ผู้จัดการออนไลน์ – จับโกหก! “นพดล ปัทมะ” รมว.ต่างประเทศ เคยให้สัมภาษณ์เอ็นบีทีระบุชัดจะไม่ยื่นสระตราว-บันได เป็นมรดกโลกร่วมกับกัมพูชา แต่เมื่อถูกเปิดโปงและกดดันจากสาธารณชน มาวันนี้กลับให้สัมภาษณ์แก้เกี้ยวโดยระบุว่าเตรียมการยื่นเรื่องไว้อยู่แล้ว
กรณีประเทศกัมพูชาแสดงความจำนงขึ้นทะเบียน “ปราสาทพระวิหาร” เป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียว โดยได้รับความยินยอมจากรัฐบาลไทยที่มีตัวแทนผู้เจรจา คือ นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และอาจทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียดินแดนหลายตารางกิโลเมตรนั้น หลังจากที่ข่าวดังกล่าวถูกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยออกนำมาเปิดเผย และสังคมในวงกว้างหันมาให้ความสนใจ โดยสมาชิกวุฒิสภานำไปอภิปรายรัฐบาลแล้วนั้น
วานนี้ (22 มิ.ย.) และวันนี้ (23 มิ.ย.) นายนพดล รมว.ต่างประเทศ ก็ออกมาแก้ตัวโดยให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ตนได้ให้เจ้าหน้าที่เตรียมเอกสารที่เคยขอขึ้นทะเบียนประสาทพระวิหารร่วมกับกัมพูชาและถูกปฏิเสธมาพิจารณาใหม่ เพราะเห็นว่าควรจะขึ้นเขาพระวิหารที่อยู่ในส่วนกรรมสิทธิ์ของไทยเป็นมรดกโลกด้วย คือ สระตราว-บันได โดยจะเร่งเสนอเอกสารต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อขอให้คณะกรรมการมรดกโลกพิจารณาในการประชุมครั้งนี้ที่แคนาดาในต้นเดือนหน้าด้วย ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นความตั้งใจเดิมของตนและรัฐบาลอยู่แล้ว
ทั้งนี้ เมื่อ “ผู้จัดการออนไลน์” ได้ทำการตรวจสอบย้อนหลังถึงการให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวก็พบว่า นายนพดลเคยยืนยันกับสื่อมวลชนอย่างชัดเจนว่า รัฐบาลจะปล่อยให้ประเทศกัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทแต่เพียงฝ่ายเดียว โดยรัฐบาลไทยจะไม่ยื่นขอขึ้นทะเบียนส่วนอื่นๆ เป็นมรดกโลกไม่ว่าจะเป็นบันได หรือสระตราว โดยคำให้สัมภาษณ์ดังกล่าวของนายนพดล มีขึ้นเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2551 ในช่วงข่าวค่ำของสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที โดยมีเนื้อหาดังนี้
........................
พิธีกร : ท่านขา แล้วตัวไทย ประเทศไทยเราเองจะได้รับประโยชน์อะไรถ้าหาก (ปราสาทพระวิหาร) ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
นพดล : เรียนว่า เราไม่สามารถที่จะยื่นขึ้นทะเบียนตัวปราสาทร่วมกับกัมพูชาได้ด้วยเหตุผลทางกฎหมาย เพราะว่ามันเป็นกรรมสิทธิ์ของกัมพูชาตามคำวินิจฉันของศาลโลกนะครับ เพราะฉะนั้น ที่มีคนไทยบางส่วนหรือว่านักวิชาการบางคนบอกว่าไทยควรจะไปขอร่วมกับกัมพูชาไปขึ้นทะเบียนตัวปราสาทนั้นมันทำไม่ได้ตามข้อกฎหมายนะครับ เหมือนกับมีบ้านเพื่อนเราแล้วเราจะขอไปอยู่ด้วย ขอแบ่งครึ่งนึงมันทำไม่ได้
แต่ทีนี้ประโยชน์ที่จะได้รับเมื่อตัวปราสาทเป็นมรดกโลกก็คือ สิ่งที่จะได้รับก็คือ มันจะมีคุณค่าทางวัฒนธรรมที่คนก็จะมาท่องเที่ยว แล้วคนจะมาท่องเที่ยวก็ต้องมาเส้นทางไทยเป็นส่วนใหญ่ เพราะทางสะดวกต้องขึ้นที่เมืองไทย คนมาเที่ยวมากก็จะมีรายได้จากนักท่องเที่ยว ของที่ระลึก รายได้จากคนมาเที่ยวนะครบสรุป ถามว่าถ้าสระตราว หรือ สระน้ำในซีกฝั่งไทย บันไดในซีกฝั่งไทยจะทำ (ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก) ได้ไหม ก็บอกว่ามันยังไม่สามารถที่จะไปร่วมกับเขาได้ เพราะว่าแก่นของตัวขึ้นทะเบียนมันอยู่ที่ตัวปราสาทครับ คุณค่าทางวัฒนธรรมมันอยู่ที่นั่น
........................
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง "นพดล ปัทมะ" ให้สัมภาษณ์จะไม่ยื่นขึ้นทะเบียนสระตราว-บันไดเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก (นาทีที่ 5.00-6.30)
ทั้งนี้ หลังจากที่วานนี้ นายนพดลออกมาให้สัมภาษณ์ว่าจะยื่นขอขึ้นทะเบียน สระตราว และบันได เป็นมรดกโลก ศ.ดร.อดุล วิเชียรเจริญ ประธานคณะกรรมการมรดกโลก ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ดักคอแล้วว่า การกระทำดังกล่าวเป็นเพียงงานประชาสัมพันธ์ล่าสุดของนายนพดลเท่านั้น เพราะขั้นตอนการเสนอขอขึ้นทะเบียนได้ ไม่ใช่เสนอลอยๆ มันต้องมีการเตรียมเอกสารเพื่อเสนอ ต้องมีบทพรรณนา มีแผนที่ มีสไลด์ มีภาพถ่าย ไม่ใช่จู่ๆ ไม่เตรียมอะไรแล้วจะเสนอขึ้นมา เพราะถึงเสนอไป ทางคณะกรรมการมรดกโลกก็จะดำเนินการชะลอเรื่อง และให้กลับไปตระเตรียมข้อมูลมาก่อน พร้อมกล่าวด้วยว่า
“อย่างเร็วที่สุดก็คือ กลับมาพิจารณาในปีหน้า ซึ่งก็ไม่ได้มีผลดีอะไรต่อกรณีเขาวิหารใดๆ ให้ฝ่ายไทยเลย เป็นเพียงแผนประชาสัมพันธ์อันใหม่ของนพดล ที่ทำเพื่อลดกระแสการต่อต้านของประชาชนเท่านั้น เป็นเพียงการประแป้งของรัฐมนตรีต่างประเทศ”