ประธานวุฒิสภา จัดคิว ส.ว.อภิปรายเรียงประเด็น ใช้เวลาคนละ 10 นาที หลังจากนั้นเปิดโอกาสให้รัฐบาลชี้แจง เชื่อหลังจบการอภิปรายสถานการณ์ทางการเมืองน่าจะคลี่คลาย
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา อภิปรายฯ
วันนี้ (23 มิ.ย.) นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา กล่าวถึงการอภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ว่าได้มีการจัดลำดับ ส.ว.ประมาณ 30 คนไว้แล้ว โดยให้ ส.ว.อภิปรายทีละประเด็นๆ ละประมาณ 3-4 คน ใช้เวลาคนละ 10 นาที จากนั้นจะให้ตัวแทนฝ่ายรัฐบาลชี้แจง ส่วนหัวข้อที่จะใช้ในการอภิปรายมีครอบคลุมทั้งหมด รวมทั้งกรณีการขึ้นทะเบียนเขาพระวิหาร
นายประสพสุข กล่าวอีกว่า ส.ว.จะอภิปรายถึงการปฏิบัติหน้าที่เท่านั้น โดยไม่ลงลึกในเรื่องส่วนตัว ทั้งนี้ หากนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี มาเป็นผู้ชี้แจงตามที่เป็นข่าว ถือเป็นเรื่องที่ยอมรับกันได้ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าหลังการอภิปรายสถานการณ์ทางการเมืองน่าจะคลี่คลายลงไปตามลำดับ
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการประชุมสมาชิกวุฒิสภา เพื่อขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลโดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 161 เริ่มขึ้นเมื่อเวลาในเวลา 09.30 น. โดยมีนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภาทำหน้าที่ในการประชุม
นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา อภิปรายว่า นายกฯดูเหมือนไม่เข้าใจการชุมนุมไม่เช่นนั้นคงไม่พูดว่าเป็นม็อบข้างถนน ซ้ำยังกล่าวว่าการชุมนุมของประชาชนมีเบื้องหลัง หรือกล่าวถึง....หัวเถิก ซึ่งเวลานี้ประชาชนคนไทยในปัจจุบันมีพัฒนาการทางการเมืองไปมาก แต่นายกฯและรัฐบาลที่ไม่เข้าในระบอบประชาธิปไตย.ที่เป็นจริง เมื่อไม่เข้าใจก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ยิ่งกว่านั้นปัญหาจะลุกลามเข้าไปอีก วันนี้สังคมไทยก้าวหน้าเกินระบบรัฐสภาไประดับหนึ่ง ต้องเร่งระบบรัฐสภาให้ก้าวทันประชาชนถ้ารัฐบาลก้าวไม่ทัน วังวนก็จะเหมือนเดิมไม่ผ่านวิกฤต ไม่ใช่คิดว่าผ่านการเลือกตั้งมาแล้วทำอะไรก็ได้ รัฐบาลจะต้องปรับพฤติกรรม เพราะประชาชนต้องการนักการเมืองที่ดีมีธรรมาภิบาล อันมีชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
ขณะเดียวกัน ฝ่ายการต้องเปิดใจการเมือง ให้ภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการการเมือง ซึ่งนายกฯอาจจะไม่ชินกรเรียกร้องของประชาชน ยุคนี้จะมาคิดว่ามาจากการเลือกตั้งแบบเก่าไม่ได้ที่มีการใช้อำนาจทางการเมืองเข้าไปแทรกแซง เช่น เรื่องการแต่งตั้งโยกย้าย หาประโยชน์โครงการของรัฐ ซึ่งประชาชนจะลุกขึ้นมาประท้วง นายกรัฐมนตรีจึงจำเป็นต้องคิดใหม่ปรับพฤติกรรม เดิมๆ ออกไป ไม่ใช่ใช้ปากเป็นหลักสมองเป็นรอง บางคนพูดว่ารัฐบาลทำงานมา 4 เดือนมาอภิปรายอะไร ในทางกลับกันต้องดูว่าทำไมรัฐธรรมนูญเพิ่งใช้ทำไม่ต้องรีบ ซึ่งรัฐบาลชุดนี้ผิดพลาดมาจากรัฐาลชุดที่แล้ว มีส่วนทำให้เกิดปัญหาใหม่และปัญหาเก่าที่ยังไม่ได้แก้ไขเพิ่มเข้าไปอีก
นายคำนูณ อภิปรายต่อว่า ตนขอเรียกรัฐชุดนี้ เป็นรัฐบาลชุด 10 ไม่ คือ 1.รัฐบาลไม่เข้าใจการเมืองใหม่ 2.เป็นรับบาลไม่เคารพประชาชน เคารพแต่พรรค 3.ไม่จัดสรรบุคคลากรที่เหมาะสม 4.ไม่มีทิศทางชัดเจนในการแก้ปัญหาชาติยุควิกฤตเศรษฐกิจ 5.ไม่ยึดถือหลักธรรมาภิบาลทำลายกระบวนการยุติธรรม 6.ขาดเอกภาพในการบริหารราชการแผ่นดิน 7.ไม่ถือผลประโยช์ส่วนรวมแต่ถือประโยชน์ของพรรคและพวกพ้อง 8.ไม่มีวุฒิภาวะขาดภาวะผู้นำ วันนี้พูดอย่างพรุ่งนี้พูดอีกอย่าง 9.ไม่รักษาผลประโยชน์ประเทศชาติ เช่นกรณีเขาพระวิหาร เอื้อกลุ่มทุนต่างชาติ และ 10.ไม่แสดงออกถึงปกป้องสถาบันกษัตริย์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีพฤติกรรมปกป้องช่วยเหลือ เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญล้มล้างสถาบันกษัตริย์ ไม่รับรองสถานะองค์มนตรี
