xs
xsm
sm
md
lg

ส่อเค้ารื้อ 26 คำสั่งแต่งตั้งโยกย้าย เตรียมหารือก่อนส่ง ก.ตร.

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อาจส่อเค้าวุ่นวายอีกครั้งเกี่ยวกับการแต่งตั้งโยกย้ายกว่า 7 พันตำแหน่ง รวม 26 คำสั่งที่ผ่านมา เพราะอาจจะมีการรื้อคำสั่งดังกล่าวใหม่

วันนี้ (27 มี.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ท.วัชรพล ประสารราชกิจ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) ในฐานะโฆษก ตร.กล่าวถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบและแก้ไขคำสั่งแต่งตั้งโยกย้าย 26 คำสั่งว่า ในวันที่ 28 มีนาคมนี้ เวลา 09.30 น.คณะทำงานตรวจสอบและพิจารณาแก้ไขคำสั่งฯ ซึ่งมี พล.ต.อ.ชาญวุฒิ วัชรพุกก์ รอง ผบ.ตร.เป็นประธานเรียกประชุมสรุปแนวทางแก้ปัญหาครั้งสุดท้าย ก่อนจะนำเข้า ก.ตร.พิจารณาชี้ขาดในต้นเดือนเมษายน โดยจากการประชุมของคณะทำงานใน 2 ครั้งที่ผ่านมาก็พบว่าการแต่งตั้งลงในตำแหน่งฝ่ายปฏิบัติการ 1-10 และการเปลี่ยนแปลงอำนาจหน้าที่ในกองบังคับการทะเบียน กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นั้นยังไม่ได้ดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งส่งผลให้ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งไม่มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายทั้งอำนาจในการสอบสวน ประสบปัญหาเชิงบริหาร ขณะที่กองทะเบียนที่เปลี่ยนมาดูแลงานคุ้มครองผู้บริโภคเพียงอย่างเดียวก็ไม่มีการแก้ในกฎหมายทำให้ไม่มีอำนาจสืบสวน

โฆษก ตร.กล่าวว่า การแก้ปัญหาในเชิงบริหารเพียงอย่างเดียวคงไม่ได้ คงจะต้องมีการแก้ไขคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายดังกล่าว ไม่สามารถคงให้เป็นตามคำสั่งเดิมได้ แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ คณะทำงานมอบหมายให้ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ซึ่งเป็นต้นเรื่องไม่หาแนวทางแก้ไข ซึ่งจะได้ข้อสรุปสุดท้ายในวันพรุ่งนี้

พล.ต.ท.วัชรพล กล่าวว่า เนื่องจากช่วงนี้ ตร.ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในหลายเรื่อง อาทิ เรื่อง 26 คำสั่งนี้ ทำให้การพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายระดับรองสารวัตร และชั้นประทวนประจำปี 2550 ยังไม่สามารถดำเนินการได้ในขณะนี้

ส่วนกรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร.ช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เคยมีคำสั่งให้กองบังคับการ (บก.) ใน บช.ก.งดรับคดี และให้รอเพียงคำสั่งจาก ตร.และ บช.นั้น พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รองโฆษก ตร.ชี้แจงว่า ความจริงหน้าที่ของสอบสวนกลาง คือ ทำคดีที่สำคัญและเกี่ยวเนื่องหลายท้องที่เท่านั้น ที่ผ่านมามีคำสั่งเช่นนี้เพราะหลาย บก.จะไปทำคดีเล็กๆ ของท้องที่ซึ่งไม่ถูกต้อง ต่อจากนี้ไปก็ให้ยึดนโยบายทำตามตามอำนาจหน้าที่ โดย บก.ในสังกัดอย่างกองปราบปรามก็สามารถรับคดีได้และต้องเป็นไปตามลักษณะที่กำหนดไว้ในหน้าที่ คือ ใหญ่ สำคัญ เกี่ยวพันหลายท้องที่

สำหรับกรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวหาว่า ไม่ได้รับความร่วมมือจากหน่วยใน ตร. ในกรณีที่ขอเอกสารหลักฐานกรณีถูกกล่าวาหาผิดวินัยร้ายแรง พล.ต.ท.วัชรพล กล่าวว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ มีสิทธิ์ของเอกสารข้อมูลเหล่านี้ได้ตามกระบวนการ โดยต้องทำหนังสือขอมาที่หน่วยงานเจ้าของเรื่อง และต้องผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการพิจารณาตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของทางราชการ ที่จะพิจารณาให้หรือไม่ให้ก็ได้ตามดุลพินิจและความเหมาะสมว่าจะส่งผลต่อทางราชการอย่างไรหรือไม่ กรณีที่คณะทำงานพิจารณาไม่ให้หลักฐานก็มีสิทธิ์อุทธรณ์การขอเอกสารหลักฐานเหล่านี้ผ่านคณะกรรมการพิจารณาตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารระดับ ตร.อีก หรืออีกช่องทางหนึ่ง สามารถขอข้อมูลเหล่านั้นผ่านทางคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงได้ด้วย อย่างไรก็ตาม เท่าที่ทราบขณะนี้มีเพียงกรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ รขอเอกสารหลักฐานผ่านบันทึกข้อความให้หน่วยส่งเอกสารให้โดยตรงที่เคยปรากฏข่าวก่อนหน้านี้เท่านั้น

นอกจากนี้ พล.ต.ท.วัชรพล ยังกล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร. ช่วยราชสำนักนายกรัฐมนตรี นำเฮลิคอร์ปเตอร์ไปใช้ในการเดินทาง ว่า เรื่องการนำอากาศยานไปใช้ทางกองบินตำรวจจะต้องชี้แจงได้ และมีบันทึกไว้ว่าภาระกิจใครนำไปใช้อย่างไร ถ้ามีการร้องเรียนขึ้นมาก็สามารถตรวจสอบได้ ซึ่งเรื่องที่พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ นำเฮลิคอร์ปเตอร์ไปใช้ตนเองยังไม่เห็นรายละเอียดต้องไปตรวจก่อน ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ทั้งหมดเพราะกองบินตำรวจจะมีการบันทึกเอาไว้
กำลังโหลดความคิดเห็น