ปชป.รุมบี้ อธิบดีสรรพากร ปล่อยคดี “บรรณพจน์” หมดอายุความ “กรณ์” แฉไม่มีการเรียกเก็บเงินมัดจำ “พานทองแท้” ด้าน “ศานิต” อ้างคำวินิจฉัย กก.พิจารณาอุทธรณ์ ยันยึดนโยบายธรรมาภิบาล แต่ยอมรับกฎหมายมีช่องโหว่ ด้าน งบครุภัณฑ์ สำนักปลัดคลังฯน่าสงสัย
เมื่อเวลา 13.30 น.ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2552 มี นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง ในฐานะรองประธานกรรมาธิการเป็นประธานการประชุม พิจารณางบประมาณกระทรวงการคลัง ต่อจากการประชุมเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ทั้งนี้ มีการพิจารณางบประมาณของ กรมสรรพากร นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กรรมาธิการ กล่าวว่า สังคมคลางแคลงใจกรณีการเก็บภาษี นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชายบุญธรรม คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ จำนวน 500 ล้านบาท ที่มีการระบุว่า เก็บไม่ได้ เพราะขาดอายุความ จึงขอข้อมูลกรมสรรพากรไป แต่กรมสรรพากรตอบมา ว่า ให้ไม่ได้ต้องทำหนังสือถึงรัฐมนตรีตามขั้นตอนของ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฯ ตนอยากให้กรมสรรพากรนำข้อมูลมาแสดง เพราะเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากรัฐเสียรายได้มหาศาล ขณะที่ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กรรมาธิการ กล่าวว่า กรมสรรพากรจะดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ 3 ราย ที่ทำให้คดีขาดอายุความและเก็บภาษีไม่ได้อย่างไร
จากนั้น นายศานิต ร่างน้อย อธิบดีกรมสรรพากร ชี้แจงว่า กรณี นายบรรณพจน์ เก็บภาษีไม่ได้ ไม่ใช่เพราะหมดอายุความ แต่เป็นเรื่องเหตุผลการประเมินโดยมิชอบ ดังนั้น กรมสรรพากรจึงถูกยกการประเมิน ซึ่งคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ได้วินิจฉัยไว้ และในอดีตก็มักจะเกิดกรณีอย่างนี้อยู่เป็นประจำ และเมื่อคณะกรรมการชุดดังกล่าววินิจฉัยมาแบบนี้ ทางกรมฯก็ไม่เคยไปฟ้องศาลภาษีต่ออีก เพราะจะเหมือนเป็นการฟ้องตัวเอง ส่วนเรื่องที่ขอข้อมูลมานั้นต้องดำเนินการตามขั้นตอน โดยขอให้กรรมาธิการ ทำหนังสือมายังกรมสรรพากรและจะรับเรื่องประสานให้ เพราะถือว่าคณะกรรมการ และกรมสรรพากร เป็นคนละส่วนกัน
ทำให้ นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า หากไม่ใช่เรื่องการหมดอายุความ กรมสรรพากรก็ต้องชี้แจงต่อสาธารณะ เพราะตอนนี้คนทั้งเมืองเข้าใจว่า คดีหมดอายุความ นอกจากนี้ เมื่อประเมินผิดพลาด เคยศึกษาหรือไม่ว่า ประมวลรัษฎากรตรงไหนมีช่องโหว่ หรือเจ้าหน้าที่บกพร่อง มีการตั้งกรรมการขึ้นมาปรับปรุงแก้ไขหรือไม่ เพราะรัฐเสียหายมาก ส่วนการขอเอกสาร ทางกรมสรรพากร ปฏิเสธไม่ได้ว่า คณะกรรมการไม่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมสรรพากร เพราะการทำสิ่งใดของคณะกรรมการ ต้องได้รับความเห็นชอบจากกรมสรรพากรเช่นเดียวกัน
ด้าน นายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กรรมาธิการ กล่าวว่า เรื่องหุ้นแอมเพิลริช การอุทธรณ์ของผู้ถูกเรียกต้องวางเงินมัดจำ แต่ตนตรวจเดือนเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา กรมสรรพากรยังไม่ได้เก็บเงินมัดจำจาก นายพานทองแท้ ชินวัตร จากนั้น นายประดิษฐ์ พยายามตัดบทว่า เรื่องนี้ควรนำไปพูดในการประชุมสภาวาระ 2 และ 3 และยังหารือได้ในกรรมาธิการการเงิน การคลัง ของสภา ตนยืนยันในสภาแล้วว่า เชิญมาก็ยินดีจะมาตอบ แต่ตอนนี้ขอให้พิจารณางบก่อน เพราะเกรงว่าจะไม่จบ
นายศานิต ชี้แจงอีกครั้งว่า เรื่องหุ้นแอมเพิลริช มีการเข้าใจว่าเหตุใดจึงไม่มีการเรียกเก็บภาษีจากทรัพย์สินที่ คตส.อายัดไว้ ซึ่งเราเห็นว่ามันไม่ถูกต้อง เนื่องจากภาษีที่กรมสรรพากรยึดได้ต้องปลอดภาระ ในส่วนสรรพากรได้ยึดในส่วนที่ปลอดภาระไปกว่าพันล้านบาทแล้ว และได้มีการอายัดซ้อนกับทาง คตส.อายัดไว้
นอกจากนี้ หากมีหน่วยงานอื่นที่อายัดทรัพย์ไว้เราก็จะอายัดซ้อนไว้เช่นเดียวกัน ซึ่งก็คุ้มกับภาษี 12,000 ล้านบาท ส่วนเรื่องธรรมาภิบาลของกรมสรรพากรนั้น เรายืนยันว่า เราปฏิบัติตามข้อกฎหมายทุกอย่าง แต่อาจจะมีช่องโหว่ทางกฎหมาย ที่ไม่เคลียร์ก็จะนำไปปรับปรุงเพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติต่อไป อย่างไรก็ตาม ทางกรมสรรพากรก็ได้เจ้าหน้าที่ออกจากราชการ แต่ขณะนี้ก็ได้มีการฟ้องร้องศาลปกครองอยู่เราก็ต้องรอการพิจารณาคดี
นายศานิต กล่าวต่อว่า ที่มีการนำเอกสารภายในกรมสรรพากรเรื่องการเรียกเก็บภาษีของครอบครัวชินวัตร มาเผยแพร่ในหนังสือพิมพ์นั้น ขอยืนยันว่า ไม่ได้ออกมาจากกรมสรรพากร เพราะเรื่องนี้เราระมัดระวังกันมากอยู่แล้ว เพราะกรมสรรพากรมีคดีฟ้องร้องอยู่ตลอดเวลา ซึ่งก็ต้องระมัดระวังตัวมากยิ่ง ตนอยากเกษียณอายุแบบสบายๆ และจะเกษียณอายุในเดือน ก.ย.นี้แล้ว จึงอยากจะขอความเห็นใจจากกรรมาธิการด้วย