วานนี้ (27 มิ.ย.) ศาลปกครองกลางได้มีหนังสือด่วนที่สุดเป็นหมายเรียกถึง นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเพื่อให้มาให้ถ้อยคำต่อศาล กรณีการให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนและมีการตีพิมพ์เป็นข่าวในหนังสือพิมพ์ในเรื่องปัญหาการแต่งตั้งบอร์ดองค์การเภสัชกรรม(อภ.) ที่ศาลปกครองมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาให้อดีตบอร์ดองค์การเภสัชกรรมไม่ต้องพ้นจากตำแหน่งตามติคณะรัฐมนตรี ซึ่งข้อความการให้สัมภาษณ์บางส่วน ศาลปกครองกลางพิจารณาแล้วเห็นว่า อาจมีข้อความบางส่วนที่เข้าข่ายละเมิดอำนาจศาลปกครองกลาง จึงมีหมายเรียกให้มาชี้แจงการให้สัมภาษณ์ต่อศาลปกครองกลางในวันที่ 2 ก.ค.2551 เวลา 10.00 น.
อย่างไรก็ตาม ศาลปกครองกลางก็ยังได้มีหนังสือเรียกถึงบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ 3 ฉบับเพื่อมาไต่สวนกรณีการให้สัมภาษณ์ดังกล่าวด้วย พร้อมกันนี้ยังได้มีหนังสือไปยังสถานีโทรทัศน์ วิทยุ และหนังสือพิมพ์ที่มีการตีพิมพ์ข่าวดังกล่าว เพื่อขอความอนุเคราะห์สนับสนุนขอเทป หรือแถบบันทึกเสียงของนายไชยาที่ได้พูดถึงกรณีที่ศาลปกครองกลางที่ได้มีคำสั่งคุ้มครองอดีตบอร์ดองค์การเภสัชกรรมไม่ต้องพ้นจากตำแหน่งตามติคณะรัฐมนตรี เพื่อมาเป็นพยานในการไต่สวน วันที่ 2 ก.ค.นี้ด้วยเช่นกัน
ไชยาปัดพัลวันไม่ได้พูด
วันเดียวกันที่ที่โรงแรมริชมอนด์ จ.นนทบุรี นายไชยา สะสมทรัพย์ รมว. สาธารณสุข(สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานเปิดประชุมชี้แจงนโยบาย มาตรการควบคุมป้องกันโรคไข้เลือดออกในระดับท้องถิ่นว่า ไม่ห่วงอะไรทั้งนั้น ตนเองไม่ได้ให้สัมภาษณ์อะไรที่หมิ่นศาล ใครจะโง่ละเมิดอำนาจศาล เวลาศาลขึ้นบัลลังก์ว่าความ ทุกคนก็ต้องลุกขึ้นยืนให้ความเคารพอยู่แล้ว ศาลถือเป็นสถาบันสูงที่ต้องให้ความเคารพ ตนไม่ได้ก้าวล่วง
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ได้พาดพิงถึงคณะตุลาการศาลปกครองว่าไม่มีผู้พิพากษา ร่วมคณะ นายไชยากล่าวว่า ตนพร้อมให้ปากคำกับศาลปกครองเต็มที่ และไม่ได้บอกว่า ไม่มีนักกฎหมายอยู่องค์คณะตุลาการศาลปกครองกลางและอยากชี้แจงว่า สิ่งที่พูดไปคือ เรื่องคำสั่งศาลปกครองที่ประกาศคุ้มครองบอร์ด อภ. ชุดเก่าชั่วคราว เป็นการตัดสินคดีฉุกเฉินตามที่ผู้ฟ้องได้ยื่นฟ้องให้ไต่สวนฉุกเฉินเท่านั้น ซึ่งศาลยังไม่ได้วินิจฉัยด้านข้อกฎหมายแต่อย่างใด แต่ในอนาคตอีก 2 สัปดาห์หรือ 1 เดือนนับจากนี้ไปศาลปกครองต้องนำคดีมาพิจารณาด้านกฎหมายอีกครั้งหนึ่ง
เซ็นยื่นอุทธรณ์แล้ว
