xs
xsm
sm
md
lg

ศรีสะเกษยื่นผู้ว่าฯ ดูแลความปลอดภัยชุมนุมใหญ่ทวง"พระวิหาร"วันนี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แกนนำสมัชชาประชาชนฯ ศรีสะเกษ เข้ายื่นหนังสือผู้ว่าฯ ขอใช้พื้นที่และดูแลความปลอดภัย ในการเดินรณรงค์และชุมนุมใหญ่ต้านมติยูเนสโก – ทวงคืนเขาพระวิหารพรุ่งนี้ ( 12 ก.ค.)
ศรีสะเกษ - แกนนำสมัชชาประชาชนฯ ศรีสะเกษและองค์กรเครือข่าย เข้ายื่นหนังสือผู้ว่าฯ ขอใช้พื้นที่เดินรณรงค์พร้อมชุมนุมเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ต้านมติยูเนสโกทวงคืนเขาพระวิหารในตัวเมืองศรีสะเกษวันนี้ (12 ก.ค.) รวมทั้งขอกำลังเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัย นัด 13 ก.ค.เคลื่อนพลปักหลักเชิงเขาพระวิหารขับไล่เขมรพ้นเขตแดนไทย ด้านผู้ว่าฯ ยันไทยยึดมติ ครม.2505 พื้นที่เชิงเขาพระวิหารเป็นเขตแดนไทยชาวกัมพูชาต้องออกไป

วานนี้ (11 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่หน้าห้องประชุมเพชร สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาศรีสะเกษ (สพท.) เขต 1 อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ นายนิยม รอดเนียม ผู้ประสานงานสมัชชาประชาชนจังหวัดศรีสะเกษ และนายชำนาญ แก้วคะตะ ประธานที่ปรึกษาสมัชชาประชาชนจังหวัดศรีสะเกษ พร้อมด้วยแกนนำจำนวนหนึ่ง ได้เข้ายื่นหนังสือกับ นายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เพื่อชี้แจงขอใช้พื้นที่และขอกำลังเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยในการเดินขบวนรณรงค์และชุมนุมเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ที่บริเวณถนนคนเดิน หน้าสถานีรถไฟศรีสะเกษ ของประชาชนกลุ่มสมัชชาประชาชนจังหวัดศรีสะเกษจะร่วมกับเครือข่ายองค์กรภาคประชาชนและกลุ่มพลังมวลชนต่างๆ ในวันนี้ ( 12 ก.ค.) ตั้งแต่เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป

ทั้งนี้เพื่อคัดค้านมติองค์การยูเนสโก พร้อมสร้างเข้าใจให้กับประชาชนชาวศรีสะเกษ กรณีการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชาแต่เพียงฝ่ายเดียว รวมทั้งกรณีปัญหาพื้นที่เชิงเขาพระวิหาร ที่ชาวกัมพูชารุกล้ำเขตแดนไทยเข้ามาตั้งชุมนุม สร้างบ้านเรือน ร้านค้าอยู่ในปัจจุบัน กว่า 500 คน

นายนิยม รอดเนียม ผู้ประสานงานสมัชชาประชาชนจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า สมัชชาประชาชนจังหวัดศรีสะเกษ และประชาชนชาวศรีสะเกษมีเจตนารมย์ เพื่อรณรงค์รักษาสมบัติอันล้ำค่าและดินแดนบริเวณเขาพระวิหารของจังหวัดศรีสะเกษและประเทศไทยเอาไว้ ซึ่งมีแนวโน้มจะสูญเสียพื้นที่รอบเขาพระวิหารไปตามข้อกำหนดของคณะกรรมการมรดกโลก ที่มีมติเห็นชอบขึ้นทะเบียนประสาทพระวิหารเป็นมรดกโดก

