แฉโกงภาษีรูปแบบใหม่ กว้านซื้อรายชื่อจากร้านมือถือ-สร้างรายจ่ายเทียม

สรรพากร ตะลึง! โกงภาษีรูปแบบใหม่ ทำกันเป็นขบวนการ อาศัยช่องโหว่ทางกฎหมาย สร้างรายจ่ายเทียม เพื่อขอคืนภาษี ทั้งการกว้านซื้อรายชื่อละ 10 บาทจากร้านมือถือ และการสร้างเครือข่ายคณะบุคคล 200-300 เครือข่าย โดยแต่ละคนจะมีรายชื่อนับ 100 คณะ ขณะที่ยอดผู้เสียภาษีปี 51 ลดลงเกือบ 7 แสนราย

วันนี้(9 เม.ย.) นายศานิต ร่างน้อย อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้ตรวจสอบการขอคืนภาษีทางอินเตอร์เน็ตในปีนี้ที่สิ้นสุด ณ วันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา พบว่ายังมีการขอคืนภาษีเป็นทุจริตอยู่ แต่กลุ่มมิจฉาชีพได้เปลี่ยนวิธีการรูปแบบใหม่ โดยอาศัยช่องโหว่ทางกฎหมาย ด้วยการสร้างรายจ่ายเทียม เพื่อขอจ่ายภาษีน้อยลง ซึ่งต่างจากการทุจริตในปีก่อนหน้า ที่นำเอาบัตรประชาชนของสาวโรงงานต่า งๆ มาขอคืนภาษีในจำนวนไม่มากนัก

นายศานิต ระบุว่า กรมฯ ได้ร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตรวจจับดำเนินคดีแล้ว ส่วนในปีนี้ที่เจอ ไม่ใช่กลุ่มสาวโรงงาน แต่มีการไปหลอกคนมาใหม่ โดยต้นแก๊งจะมีชื่อจดทะเบียนนิติบุคคลอยู่ เรียกว่าเป็นขบวนการขอคืนภาษีเป็นเท็จที่อาศัยชั้นเชิงมากขึ้น ใช้ช่องโหว่ทางกฎหมายโดยสร้างรายจ่ายเทียม ด้วยการไปซื้อสำเนาบัตรประชาชนจากร้านค้าขายโทรศัพท์เคลื่อนที่เพียงชื่อละ 10 บาท ที่แม้จะคาดหน้า และเขียนว่าใช้เพื่อการซื้อโทรศัพท์เคลื่อนที่แล้วก็ตาม แต่แก้ไขเอาชื่อ เลขที่บัตรประจำตัวประชาชนไป แล้วทำเป็นว่ามีการจ่ายเงินให้บุคคลเหล่านี้ แต่จริงๆ แล้วไม่ได้จ่ายจริง และมีการออกใบหัก ณ ที่จ่ายให้ด้วย ซึ่งกำลังไล่ตามอยู่

นอกจากนี้ ยังมีอีกกลุ่มคือ พวกเป็นคณะบุคคล หรือบริษัทที่ทำเรื่องว่าได้จ่ายเงินให้พนักงาน คนงาน และได้หักภาษี ณ ที่จ่าย แต่ไม่ได้ให้คนเหล่านี้มาขอคืน เพียงแต่แอบเอาชื่อไปใช้เฉยๆ เพื่อสร้างรายจ่ายให้มีมากขึ้น จะได้เสียภาษีนิติบุคคลน้อยลง บางบริษัทอาจไม่ได้ทำธุรกิจจริง ซึ่งพบว่าทำลักษณะนี้มากเช่นกัน แต่ความจริงไม่ได้มีเงินจ่ายมากขนาดนั้น กรมจะตรวจลึกรายละเอียดอย่างจริงจัง อาทิ ดูสถานที่ตั้งบริษัท ดูว่าจ่ายจริงหรือไม่ ใกล้เคียงกับที่ขอคืนภาษีหรือไม่ ทำธุรกิจอะไร

นอกจากนี้ กรมจะตรวจรายละเอียดลึกลงไปถึง รายชื่อพ่อ แม่ ลูก ที่จดทะเบียนเป็นคณะบุคคลด้วย หากคณะบุคคลมีเงินได้จากค่าเช่า ก็ยังไม่ผิดปกติ แต่ที่พบคือ เป็นเครือข่าย มีคนหนึ่งอยู่ในคณะบุคคลเป็น 100 คณะ แล้วกระจายฐานภาษีมา เพื่อไม่ต้องเสียภาษี เพราะได้คืน ซึ่งปีนี้ตรวจพบคณะบุคคลลักษณะนี้กว่า 200-300 กลุ่ม มีการขอคืนภาษีมากกว่าหลักสิบล้านบาทแล้ว จากปีก่อนขอคืนถึง 45 ล้านบาท กรมจะระงับการคืนภาษีไว้ก่อน และส่งเรื่องให้สรรพากรพื้นที่ สรรพา กรภาคไปตรวจสอบต่อไป

นายศานิต กล่าวเพิ่มเติมว่า เท่าที่ตรวจสอบแล้ว ดูเหมือนว่ามีสำนักงานบัญชีเป็นผู้คิดวิธีการให้ ดังนั้น กรมก็จะไปตรวจสอบถึงสำนักงานบัญชีต่างๆ ด้วย อนาคตจะเสนอให้แก้กฎหมายเพื่อไม่ให้มีการจัดตั้งคณะบุคคล เพราะเป็นช่องว่างทางกฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมากฎหมายไม่ได้ระบุชัดเจน เพียงแต่ถือปฏิบัติกันมา

สำหรับยอดผู้ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีผ่านทางอินเตอร์เน็ตในปีงบ 51 นั้น มีผู้ยื่นแบบทั้งหมด 69% จากจำนวนผู้ที่เสียภาษีทั้งหมด ลดลง 700,000 ราย เมื่อเทียบกับปี 50 ที่มียอดผู้ยื่นแบบผ่านทางอินเตอร์เน็ต 73% เนื่องจากติดปัญหาเรื่อง พ.ร.บ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ทำให้มีปัญหาในขั้นตอนของการลงทะเบียนมาก จึงเข้าระบบของกรมสรรพากรได้ยากขึ้น และมียอดขอคืนภาษี 12,000 ล้านบาท