นายไชยา กล่าวต่อว่า สำหรับการดำเนินการเรื่องคดีฟ้องร้องของนพ.วิชัย นั้น ตนมีหน้าที่ต้องยื่นอุทธรณ์คำสั่งคุ้มครองของศาล ซึ่งในวันนี้ตนได้เซ็นมอบอำนาจ นิติกรของสธ. และอัยการ เป็นผู้ดำเนินการยื่นอุทธรณ์แทนแล้ว โดยในเบื้องต้นจะยื่นอุทธรณ์ กรณีที่น.พ.วิชัย ได้ยื่นฟ้องว่าตนไม่มีอำนาจในการสั่งปลดบอร์ด อภ. ชุดเก่า และสั่งแต่งตั้งบอร์ด อภ. ชุดใหม่ เพราะขาดคุณสมบัติเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
ผมคิดว่าเหตุผลประกอบคำสั่งของนพ.วิชัย ไม่น่าจะถูกต้อง เพราะขณะนี้กระบวนการเรื่องนี้ยังไม่สิ้นสุด ศาลรัฐธรรมนูญยังไม่ได้วินิจฉัยชี้ขาดว่าผมขาดคุณสมบัติเป็นรัฐมนตรี ดังนั้นในระหว่างนี้ผมจึงมีสิทธิ์ดำเนินการหรือออกคำสั่งต่างๆ ได้อยู่ นายไชยากล่าว
นายไชยากล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเรื่องนพ.วิชัย ได้นัดประชุมบอร์ด อภ. ชุดเก่า จำนวน 8 คนในวันที่ 30 มิถุนายนนี้ ก็จะเป็นอีกเรื่องที่ดำเนินการไม่ถูกต้อง เพราะบอร์ด อภ. ชุดดังกล่าว ยังขาดกรรมการที่มาจากกระทรวงการคลัง ซึ่งได้ลาออกไปก่อนหน้านี้แล้ว หากไม่มีกรรมการคนนี้ บอร์ด ก็ไม่สามารถทำงาน ประชุมหรือดำเนินการใดๆ ได้ทั้งสิ้น ส่วนการบริหารงานอภ.ต่อไป ตนก็ไม่รู้จะเป็นอย่างไร
ในอนาคตผมจะแต่งตั้งให้นายวิชาญ มีนชัยนันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่เพิ่งได้รับโปรดเกล้าฯ ให้เป็นผู้ดูแล อภ. แทนผม แต่ก็มีปัญหาว่ารัฐมนตรีช่วย ไม่สามารถออกคำสั่งแต่งตั้ง หรือปลด บอร์ด ได้อยู่ดี เพราะคนเสนอเรื่องจะต้องเป็นรัฐมนตรีเท่านั้น แต่หากเป็นกรณีฉุกเฉิน เช่น รัฐมนตรีติดภารกิจ หรือไปต่างประเทศ ก็สามารถมอบอำนาจให้รัฐมนตรีช่วยดำเนินการแทนได้ นายไชยากล่าว
ด้านนายสุพจน์ ฤชุพันธุ์ เลขานุการรมว.สธ. กล่าวว่า นายไชยา ได้มอบอำนาจให้น.ส.ธิดาวรรณ ขลิบทอง นิติกร 5 สำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำเนินการยื่นอุทธรณ์ แต่ขณะนี้ยังไม่มีการกำหนดวันยื่นอุทธรณ์ สำหรับการประชุมหารือของทีมกฎหมาย ได้ร่วมกันวิเคราะห์ประเด็นต่างๆ เพื่อนำมาใช้ดำเนินการ ยื่นอุทธรณ์ ส่วนประเด็นเรื่องว่า ศาลคุ้มครองบอร์ดอภ.ชุดเก่าทั้ง 8 คนหรือไม่นั้น คงต้องตัดไป เพราะเมื่อทีมกฎหมายพิจารณาคำพิพากษาโดยละเอียดแล้ว ปรากฏว่า ศาลให้การคุ้มครองบอร์ดชุดเก่าทั้ง 8 คน
โดนอีกดอก “หมอศิริวัฒน์” ลั่นฟ้อง
ขณะที่พ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข อดีตเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) กล่าวว่า ขณะนี้ได้เตรียมร่างคำฟ้องต่อศาลปกครอง กรณีถูกคำสั่งโยกย้ายจากเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยาไปเป็นผู้ตรวจราชการอย่างไม่เป็นธรรมและไม่มีเหตุผลอันสมควรตามมติครม.เมื่อ 26 กุมภาพันธ์ 2551 เนื่องจากตนได้ร้องทุกข์อุทธรณ์คำสั่งย้ายไปยังคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน(ก.พ.) ตั้งแต่วันที่ 27มีนาคม 2551 ขณะนี้ครบ 90 วันแล้ว ยังไม่ได้รับคำตอบจาก ก.พ.จึงจะขอใช้สิทธิ์ตามพระราชบัญญัติศาลปกครองพ.ศ.2542 ตามมาตตรา 42 และ 49 ต่อไป โดยจะยื่นฟ้องต่อศาลปกครองภายในสัปดาห์หน้า โดยเชื่อว่าศาลสถิตยุติธรรมยังสามารถจะเป็นที่พึ่งของข้าราชการและประชาชนได้