“ดังนั้นพวกเราชาวศรีสะเกษ และชาวไทยจากหลายจังหวัดในภาคอีสาน จึงได้ร่วมกันจัดเดินรณรงค์และจัดชุมนุมใหญ่ เพื่อรักษาดินแดนอธิปไตยของประเทศ และคัดค้านการขึ้นทะเบียนประสาทพระวิหารขององค์การยูเนสโกในวันนี้ ( 12 ก.ค.) ก่อนที่จะเดินทางไปร่วมกันชุมนุมใหญ่เพื่อขับไล่ชาวกัมพูชาออกไปจากแผ่นดินไทย บริเวณเชิงเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ในวันรุ่งขึ้น (13 ก.ค.)” นายนิยม กล่าว

ทางด้านนายเสนีย์ จิตตเกษม ผวจ.ศรีสะเกษ กล่าวว่าถึงกรณีการปิดประตูทางขึ้นปราสาทพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ว่า ศรีสะเกษไม่ใช่ต้นเหตุของปัญหาแต่เป็นปลายเหตุซึ่งต้นเหตุเกิดจากเงื่อนไขทางการเมืองทำให้รัฐบาลกัมพูชาสั่งปิดประตูทางเข้าออกปราสาทพระวิหารและหลังจากมีการปิดประตูตนได้ทำหนังสือเพื่อขอทราบเหตุผลขอเจรจาเรื่องการเปิดประตู โดยฝ่ายกัมพูชาทำหนังสือตอบกลับมาว่า ยินดีเจรจาตลอดเวลา แต่ยังไม่พร้อมที่จะเปิดประตู ทางขึ้นเขาพระวิหารเพราะเกรงว่าประชาชนชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณดังกล่าวจะไม่ปลอดภัย

อย่างไรก็ตามเรายังยึดมั่นยืนยันตาม มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ปี 2505 ว่า พื้นที่บริเวณทางขึ้นปราสาทเขาพระวิหารที่บอกว่าเป็นพื้นที่ทับซ้อนนั้นเป็นเขตแดนของไทยเราอย่างแน่นอน เนื่องจากเราใช้หลักสากลในการปักปันเขตแดน โดยไทยใช้แผนที่ 1: 50,000 ส่วนกัมพูชาใช้ 1: 200,000 ซึ่งเป็นแผนที่ที่มีรายละเอียดน้อยกว่า ฉะนั้นชาวกัมพูชาที่อาศัยอยู่บริเวณทางขึ้นปราสาทพระวิหาร ตั้งแต่ปี 2543 จะต้องออกไปจากเขตแดนตรงนั้น ซึ่งจะต้องขึ้นอยู่กับความชัดเจนของรัฐบาล

นายเสนีย์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2543 หลังจากที่ชาวกัมพูชาเข้ามาอยู่ช่วงแรก ๆ ทางประเทศไทยเราก็มีการทักท้วงจนเกิดข้อพิพาทกันและเป็นสาเหตุให้มีการปิดประตูเมื่อปี 2544 ซึ่งครั้งนั้นฝ่ายไทยเรายอมถอยออกมาเพื่อต้องการเคลียร์พื้นที่ทับซ้อนดังกล่าวให้ชัดเจนก่อน แต่ชาวกัมพูชาไม่ยอมถอยออกไป ซึ่งเมื่อเปิดประตูอีกครั้งจึงได้มีการค้าขายกันมาอย่างต่อเนื่อง

ตนเห็นว่าการที่ชาวบ้านทั้งสองฝั่งอยู่ด้วยกันมาอย่างสงบนั้นเพราะเขายึดหลักสังคมวัฒนธรรมและคนทั้งสองประเทศที่อาศัยอยู่บริเวณนั้นพูดภาษาเดียวกัน ปัญหาที่เกิดอยู่ขณะนี้เป็นเรื่องทางการเมืองที่มาขีดเส้นแบ่งเขตแดนโดยขาดการมองเรื่องสังคมวัฒนธรรมซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญและสิ่งที่ได้คือ การท่องเที่ยว การค้า การลงทุน ก็ตามมา

“ดังนั้นจึงอยากให้ทั้งสองประเทศมานั่งโต๊ะเจรจากันอย่างสันติวิธีโดยเฉพาะเรื่องเขตแดนจำเป็นจะต้องปักปันเขตแดนให้ชัดเจน ซึ่งจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด” นายเสนีย์ กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น