ่าย แล้วก็การเจรจาบางครั้ง ถ้ามีความขัดแย้งก็ต้องหยุด ต้องสะดุด คือไม่มีใครที่จะยอมเสียแน่นอน มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนผมก็พูดได้ในหลักการเท่านั้น” นายสมชาย กล่าว

เมื่อถามถึงความกดดันของนายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศหลังจากปราสาทพระวิหารได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก รวมทั้งปัญหาการเมืองต่างๆ รัฐบาลจะดูแลอย่างไร นายสมชาย กล่าวว่า ตนไม่รู้ข้อมูลลึกๆ แต่เขาขึ้นทะเบียนได้ก็เรียนแล้วว่ามันเป็นสิทธิ์ของกัมพูชาที่เขาจะเอาไปขึ้นเหมือนกัน ฉะนั้น การขึ้นทะเบียนได้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับเราแล้ว เพราะเราเมื่อศาลสั่งห้ามไปแล้วเราก็บอกว่ามติเราไม่ได้ใช้แล้ว ก็เป็นเรื่องของกัมพูชาฝ่ายเดียว

“จะเป็นความกดดันยังไงก็พิจารณาดูเหตุผลแล้วกัน ผมคิดว่าเรื่องนี้เราได้ทำอย่างดีที่สุดแล้ว” นายสมชาย กล่าว

เมื่อถามว่ามีบางฝ่ายที่ชุมนุมอยู่ใช้โอกาสนี้ นายสมชาย กล่าวว่า ก็ธรรมดาอยู่แล้ว ซึ่งตนคิดว่าถ้าพูดเหตุผลรัฐบาลกับประชาชนก็ต้องทำความเข้าใจกัน และก็คงต้องฟังกัน แต่ว่าถ้าไม่ใช้เหตุผลนั้นพูดอะไรก็พูดได้ ดังนั้น ตนคิดว่าบ้านเมืองต้องใช้เหตุผล เพราะมันไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง รัฐบาลไม่ได้มาบอกว่าจะใช้สิทธิ์อะไรเกินกว่าสิทธิ์ของพี่น้องประชาชน

เมื่อถามว่า นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล รมว.เกษตรฯ ระบุว่าวันนี้ครม.จะมีการหารือกรณีกรณีศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยตีความการลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในการสนับสนุนการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 190 วรรค 2 หรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ต้องรอฟังศาลก่อน อย่าเพิ่งไปพูด ซึ่งในส่วนของตนก็ไม่ทราบเพราะว่าวาระการประชุมก็ไม่มี แต่เป็นวาระจรเข้ามาก็พิจารณา แต่ตนคิดว่าถ้าศาลยังไม่ได้ตัดสินอย่าเพิ่งไปขยับเคลื่อนไหวอะไรเลย

นายสมชาย กล่าวอธิบายอีกว่า เขาจะขึ้นทะเบียนตัวปราสาทของเขาก็ขึ้นไปเพราะเราถือว่าเป็นของเขา แต่ว่าพื้นที่ที่มีปัญหารวมทั้งทางขึ้นที่อยู่ฝั่งเราก็จะใช้ประโยชน์ร่วมกัน แต่ตอนนี้เมื่อทุกอย่างเป็นอย่างนี้เราก็ต้องระมัดระวัง แต่ทั้งนี้นักท่องเที่ยวขึ้นฝั่งเราทั้งนั้น แต่อย่างไรก็ตามเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่รัฐบาลจะต้องดูแล



กำลังโหลดความคิดเห็น