อย่างไรก็ตาม ศาลปกครองกลางก็ยังได้มีหนังสือเรียกถึงบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ 3 ฉบับเพื่อมาไต่สวนกรณีการให้สัมภาษณ์ดังกล่าวด้วย พร้อมกันนี้ยังได้มีหนังสือไปยังสถานีโทรทัศน์ วิทยุ และหนังสือพิมพ์ที่มีการตีพิมพ์ข่าวดังกล่าว เพื่อขอความอนุเคราะห์สนับสนุนขอเทป หรือแถบบันทึกเสียงของนายไชยาที่ได้พูดถึงกรณีที่ศาลปกครองกลางที่ได้มีคำสั่งคุ้มครองอดีตบอร์ดองค์การเภสัชกรรมไม่ต้องพ้นจากตำแหน่งตามติคณะรัฐมนตรี เพื่อมาเป็นพยานในการไต่สวน วันที่ 2 ก.ค.นี้ด้วยเช่นกัน
ไชยาปัดพัลวันไม่ได้พูด
วันเดียวกันที่ที่โรงแรมริชมอนด์ จ.นนทบุรี นายไชยา สะสมทรัพย์ รมว. สาธารณสุข(สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานเปิดประชุมชี้แจงนโยบาย มาตรการควบคุมป้องกันโรคไข้เลือดออกในระดับท้องถิ่นว่า ไม่ห่วงอะไรทั้งนั้น ตนเองไม่ได้ให้สัมภาษณ์อะไรที่หมิ่นศาล ใครจะโง่ละเมิดอำนาจศาล เวลาศาลขึ้นบัลลังก์ว่าความ ทุกคนก็ต้องลุกขึ้นยืนให้ความเคารพอยู่แล้ว ศาลถือเป็นสถาบันสูงที่ต้องให้ความเคารพ ตนไม่ได้ก้าวล่วง
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ได้พาดพิงถึงคณะตุลาการศาลปกครองว่าไม่มีผู้พิพากษา ร่วมคณะ นายไชยากล่าวว่า ตนพร้อมให้ปากคำกับศาลปกครองเต็มที่ และไม่ได้บอกว่า ไม่มีนักกฎหมายอยู่องค์คณะตุลาการศาลปกครองกลางและอยากชี้แจงว่า สิ่งที่พูดไปคือ เรื่องคำสั่งศาลปกครองที่ประกาศคุ้มครองบอร์ด อภ. ชุดเก่าชั่วคราว เป็นการตัดสินคดีฉุกเฉินตามที่ผู้ฟ้องได้ยื่นฟ้องให้ไต่สวนฉุกเฉินเท่านั้น ซึ่งศาลยังไม่ได้วินิจฉัยด้านข้อกฎหมายแต่อย่างใด แต่ในอนาคตอีก 2 สัปดาห์หรือ 1 เดือนนับจากนี้ไปศาลปกครองต้องนำคดีมาพิจารณาด้านกฎหมายอีกครั้งหนึ่ง
เซ็นยื่นอุทธรณ์แล้ว
นายไชยา กล่าวต่อว่า สำหรับการดำเนินการเรื่องคดีฟ้องร้องของนพ.วิชัย นั้น ตนมีหน้าที่ต้องยื่นอุทธรณ์คำสั่งคุ้มครองของศาล ซึ่งในวันนี้ตนได้เซ็นมอบอำนาจ นิติกรของสธ. และอัยการ เป็นผู้ดำเนินการยื่นอุทธรณ์แทนแล้ว โดยในเบื้องต้นจะยื่นอุทธรณ์ กรณีที่น.พ.วิชัย ได้ยื่นฟ้องว่าตนไม่มีอำนาจในการสั่งปลดบอร์ด อภ. ชุดเก่า และสั่งแต่งตั้งบอร์ด อภ. ชุดใหม่ เพราะขาดคุณสมบัติเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
