เผยเลขาธิการ ก.พ.คนรับรองวุฒิ “สุธา” มีเมียเป็นรองปลัด พม.

ปมพิรุธ! วุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรี “สุธา ชันแสง” ยิ่งสาวยิ่งสนุก หลังจาก “สุธา” อ้างว่าจบการศึกษาจากฟิลิปปินส์ตั้งแต่ปี 27 แต่ไม่กล้านำมาใช้เพราะ ก.พ.ยังไม่รับรอง และเมื่อ ก.พ.รับรองประมาณปี 2537-2539 จึงเพิ่งนำมาใช้ตอนได้เป็นรัฐมนตรี ทั้งที่ระเบียบของ ก.พ.ระบุว่าไม่สามารถรับรองวุฒิปริญญาตรีที่จบมาก่อนที่ ก.พ.จะรับรองได้ และต่อมา เลขาธิการ ก.พ. “ปรีชา วัชราภัย” กลับทำหนังสือแจ้งว่า วุฒิการศึกษาของ “สุธา” สามารถนำมาใช้ได้ตามหลักเกณฑ์ที่ ศธ.ของฟิลิปปินส์รับรองสถาบันดังกล่าวตั้งแต่ปี 2514 แล้ว ตามมาด้วยปริศนาการทำหนังสือเดินทางครั้งแรกของ “สุธา” ในปี 2537 หลังจากที่จบการศึกษาแล้วถึง 10 ปี กระทั่งตรวจสอบต่อมาพบว่า “ปรีชา วัชราภัย” ที่แท้คือสามีของ “กานดา วัชราภัย” รองปลัดกระทรวง พม.ที่ “สุธา” นั่งว่าการอยู่นั่นเอง

จากกรณีที่ นายสุธา ชันแสง ได้มอบหมายให้กองเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ สำนักงานปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ แจ้งแก่สื่อมวลชนว่า

ข้อมูลประวัติการศึกษาของนายสุธา ชันแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่นำออกมาเผยแพร่นั้น คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง กล่าวคือ ข้อมูลที่ถูกต้อง นายสุธา ชันแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จบปริญญาตรี Bachelor of Science in Commerce (Management) (BSC) จาก Republican College ประเทศฟิลิปปินส์ ในปี 1984 (พ.ศ.2527) แต่เมื่อตรวจสอบประวัติการศึกษาของนายสุธาตั้งแต่เล่นการเมืองครั้งแรก โดยได้รับเลือกตั้งให้เป็นสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร ในปี พ.ศ.2528 พบว่า นายสุธาระบุว่า ตัวเองจบการศึกษาชั้นสูงสุดระดับ มัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.ศ.5) และใช้วุฒิดังกล่าวมาโดยตลอด ยกเว้นในระยะไม่กี่ปีที่ผ่านมา และในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2550 นายสุธาระบุวุฒิการศึกษานับประกาศนียบัตรชั้นสูง และวุฒิบัตรขั้นสูงสุด (FCILT) ด้านลอจิสติกส์และการขนส่ง จากสถาบันลอจิสติกส์และการขนส่ง สหราชอาณาจักร สาขาประเทศไทย ซึ่งข้อมูลจากกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยยังระบุว่า “ต่ำกว่าปริญญาตรี”

จะเห็นได้ว่า ตั้งแต่เข้ามาเล่นการเมืองในปี 2528 จนถึงการเลือกตั้งครั้งล่าสุด เป็นเวลาถึง 22 ปี นายสุธาไม่เคยระบุว่าจบการศึกษาระดับปริญญาตรีเลย ทำให้เคยการตั้งคำถามว่า นายสุธาได้วุฒิปริญญาตรีมาได้อย่างไร แล้วทำไมถึงไม่เคยแจ้งว่าจบวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรีเลย

ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 174 รัฐมนตรีต้องมีคุณสมบัติในวงเล็บ 3 “สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า”

อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา นายสุธาได้ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ว่าตนเองศึกษาจนจบปริญญาตรีแน่นอน โดยเรียนจบจากวิทยาลัยแห่งหนึ่งในประเทศฟิลิปปินส์ “สมัยเด็กผมก็ยอมรับนะว่า ผมค่อนข้างจะเกเร พอจบระดับมัธยมศึกษา แม่ก็เลยส่งผมไปเรียนต่อที่ฟิลิปปินส์ ตอนนั้นปี 1980 (พ.ศ.2523) และจบปี 1984 (พ.ศ.2527) แต่ช่วงที่ผมจบมา ปริญญาของวิทยาลัยที่ผมเรียนนั้นยังไม่ได้รับการรับรองจาก ก.พ. (สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน) ฉะนั้น เวลาผมไปแจ้งวุฒิการศึกษาที่ไหน รวมทั้งสมัยที่ผมลง ส.ก. (สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร) ผมก็ไม่ได้แจ้งวุฒินี้ เพราะถ้าผมแจ้งวุฒิปริญญาก็จะมาหาว่าผมแจ้งเท็จอีก เนื่องจากตอนนั้น ก.พ.ยังไม่ได้รับรอง”

