“สุริยะใส” หยาม “หมัก” หน้าบางไม่ไขก๊อก ชี้พิรุธเปลี่ยนวันจ้อกะทันหันเพื่อโจมตีการชุมนุมของ “พันธมิตรฯ” กระทบต่อความมั่นคงของชาติ ปูดซ้ำอาจจะประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะแอบเซ็นเอาไว้แล้วล่วงหน้า
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสุริยะใส กตะศิลา ปราศรัย
วันนี้ (31 พ.ค.) นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานเครือข่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นเวทีปราศรัยถึงกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตี เลื่อนออกรายการสดไปเป็นวันที่ 31 พ.ค.ในช่วงเช้า ว่า เราจะดูว่านัยยะของนายสมัคร คือ เขาจะมีท่าทีต่อการชุมนุมอย่างไร ที่สำคัญเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา ตนพร้อมด้วยแกนนำพันธมิตรฯ ได้เดินทางไปยื่นรายชื่อ 31,881 รายชื่อแสดงตนต่อประธานวุฒิสภา เพื่อถอดถอน ส.ส. และ ส.ว. โดยเราใช้เวลารวบรวมรายชื่อทั้งหมดเพียง 4 วัน ซึ่งนี่เป็นการเล่นตามเกม และตามกติกา
“ระหว่างที่เรารอที่จะส่งมอบรายชื่อให้กับประธานวุฒิสภา แล้วจะกลับบ้าน บังเอิญมี ส.ว.กลุ่มหนึ่งเดินมาบอกว่า จะถอนชื่อเพื่อให้ทำญัตติตกไป แล้วเราจะว่าอย่างไร พี่พิภพ ธงไชย ก็บอกไปว่า ไม่ใช่เรื่องของพวกผมที่จะตอบคำถาม จากนั้นผมจึงถามออกไปด้วยว่า ทำไมพวกคุณเพิ่งมาคิดได้ตอนที่พันธมิตรฯ กำลังจะดีเดย์ ทั้งๆ ที่เป็นความรับผิดชอบของพวกคุณ โดยหลังจากยื่นเรื่องเสร็จแล้ว ข่าวออกมาว่าญัตติตกไปแล้ว เพราะ ส.ว.ไปถอนรายชื่ออกอีก 7 คน เหลือเพียง 123 เสียง ซึ่งไม่ครบ 124 เสียง คือ ไม่ถึง 1 ใน 5 ของ ส.ส. และ ส.ว.ที่ลงรายชื่อตามกฎหมาย เป็นเหตุให้ผู้สื่อข่าวโทรเข้ามาถามผมทันทีว่า พันธมิตรฯ จะชุมนุมต่อหรือไม่ เพราะนายจักรภพ ก็ลาออกแล้ว ผมก็ตอบไปว่า ตอบยากมาก และแกนนำพันธมิตรฯ ก็รู้”นายสุริยะใส กล่าว
นายสุริยะใส กล่าวอีกว่า แต่คนที่ดูเราอยู่มีเยอะมาก และแอบลุ้นเราก็เยอะ ฉะนั้นความเป็นเหตุเป็นผลของผู้ชุมนุม และจุดยืนของการนำในครั้งนี้สำคัญมาก ดังนั้นตนจึงไม่รับโทรศัพท์จากสื่อมวลชน และเฝ้ารอคำตอบจากพรรคพลังประชาชนที่เขาจะมีท่าทีอย่างไร แต่คำตอบ คือ พรรคพลังประชาชนดื้อดึง โดยยังเดินหน้ายื่นญัตติทันทีหากมีการเปิดสภาวิสามัญ ตนจึงพูดกับตัวเองว่า เรามั่นใจได้แล้วว่า สิ่งที่เราจะเคลื่อนไหวต่อไปนี้มีความชอบธรรม แล้วหลายคนจะอยู่กับเรา รวมทั้งเราจะมีคนเข้ามาเพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก
“ทันทีที่การชุมนุมเมื่อคืนวันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา แนวร่วมหลายคนที่ไม่สบายใจต่างโทรมาบอกว่า วันนี้เราชนะ เพราะเราตอบสังคมได้ว่าทำไมวันนี้เราถึงต้องชุมนุมยืดเยื้อ และเชื่อเหลือเกินว่าวันนี้ตอน 9 โมงเช้า เราจะใช้เวทีแห่งนี้ถ่ายทอดสดเพื่อฟังคำแถลงของนายกฯ ว่าจะมีท่าทีต่อการชุมนุมของเราอย่างไร แต่ผมเชื่อว่าสิ่งนายกฯ จะประกาศ คือ 1.ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งว่ากันว่านายกฯ ได้เซ็นเอาไว้แล้ว แต่รอจังหวะ และโอกาสที่เหมาะสม 2. กล่าวหา และโจมตีการชุมนุมของเราว่ากระทบต่อความมั่นคง เป็นภัยต่อประเทศ และทำให้เศรษฐกิจพัง ซึ่งตนไม่เชื่อว่านายสมัคร จะหน้าบางพอที่จะลาออกเพราะความล้มเหลวกับการบริหารบ้านเมืองตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา ดังนั้นผมจึงอยากฟังเสียงจากพวกเราเหมือนกันว่า แนวทางต่อจากนี้ไปจะเป็นอย่างไร”นายสุระใส กล่าว
