xs
xsm
sm
md
lg

“พิภพ” แฉ “หมัก” หักดิบแก้ รธน.ช่วย “แม้ว”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พิภพ ธงไชย
“พิภพ” ประกาศความสำเร็จพันธมิตรฯ ขยายเครือข่ายใหม่เข้าสู่ข้าราชการ-ภาคอีสาน-แท็กซี่ ย้ำการเมืองใหม่ มุ่งแก้ปัญหาจริยธรรมนักการเมือง ให้เลิอกโกหก-ละอายต่อบาป แฉเหตุ “หมัก” เร่งแก้ รธน.เพราะรับปากช่วย “แม้ว” เรื่องคดีความ แต่ส่อแววไม่สำเร็จ จึงถูกใบสั่งหักดิบแก้ รธน.เพื่อล้มอำนาจตุลาการ ยันพร้อมต้านถึงที่สุด

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายพิภพ ธงไชย ปราศรัย 

เมื่อเวลา 21.15 น. วันที่ 15 ก.ค. นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นปราศรัยบนเวทีสะพานมัฆวานฯ ว่า วันนี้ตนพร้อมแกนนำคนอื่นรวมทั้งทีมงานได้ไปที่รัฐสภาเพื่อเอารายชื่อของพ่อแม่พี่น้อง 46,530 รายชื่อ ที่ลงชื่อไว้ไปยื่นถอดถอนคณะรัฐมนตรีทั้งคณะออกไป เนื่องจากทำผิดรัฐธรรมนูญกรณีไปรับรองแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาเกี่ยวกับการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร และมีข่าวดีที่ข้าราชการสภาหลายคนออกมายืนยันว่าจะอยู่เคียงข้างพันธมิตรฯ เช่นเดียวกับข้าราชการในทำเนียบรัฐบาลที่แสดงตัวมาก่อนหน้านี้แล้ว

“ตอนนี้เราเจาะไข่แดงที่ภาคอีสานได้แล้ว ที่ขอนแก่นเมื่อคืนนี้ มีคนร่วมชุนนุมเป็นหมื่นคน และแม้กระทั่งแท็กซี่ ที่เราเคยคิดว่า ไม่อยู่ข้างพันธมิตรฯ ทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ตอนนี้มีแท็กซี่มาลงชื่อเป็นแท็กซี่พันธมิตรฯ แล้วกว่า 300 คน ทั้งที่แต่ก่อนไม่มี เพราะทุกอย่างเราทำด้วยความจริงใจ ดังนั้น เรื่องนี้จะกลายเป็นจุดหนึ่งที่รัฐบาลจะไม่กล้ายุบสภาเพื่อหนีเราแน่”

ต่อมา นายพิภพ ได้อ่านจดหมายฉบับหนึ่ง ซึ่งมีเนื้อหาสนับสนุนแนวคิดการเมืองใหม่ เพราะการเมืองแบบเก่าไม่มีอะไรดีขึ้น นอกจากจะทำให้ไทยเสียอธิปไตยปราสาทพระวิหารแล้ว ยังจะมาเร่งแก้ รธน.อีก ส่วนเรื่องอื่นๆ ไม่เห็นรัฐบาลจะจัดการแก้ไขปัญหาได้เลย

ทั้งนี้ ผู้เขียนจดหมายกล่าวย้ำกับนายพิภพ ว่า อยากให้พูดถึงจริยธรรมนักการเมือง โดยเฉพาะการพูดปด ไม่ใช่จะมาอ้างแต่ว่าตนมาจากการเลือกตั้ง แล้วจะมาทำอะไรก็ได้ เนื่องจากการกระทำอย่างนี้เหมือนกับไม่มีเจตนาทางการเมืองที่ดี ดังนั้น เมื่อผิดจริยธรรม ควรมีความเกรงกลัวและละอายต่อบาป เหมือนดังเช่นคดีทุจริตเรื่องอุโมงค์ระบายน้ำของ กทม.คนที่รับผิดชอบควรลาออก ไม่เช่นนั้น จริยธรรมการเมืองของนักการเมืองก็จะไม่ดีขึ้น การไม่ละลายต่อบาปไม่ดีขึ้น ก็จะทำให้ประชาชนเหนื่อยอย่างนี้ต่อไปอีกนาน

