ส.โรงแรมสับรัฐไม่คุมกำเนิดห้องพัก ทำล้นตลาด-ราคาขายตามเพื่อนบ้าน

ศูนย์ข่าวศรีราชา - อุปนายกสมาคมโรงแรม จี้รัฐเร่งศึกษาเชิงเจาะลึกจำนวนห้องพักที่มีอยู่ทั่วประเทศ หลังพบกระแสเติบโตไม่สอดคล้องกับยอดนักท่องเที่ยวจนทำให้ราคาที่พักของไทยวิ่งตามหลังประเทศเพื่อนบ้าน ยกมาเลเซีย และเวียดนาม ที่ประสบความสำเร็จด้านการควบคุมจำนวนห้องพักให้รัฐบาลศึกษา ก่อนราคาขายห้องพักไทยจะสู้ใครไม่ได้ เผยรัฐบาลและ ททท.ต้องให้ความสำคัญต่อนักท่องเที่ยวคุณภาพ มากกว่ามุ่งเน้นตัวเลขนักท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว

นายชัชวาล ศุภชยานนท์ อุปนายกสมาคมโรงแรม และนายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก เผยถึงผลกระทบจากจำนวนห้องพักทั่วประเทศที่มีมากจนเกินไปและไม่สอดคล้องกับยอดการเติบโตของนักท่องเที่ยวว่า กำลังทำให้ผู้ประกอบการด้านที่พักขาดความมั่นใจ ในการปรับราคาขายให้ทัดเทียมกับนานาประเทศ ทั้งที่งานบริการของไทยได้มาตรฐานสากล

ประกอบกับในช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลไม่เคยสนใจในการควบคุมจำนวนห้องพักเกิดใหม่ แต่กลับส่งเสริมให้มีการขยายการลงทุนด้านที่พักอย่างต่อเนื่อง โดยไม่คำนึงถึงความสมดุลระหว่างจำนวนห้องพักกับนักท่องเที่ยว ทำให้ราคาขายห้องพักระดับ 5 ดาว ไม่สามารถแข่งขันกับประเทศเวียดนามหรือแม้แต่ประเทศเพื่อนบ้าน ที่กำลังเป็นคู่แข่งด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญได้

“รัฐบาลควรศึกษาว่าจำนวนโรงแรม 5 ดาวหรือโรงแรมระดับอื่นๆ ในประเทศ เมื่อเทียบกับจำนวนนักท่องเที่ยวแล้วห้องพักที่มีอยู่เพียงพอหรือไม่ ไม่ใช่เน้นแต่สนับสนุนให้เกิดการลงทุนใหม่อย่างเดียว และควรศึกษาการควบคุมจำนวนห้องพักของประเทศมาเลเซียและเวียดนามเป็นตัวอย่าง เพราะรัฐบาลเขาทำได้สำเร็จ ทำให้ราคาห้องพักของเขาในวันนี้ล้ำหน้าผู้ประกอบการไทยไปมาก”

อุปนายกสมาคมโรงแรม ยังกล่าวอีกว่า สิ่งที่ส่งผลกระทบต่อการปรับราคาห้อง พักของโรงแรมในประเทศมากที่สุด คือ ธุรกิจที่ไม่ใช่โรงแรม คือ กลุ่มเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ คอนโดมิเนียม และเกสต์เฮาส์ ที่ผันตัวเองมาเป็นโรงแรมและแย่งชิงนักท่องเที่ยวที่มีอยู่จำกัดให้กระจายออกไป ด้วยการเสนอราคาที่ต่ำกว่าการเข้าพักในโรงแรม ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบันเมื่อพบว่าซัปพลายไม่สอดคล้องต่อความต้องการ ยิ่งก่อให้เกิดการแข่งขันด้านราคามากขึ้น ที่สำคัญยังก่อให้เกิดการหั่นราคาค่าที่พักแข่งระหว่างผู้ประกอบการโรงแรมด้วยกัน จนส่งผลต่อราคาในภาพรวม

“ในปีนี้หากรัฐบาลไม่สนับสนุนกลยุทธ์ต่างๆ ที่จะส่งเสริมการท่องเที่ยวให้ทัดเทียมนานาชาติทั้งๆ ที่เรามีจุดขายมากมาย สถานการณ์การเข้าพักทั่วประเทศจะย่ำแย่แน่นอน ทั้งนี้รัฐบาลหรือ ททท.จะมองเพียงแค่จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมองนักท่องเที่ยวว่ามีคุณภาพ และกำลังซื้อมากน้อยเพียงใด” นายชัชวาล กล่าวและว่า