นายสุริยะใส กล่าวอีกว่า ที่ตนตะลึงมากคือมวลชนที่มาวันนี้ เพราะสื่อระบุว่ามีจำนวนเหยียบแสนคน หรือเกินแสนคน ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับเมื่อ 2-3 ปี ที่เราต่อสู้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ท้องสนามหลวงนั้น ในวันนี้มากกว่าทั้งจำนวนคน เงินบริจาค และข้าวปลาอาหาร ซึ่งมีมากจนไม่มีที่เก็บ จึงต้องขอบคุณพ่อแม่พี่น้อง ส่วน 5 แกนนำฯ นั้น ตนสามารถสัมผัสได้ถึงพัฒนาการในเรื่องช่องว่างทางความคิด เนื่องจากมีความเป็นหนึ่งเดียวกัน ขอใช้คำว่า แค่มองตาก็รู้ใจ และไปไหนไปด้วย ดังนั้นข่าวที่ออกมาว่า 5 แกนนำฯ แตกกันนั้นจึงตกไป
“สิ่งที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง คือ การต่อสู้ครั้งนี้ ถ้าเราจะตะโกนออกไปว่า “ทักษิณ ออกไป” เราจะต้องหนักแน่นขึ้น และมั่นใจว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังเป็นปัญหาของแผ่นดิน เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ คงไม่ตอบโต้เหมือนตอนที่ตัวเองนั่งเป็นนายกฯ เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ส่วนที่นายสมัคร จะตอบโต้ในช่วงเช้าวันนี้ ก็ไม่มั่นใจว่าเป็นความเห็นเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ฉะนั้นโจทย์การต่อสู้รอบใหม่จึงซับซ้อน และซ่อนเงื่อนมากกว่าเดิม เพียงแต่เราต้องยึดหลักให้มั่นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังมีอำนาจคุมเกมทั้งหมด ไม่ได้อยู่ที่นายสมัคร ซึ่งไม่ต้องพิสูจน์ แต่ปรากฏการณ์ที่แสดงออกมาในบางช่วงมันมีรายละเอียดเยอะ เช่น ใครบอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ให้นายจักรภพ ลาออกแล้ว แต่นายสมัคร ไม่ให้ออก โดยบริบทอย่างนี้อาจทำให้เราโลเล หรือขาดความมั่นใจได้ ฉะนั้นเราต้องมั่นใจว่าระบอบทักษิณ ยังไม่ตาย จึงต้องใช้ยาแรง”นายสุริยะใส ระบุ
ส่วนยาแรงที่จะเอามาใช้ จะต้องเป็นการทำรัฐประหารหรือไม่นั้น นายสุริยะใส กล่าวว่า พี่น้องพันธมิตรฯ บอกว่าอย่ามายุ่ง เพราะประชาชนจะเป็นผู้จัดการเอง หลายคนอาจจะมั่นใจว่าการทำรัฐประหารอาจจะเป็นทางออก แต่ความคิดทางการเมืองของพวกเราในขณะนี้นั้น เราแบกมาถึง 2 ข้อ คือ 1.เราจะไล่ระบอบทักษิณ และจะกู้ชาติกันอย่างไร 2.เราจะสร้างชาติไปให้ไกลกว่ารัฐบาลขิงแก่ได้อย่างไร โดยที่มีเราเป็นส่วนร่วม และเป็นเจ้าของประเทศอย่างแท้จริง ที่สำคัญ คือ ที่พักระหว่างทางมีน้อยกว่าการต่อสู้ครั้งที่แล้ว เพราะเราไม่รู้ว่าจะต้องชุมนุมอีกกี่วัน และไม่รู้ว่าจะจบอย่างไร ฉะนั้นจึงเชื่อว่าทุกปัญหามีทางออก เพราะหลายความคิดที่มีประสบการณ์ จะช่วยทำให้พวกเราได้รับชัยชนะในเร็ววันนี้