นายพิภพ กล่าวถึงกรณีเขาพระวิหาร ว่านี่คือความผิดของรัฐบาลพรรคพลังประชาชนอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม ต้องย้อนกลับไปดูที่รัฐบาลก่อนหน้านี้ด้วยว่า ปล่อยให้เขมรรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร หรือ 3,000 ไร่ได้อย่างไร เพราะในอดีตพื้นที่ตรงนี้ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อน แต่เป็นพื้นที่ของไทย นี่ถือเป็นความผิดของรัฐบาลก่อนหน้านี้ด้วยเช่นกัน ที่ไม่แสดงความรับผิดชอบ หรือละเลยต่อการรักษาอธิปไตย

“ล่าสุดคนไทย 3 คน เดินเข้าไปดินแดนของเรา แล้วก็โดนทหารเขมรจับ แม้ตอนนี้ปล่อยออกมาแล้วก็ตาม แต่อยากถามว่ารัฐบาลจะให้ทหารของเรารุกเข้าไปในพื้นที่ของเราได้หรือยัง เพราะบนบกไม่มีพื้นที่ทับซ้อน มันมีสันปันน้ำชัดเจนโดยเฉพาะในพื้นที่บริหารปราสาทเขาพระวิหารอยู่ในเขตสันปันน้ำของเรา ไม่เหมือนพื้นที่ในทะเล ที่มีการขีดเส้นจากแนวชายฝั่งกันคนละมุมจึงเกิดพื้นที่ทับซ้อนขึ้น นี่ถือเป็นความผิดของรัฐบาลในอดีตด้วย”

สำหรับเรื่องต่อมานั่นคือการแก้ไขรัฐบาลธรรมนูญของรัฐบาลชุดนี้ โดย นายพิภพ กล่าวว่า รัฐบาลพรรคหลังประชาชนนี้ติดนิสัยรัฐบาลไทยรักไทย นั่นคือ การไม่ยอมรับในอำนาจของศาล เช่นเดียวกับเรื่องการแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) ซึ่งท้ายที่สุดศาลมีคำวินิจฉัยให้เป็นโมฆะ โดยส่วนตัวมองว่า การกระทำของนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ เป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัว มากกว่าประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชน

นายพิภพ กล่าวว่า นายสมัคร กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีสัญญาระหว่างกัน 2 ข้อ เพื่อที่จะให้นายสมัครขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเรื่องนี้คือเรื่องจริง ถ้าไม่จริงขอให้นายสมัครออกมาปฏิเสธ นั่นคือเรื่องที่ 1.จะทำเรื่องที่พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกกล่าวหาว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ไม่จงรักภักดี โดยนายสมัครสัญญาว่าจะทำเรื่องนี้ให้ดีที่สุด เพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณไม่มีข้อสงสัยในเรื่องดังกล่าวอีกต่อไป แต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะเว็บไซต์ต่างๆ ที่หมิ่นเบื้องสูงที่เกิดขึ้นมา ล้วนมีกลุ่มทุนของพรรคไทยรักไทยสนับสนุนอยู่ทั้งนั้น

ส่วนเรื่องที่ 2 คือ จะทำเรื่องคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ดังนั้น แก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 309 ก็เพราะต้องการทำลาย คตส.และทำลาย ป.ป.ช.รวมถึงแก้ไขมาตรา 237 ที่เกี่ยวกับการยุบพรรค ถ้าสำเร็จก็จะออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมอดีตกรรมการบริหารพรรค 111 คนของไทยรักไทย แล้วก็ดึงคดีความต่างออกหมด พร้อมยกเลิกมาตรการและประกาศต่างๆ ของ คมช.หรือทำให้เป็นโมฆะ