ตราบใดที่รัฐบาลไม่ควบคุมการเกิดใหม่ของจำนวนห้องพัก ผู้ประกอบการโรงแรมไทยจะไม่สามารถพัฒนาราคาค่าที่พักให้ทัดเทียมต่างประเทศได้ และสิ่งที่ต้อง ฝากไปยังรัฐบาลหรือผู้ที่เกี่ยวข้องก็คือ ประเทศไทยควรมีนโยบายระยะยาวเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาดังกล่าว เพื่อให้การท่องเที่ยวของไทยโดยเฉพาะผู้ประกอบการโรงแรมสามารถปรับราคาที่พักให้แข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านได้

นายกพัทยาคนใหม่ ต้องช่วยธุรกิจช่วงโลว์ฯ

นายชัชวาล ยังเผยถึงสถานการณ์ด้านห้องพักของเมืองพัทยา ในฐานะนายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออกว่า ห้องพักที่มีมากกว่า 8 หมื่นห้องในปัจจุบันไม่นับรวมที่กำลังดำเนินการก่อสร้างอีกจำนวนมาก ทั้งในส่วนของผู้ประกอบการที่จดทะ เบียนถูกต้องและไม่ถูกต้อง รวมทั้งธุรกิจที่ไม่ใช่โรงแรม ได้ทำให้ตลาดห้องพักของเมืองพัทยาเกิดปัญหาโอเวอร์ซัปพลาย

ขณะที่การอัปราคาค่าห้องพักกลับทำได้ในบางตลาดเท่านั้น เช่นระดับ 5 ดาวที่กลุ่มผู้เข้าพักมีกำลังซื้อสูง แต่ในภาพรวมก็ยังสู้ราคาของภูเก็ตไม่ได้เนื่องจากภูเก็ตมีนักท่องเที่ยวคุณภาพ และแม้สมาคมฯ จะพยายามยกระดับราคาให้ดีเท่าภูเก็ตแต่ก็ยังทำไม่ดีเท่าที่ควร

เช่นเดียวกับความพยายามในการปรับภาพลักษณ์ทางการท่องเที่ยวให้ต่างชาติรู้ว่า พัทยาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีมาตรฐาน งานบริการระดับเวิลด์คลาส ซึ่งหากแก้ไขในจุดนี้ได้ราคาขายห้องพักในพัทยาจะดีขึ้น

“สมาคมฯ ได้เสนอต่อผู้สมัครเลือกตั้งนายกพัทยาทุกคนว่า นายกเมืองพัทยาคนใหม่ต้องมีแนวทางที่ชัดเจนในการช่วยเหลือผู้ประกอบการโรงแรมและธุรกิจท่อง เที่ยวในช่วงโลว์ซีซัน ทั้งในเรื่องของการหาตลาดใหม่หรือแม้แต่ดึงประเทศแถบตะวันออกกลางที่มีกำลังซื้อสูงให้กลับเข้ามา เช่นเดียวกับตลาดอินเดียที่กำลังน่าสนใจ ซึ่งหากผู้สมัครท่านใดมีนโยบายในลักษณะนี้เราก็พร้อมให้การสนับสนุน”

นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก เผยอีกว่า การควบคุมจำนวนห้องพักในเมืองพัทยา เป็นเรื่องที่จังหวัดหรือแม้แต่เมืองพัทยาเองต้องคิดร่วมกันว่าสามารถทำได้มากน้อยเพียงใด เพราะปัจจุบันอยู่ในภาวะโอเวอร์ซัปพลายแล้ว และแม้การแข่งขันด้านราคาในเมืองพัทยาจะไม่รุนแรง เพราะกลุ่มผู้เข้าพักแยกตลาดกันอย่างชัดเจน โดยเห็นได้ชัดว่าตลาดล่างกำลังไปได้ดี แต่การเข้ามาลงทุนใหม่ของกลุ่มโรงแรมระดับ 5 ดาวที่มีอย่างต่อเนื่องจะเป็นตัวแชร์ตลาดระดับบนที่มีอยู่จำกัด

“ภาพรวมผลประกอบการของผู้ประกอบการโรงแรมในเมืองพัทยาปี 2550 ไม่ดีเท่าปี 2549 เพราะการลงทุนภาคอุตสาหกรรมในภาคตะวันออกเกิดขึ้นน้อย ทำให้นักธุรกิจที่เดินทางเข้าพักในพื้นที่น้อยลง ขณะที่จำนวนห้องพักที่มากขึ้นทำให้กลุ่มผู้เข้าพักระยะยาวและกลุ่มผู้ทำงานชาวต่างชาติถูกแชร์ออกไป สิ่งนี้น่าเป็นห่วงมากหากประเทศไทยยังไม่สามารถกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมใหม่ๆ ได้ แต่รัฐบาลกลับส่งเสริมให้เกิดการก่อสร้างโรงแรมใหม่แทน” นายชัชวาล กล่าว