"กล้านรงค์ จันทิก” แจงเหตุ คตส.ไม่ไปพบ ตร.ตามหมายเรียกคดีหมิ่น “แม้ว” เพราะตามกฎหมาย หากโทษจำคุกไม่ถึง 3 ปี ไม่ต้องออกหมายจับ อีกทั้งยังไม่ได้หลบหนี ย้ำไม่ได้มีอภิสิทธิ์เหนือใคร ชี้ เตรียมพร้อมโอนถ่ายงานให้ ป.ป.ช.แล้ว คาดคดีต่างๆ ที่โอนไปจะทำต่อได้ทันที
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ คมชัดลึก
วานนี้ (9 มิ.ย.) นายกล้านรงค์ จันทิก คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) และ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้สัมภาษณ์ในรายการ คมชัดลึก ทางสถานีโทรทัศน์ เนชั่นแชนนัล ดำเนินรายการโดยนางสาวจอมขวัญ หลาวเพชร ถึงกรณีการส่งงานต่อจาก คตส.ไปให้ ป.ป.ช.เนื่องจาก คตส.จะหมดวาระลงวันที่ 30 มิถุนายนนี้ว่า ในเรื่องของการถ่ายโอนคดีต่างๆ นั้นไม่มีปัญหาอะไรอย่างแน่นอน ซึ่งตอนนี้ คตส. ก็ได้มีการตั้งคณะทำงานและประชุมร่วมกับ ป.ป.ช.เพื่อทำความเข้าใจร่วมกันแล้วทั้งในส่วนของคดีที่ค้างอยู่ และแนวทางการถ่ายโอนทรัพย์สิน
ส่วนกรณีที่ประชุม คตส.วันนี้ มีมติไม่เดินทางไปพบพนักงานสอบสวนของกองปราบปราม ตามหมายเรียกคดีหมิ่นประมาท พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 2 ในวันพรุ่งนี้ ว่า สาเหตุที่ คตส.มีมติเช่นนี้ ก็เนื่องจากเราเห็นว่าเป็นการต่อสู้ไปตามกระบวนการตามกฎหมาย ตามปกติ เพราะในกฎหมายก็ระบุไว้ชัดว่า ในการที่จะออกหมายจับนั้นจะต้องมีหลักฐานอันสมควรว่าบุคคลใดกระทำความผิดตามกฎหมายอาญา ซึ่งมีโทษเกินกว่า 3 ปี ซึ่งโทษในข้อหาที่ คตส.ถูกกล่าวหาก็ไม่ถึง อีกทั้งเราก็ไม่ได้ไปหลบหนี หรือยุ่งกับพยานหลักฐาน และข้อสุดท้ายในการที่เราไม่ไปพบตามหมายเรียก เราก็มีข้อแก้ต่างตามสมควรที่เราได้ทำการชี้แจงไปดังนั้น คตส.จึงมีมติว่า หากพนักงานสอบสวนจะออกหมายจับ ทางเราก็ขอให้มีการไต่สวนประกอบการออกหมายจับ เพื่อเราจะขอเอาทนายของเราไปซักค้านพนักงานสอบสวน แต่หากสรุปออกมาแล้วศาลอนุมัติหมายจับเราก็พร้อมจะทำตาม
ต่อคำถามว่า มองการทำงานของตำรวจอย่างไร ยังเชื่อใจตำรวจได้หรือไม่ นายกล้านรงค์ กล่าวว่า ตนไม่มีความเห็นในเรื่องนี้ รู้เพียงแต่ว่าเมื่อพนักงานทำอย่างนี้เรามีข้อกฎหมายที่สู้ได้เราก็สู้ไปตามกฎหมาย แต่สุดท้ายแล้วทุกคนก็ไม่ได้อยู่เหนือกฎหมาย ทุกคนรวมถึง คตส.ก็อยู่ภายใต้กฎหมายเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ ในรายการยังได้สนทนากับ นายโกมล แซ่เอี๋ยว กรรมการฝ่ายวิชาการ กลุ่มพลเมืองวิวัฒน์ กล่าวถึงสาเหตุที่ไปฟ้องให้ คตส.ให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ได้แล้ว งานที่มีอยู่ก็ถ่ายโอนไปให้ ป.ป.ช.ดำเนินการต่อเนื่องจากทางกลุ่มมองว่าที่มาของ คตส.ก็คือ เป็นผลิตผลของ คมช. ซึ่งเป็นผลิตผลที่สร้างขึ้นมาเพื่อหวังทำลายล้างทางการเมือง ซึ่งภารกิจของกลุ่มพลเมืองวิวัฒน์ ก็คือ ต่อสู้กับ คมช.เรียกร้องให้ระบบการปกครองมีความเป็นประชาธิปไตยมากที่สุด รวมถึง ตอนนี้เราก็สนับสนุนให้มีการแก้ รธน. ที่มาจาก คมช. ด้วย ดังนั้นการเรียกร้องให้ คตส.หยุดปฏิบัติหน้าที่จึงเป็นแนวทางหนึ่งของทางกลุ่มที่ต้องการจะต่อสู้กับอำนาจ คมช. และต่อคำถามว่า หากพ้นวันที่ 30 มิ.ย.นี้แล้ว เมื่อ คตส.หมดอำนาจลง ทางกลุ่มพลเมืองวิวัฒน์จะทำอย่างไรต่อไป นายโกมล กล่าวว่า ก็คงไม่ทำอะไรต่อไป เพราะ คตส.ก็หมดหน้าที่ไปแล้วเรื่องของคดีก็ถูกโอนไปที่ ป.ป.ช.แล้ว ก็คงไม่มีเรื่องอะไรต้องทำอีก
ขณะที่ ดร.เจษฎ์ โทณวณิก อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม กล่าวว่า ไม่อยากให้มองว่า ตกลงแล้วที่มาของ คตส.ชอบหรือไม่ มาจากใครเป็นคนแต่งตั้ง เพราะหากคิดแค่นั้นก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรกับประเทศชาติเลย ทางที่ดีเราควรมามองว่าในเมื่อมี คตส.ขึ้นมาแล้ว หลักฐานข้อมูลมากมายที่ คตส.รวบรวมเอาไว้จะเร่งส่งให้ศาลพิจารณา เพื่อหาความยุติธรรมให้แก่ทุกฝ่าย เพื่อให้ประเทศเราดีขึ้น