“เขาจะแก้ไขรัฐธรรมนูญตอนแรก ก็ถูกพวกเราต่อต้านกันมาก นายสมัครก็เลยบอกว่ารัฐบาลไม่เกี่ยวข้องกับแก้ไข รธน. เป็นเรื่องของ ส.ส.ไปจัดการร่วมลงรายชื่อยื่นแก้กันเอง สุดท้ายก็สู้แรงต้านของสังคมไม่ไหว จน ส.ส.บางคน และ ส.ว.บางคนที่ลงรายชื่อ ต้องขอถอดถอนชื่อตนเองออก ทำให้กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญทำต่อไปไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องตกไป แล้วนายสมัครบอกว่าไม่ใช่เรื่องของเขา ไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล แต่เป็นเรื่องของ ส.ส.ที่มีสิทธิจะเข้าชื่อแก้ไขตามรัฐธรรมนูญ แต่เดี๋ยวนี้นายสมัครตระบัดสัตย์แล้วใช่มั้ย มาบอกว่ารัฐบาลจะดำเนินการเอง เพราะอะไรคุณสมัครจึงตระบัดสัตย์ ซึ่งจริงๆ ก็ไม่ค่อยมีสัตย์อยู่แล้ว พูดกลับไปกลับมาอยู่ตลอดเวลา แต่คราวนี้ เนื่องจากคดีความเข้าสู่ขบวนการยุติธรรมมากมาย และศาลเอาจริง ถึงกับไม่อนุญาตให้ทักษิณออกนอกประเทศ ทีมงานของคุณทักษิณรวมทั้งตัวคุณทักษิณเอง จึงบอกคุณสมัครว่า ต้องหักดิบเลย เพราะรอไมได้อีกแล้ว ต้องแก้ รธน.เลย แล้วไม่ใช่แก้เฉพาะมาตรา 309 190 237 แต่ให้แก้เรื่องอำนาจศาลตุลาการ และอำนาจองค์กรอิสระด้วย ”

นายพิภพ กล่าวว่า ถ้าเขาแก้สำเร็จ พ.ต.ท.ทักษิณจะพ้นผิด 111 คนจะพ้นผิด ที่ร้ายแรงกว่านี้ ก็คือเมื่อพรรคพลังประชาชนหรือนอมินีไทยรักไทยกลับมาเป็นรัฐบาลอีก เหตุการณ์จะกลับไปเหมือนเดิมตอนที่ทักษิณเป็นรัฐบาล องค์กรอสิระจะทำงานไม่ได้ ตรวจสอบไม่ได้ ตุลาการทำงานไม่ได้อาจ

“ผมไม่อยากก้าวล่วงไปว่าการกระทำครั้งนี้ เป็นการขัดกับแนวทางพระราชดริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดูคำสัมภาษณ์ของคุณอักขราทร ประธานศาลปกครองก็ได้ ว่าบทบาทของตุลาการที่ฝ่ายบริหารมองว่าล้ำเส้น ก็ไม่มีความเห็นเช่นกันเพราะว่าไม่ใช่ฝ่ายบริหาร แต่ยืนยันตุลาการศาลปกครอง ทุกคนทำหน้าที่ด้วยความถูกต้อง กล้าหาญ ซื่อสัตย์ สุจริต ตามกระแสรับสั่งทุกครั้งที่ได้เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ ชัดเจนไหมครับ”

นายพิภพ กล่าวต่อว่า ตนขอย้ำว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญคราวนี้รุนแรงกว่าคราวก่อนมาก ที่จะเอาแค่ 2 มาตรา คือ 309 กับ 237 รัฐบาลบอกว่าศาลก้าวล่วงเข้ามาในการบริหารประเทศ ถามหน่อยว่า ถ้ารัฐบาลไม่ทำผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ ศาลจะก้าวล่วงได้หรือไม่ เราต้องการให้เกิดระบบนิติรัฐใช่หรือไม่ เราต้องการให้อำนาจตุลาการเป็นอำนาจ 1 ใน 3 สามารถตรวจสอบอำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหารได้

“บ้านเมืองที่มันเละเทะก็เพราะตุลาการไม่ได้ลุกขึ้นมาทำหน้าที่แต่ก่อนนี้ ทำหน้าที่แต่คดีความอาญาคดีแพ่งธรรมดา เมื่อรัฐธรรมนูญบอกว่า คดีที่เกี่ยวกับการเมือง ทำผิดรัฐธรรมนูญ คำสั่งทางการปกครองที่ผิด ขัดกับการปกครองตามหลักนิติรัฐและกฎหมายมหาชนให้นำเข้าสู่ศาล คดีทุจริตคอร์รัปชั่นนำเข้าสู่ ป.ป.ช. คดีเลือกตั้งนำเข้าสู่ กกต. และอัยการทำหน้าที่รับลูกต่อส่งศาลต่อไป อย่างนี้จะเรียกว่าก้าวก่ายการบริหารหรือไม่ มันไม่ใช่ เพราะฉะนั้นเราจะสู้ถึงที่สุด ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญแบบหักดิบคราวนี้”นายพิภพกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น