รมว.พม.กล่าวด้วยว่า ในเวลาต่อมา จำไม่ได้แน่ชัดว่าในปี 2537 หรือ 2539 ทาง ก.พ.ได้รับรองวุฒิการศึกษาของสถาบันการศึกษาที่ตนเรียน จนล่าสุดเมื่อมาสมัคร ส.ส.และได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี จึงแจ้งวุฒิการศึกษาในระดับปริญญาตรีที่จบมา โดยนายสุธายืนยันว่าตอนที่ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นรัฐมนตรีนั้น ได้ส่งประวัติและวุฒิการศึกษาให้ทางเลขาธิการคณะรัฐมนตรีตรวจสอบแล้ว ซึ่งทางเลขาฯ ครม.ก็มีการตรวจสอบโดยส่งไปให้ ก.พ.พิจารณาอีกครั้งจบจาก Republican College ประเทศฟิลิปปินส์จริงตั้งแต่ปี 2527 แต่มหาวิทยาลัยดังกล่าวเพิ่ง ได้รับการรับรองจาก ก.พ.เมื่อปี 2537 หรือ 2539 หรือประมาณเกือบ 10 ปีให้หลัง ซึ่งยังมีข้อสงสัยต่อไปว่า การรับรองวุฒิการศึกษาของ ก.พ.นั้น “มีผลย้อนหลัง” หรือไม่

อย่างไรก็ตาม เมื่อทาง “ผู้จัดการออนไลน์” ได้สอบถามไปทางเจ้าหน้าที่ ก.พ.ถึงระเบียบการรับรองวุฒิการศึกษาว่า หากจบการศึกษาในปีการศึกษาก่อนหน้าที่ทาง ก.พ.จะรับรองคุณวุฒิของมหาวิทยาลัยดังกล่าวจะมีผลย้อนหลังหรือไม่ เจ้าหน้าที่ ก.พ.แจ้งว่า ไม่สามารถย้อนหลังได้ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นการที่นายสุธาอ้างว่าตัวเองจบการศึกษาในปี 2527 แต่ ก.พ.รับรองวุฒิการศึกษาของสถาบันดังกล่าวในปี 2537-2539 นั้นก็ไม่สามารถนำวุฒิปริญญาตรีดังกล่าวมาใช้ได้

แต่ภายหลัง นายปรีชา วัชราภัย เลขาธิการ ก.พ.อ้างว่า เมื่อกระทรวงศึกษาธิการของประเทศที่สถาบันการศึกษาตั้งอยู่ให้การรับรอง ก็ถือหลักเกณฑ์ว่าวุฒิการศึกษาดังกล่าวได้รับรองจาก ก.พ.ด้วยโดยอัตโนมัติ และอ้างว่าจากการตรวจสอบพบว่า กระทรวงศึกษาธิการของฟิลิปปินส์ให้การรับรองวุฒิการศึกษา Bachelor of Science in Commerce (Management) (BSC) ของ Republican College ดังนั้น ถือว่าวุฒิการศึกษาดังกล่าวของนายสุธาได้รับการรับรองจาก ก.พ.และได้แจ้งให้ทางสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีทราบแล้วนั้น

ทั้งนี้ หลักเกณฑ์ที่เลขาธิการ ก.พ.นำมากล่าวอ้างว่ารับรองวุฒิการศึกษาของ Republican College ตามที่กระทรวงศึกษาธิการของฟิลิปปินส์รับรองตั้งแต่ปี 2514 นั้น “ขัดแย้ง” กับการชี้แจงของนายสุธาเองว่าได้รับแจ้งจากทาง ก.พ.ว่ารับรองวุฒิการศึกษาดังกล่าวประมาณปี 2537-2539 และถูกตั้งคำถามว่า หาก ก.พ.มีหลักเกณฑ์เพียงว่ากระทรวงศึกษาธิการของประเทศนั้นรับรองก็ถือว่า ก.พ.ต้องรับรองโดยอัตโนมัตินั้นหละหลวมเกินไปหรือไม่

อย่างไรก็ตาม เมื่อตรวจสอบทำเนียบผู้บริหารกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พบว่า ภรรยาของ นายปรีชา วัชราภัย เลขาธิการ ก.พ. คือ นางกานดา วัชราภัย มีตำแหน่งเป็น “รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์” ด้วย

นอกจากนั้น หนังสือพิมพ์ “กรุงเทพธุรกิจ” อ้างว่า ได้ตรวจสอบฐานข้อมูลเกี่ยวกับหนังสือเดินทางของนายสุธา พบว่า นายสุธาเพิ่งขอทำหนังสือเดินทาง หรือพาสปอร์ตครั้งแรกในเดือนมกราคม พ.ศ.2537 ขัดกับที่นายสุธาอ้างว่าเดินทาง “ไปเรียนที่ประเทศฟิลิปปินส์ ในปี พ.ศ.2523 ซึ่งเมื่อตรวจสอบในช่วงปี 2520-2523 นายสุธา “ไม่เคยเดินทางออกนอกประเทศ” ในช่วงดังกล่าวแต่อย่างใด และข้อมูลดังกล่าว กระทรวงการต่างประเทศสามารถตรวจสอบการมีหนังสือเดินทางย้อนหลังได้ตั้งแต่ปี 2520 จนถึงปัจจุบัน และสามารถยื่นตรวจสอบข้อมูลย้อนหลังการเดินทางออกนอกประเทศของบุคคลได้ตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร โดยทำหนังสือถึงผู้บัญชาการ สตม.ซึ่งจะพิจารณาเป็นกรณีไป

วิทยาลัย Republican College แห่งนี้ยังเคยออกวุฒิบัตรให้ นายณวัช (ประสิทธิ์) เตาะเจริญสุข ส.ส.เขต 3 จ.ขอนแก่น พรรคพลังประชาชน ว่าจบระดับไฮสกูล (มัธยมศึกษาตอนปลาย) ที่วิทยาลัย เมื่อปี 2537 และจบระดับปริญญาตรีที่วิทยาลัยในปี 2543 ทั้งๆ ที่นายณวัช เดินทางไปประเทศฟิลิปปินส์ 2 ครั้ง และอาศัยอยู่ในประเทศฟิลิปปินส์ รวมเพียง 10 วัน เท่านั้น