ผมคิดว่าเหตุผลประกอบคำสั่งของนพ.วิชัย ไม่น่าจะถูกต้อง เพราะขณะนี้กระบวนการเรื่องนี้ยังไม่สิ้นสุด ศาลรัฐธรรมนูญยังไม่ได้วินิจฉัยชี้ขาดว่าผมขาดคุณสมบัติเป็นรัฐมนตรี ดังนั้นในระหว่างนี้ผมจึงมีสิทธิ์ดำเนินการหรือออกคำสั่งต่างๆ ได้อยู่ นายไชยากล่าว
นายไชยากล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเรื่องนพ.วิชัย ได้นัดประชุมบอร์ด อภ. ชุดเก่า จำนวน 8 คนในวันที่ 30 มิถุนายนนี้ ก็จะเป็นอีกเรื่องที่ดำเนินการไม่ถูกต้อง เพราะบอร์ด อภ. ชุดดังกล่าว ยังขาดกรรมการที่มาจากกระทรวงการคลัง ซึ่งได้ลาออกไปก่อนหน้านี้แล้ว หากไม่มีกรรมการคนนี้ บอร์ด ก็ไม่สามารถทำงาน ประชุมหรือดำเนินการใดๆ ได้ทั้งสิ้น ส่วนการบริหารงานอภ.ต่อไป ตนก็ไม่รู้จะเป็นอย่างไร
ในอนาคตผมจะแต่งตั้งให้นายวิชาญ มีนชัยนันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ที่เพิ่งได้รับโปรดเกล้าฯ ให้เป็นผู้ดูแล อภ. แทนผม แต่ก็มีปัญหาว่ารัฐมนตรีช่วย ไม่สามารถออกคำสั่งแต่งตั้ง หรือปลด บอร์ด ได้อยู่ดี เพราะคนเสนอเรื่องจะต้องเป็นรัฐมนตรีเท่านั้น แต่หากเป็นกรณีฉุกเฉิน เช่น รัฐมนตรีติดภารกิจ หรือไปต่างประเทศ ก็สามารถมอบอำนาจให้รัฐมนตรีช่วยดำเนินการแทนได้ นายไชยากล่าว
ด้านนายสุพจน์ ฤชุพันธุ์ เลขานุการรมว.สธ. กล่าวว่า นายไชยา ได้มอบอำนาจให้น.ส.ธิดาวรรณ ขลิบทอง นิติกร 5 สำนักปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้ดำเนินการยื่นอุทธรณ์ แต่ขณะนี้ยังไม่มีการกำหนดวันยื่นอุทธรณ์ สำหรับการประชุมหารือของทีมกฎหมาย ได้ร่วมกันวิเคราะห์ประเด็นต่างๆ เพื่อนำมาใช้ดำเนินการ ยื่นอุทธรณ์ ส่วนประเด็นเรื่องว่า ศาลคุ้มครองบอร์ดอภ.ชุดเก่าทั้ง 8 คนหรือไม่นั้น คงต้องตัดไป เพราะเมื่อทีมกฎหมายพิจารณาคำพิพากษาโดยละเอียดแล้ว ปรากฏว่า ศาลให้การคุ้มครองบอร์ดชุดเก่าทั้ง 8 คน
โดนอีกดอก “หมอศิริวัฒน์” ลั่นฟ้อง
ขณะที่พ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข อดีตเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) กล่าวว่า ขณะนี้ได้เตรียมร่างคำฟ้องต่อศาลปกครอง กรณีถูกคำสั่งโยกย้ายจากเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยาไปเป็นผู้ตรวจราชการอย่างไม่เป็นธรรมและไม่มีเหตุผลอันสมควรตามมติครม.เมื่อ 26 กุมภาพันธ์ 2551 เนื่องจากตนได้ร้องทุกข์อุทธรณ์คำสั่งย้ายไปยังคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน(ก.พ.) ตั้งแต่วันที่ 27มีนาคม 2551 ขณะนี้ครบ 90 วันแล้ว ยังไม่ได้รับคำตอบจาก ก.พ.จึงจะขอใช้สิทธิ์ตามพระราชบัญญัติศาลปกครองพ.ศ.2542 ตามมาตตรา 42 และ 49 ต่อไป โดยจะยื่นฟ้องต่อศาลปกครองภายในสัปดาห์หน้า โดยเชื่อว่าศาลสถิตยุติธรรมยังสามารถจะเป็นที่พึ่งของข้าราชการและประชาชนได้