ผู้นำฝ่ายค้านสุดทนทัศนคติของ “เพ็ญ” อันตรายต่อสถาบัน เตรียมทำจดหมายส่งข้อมูลถึงนายกฯ ให้ตาสว่างและเร่งจัดการโดยด่วน ชี้คนรอบตัวล้วนมีปัญหา ขณะเดียวกัน กรณีเขาพระวิหาร และเขตเศรษฐกิจทับซ้อน เป็นเรื่องของอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติจะนำไปแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันไม่ได้
วันนี้ (13 พ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า กำลังเตรียมทำจดหมายถึง นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับความกังวลต่อทัศนคติของนายจักรภพที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนจึงไม่อยากให้เป็นปัญหาทางการเมือง แต่ก็ต้องทำหน้าที่ฝ่ายค้านเพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติ และปกป้องสถาบันของชาติ ซึ่งตอนนี้กำลังหารูปแบบที่จะทำอย่างไรเพื่อสะท้อนความรู้สึกไปถึงนายกรัฐมนตรีให้รับทราบ และขอยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องเกมการเมืองอะไรทั้งสิ้น ถ้าพูดตามตรงนายจักรภพก็ไม่ใช่เป็นคนที่สลักสำคัญถึงขนาดที่ว่าจะต้องเอาเป็นเอาตายกัน แต่เป็นเรื่องของความถูกต้อง จึงอยากให้นายกรัฐมนตรีรับข้อมูลต่างๆ ให้รอบด้าน ใจกว้าง และดำเนินการในสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสม ส่วนข้อมูลที่จะมอบให้แก่นายกรัฐมนตรีนั้นจะเป็นข้อมูลที่เป็นเรื่องละเอียดอ่อน
ถามว่า คิดว่านายกรัฐมนตรีจะรับฟังข้อมูลที่ส่งให้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หวังว่าจะให้นายกรัฐมนตรีรับฟัง เพราะสิ่งที่เราได้พบเห็นไม่ใช่สิ่งที่มาชี้แจงหรือพยายามปัดออกไปง่ายๆ เป็นเรื่องที่อยากให้คนเป็นรัฐบาลได้ให้ความสนใจและใส่ใจอย่างจริงจัง
เมื่อถามว่าข้อมูลที่จะส่งไปให้มีเนื้อหาร้ายแรงถึงขั้นไหน ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวว่า ถ้าใครมีโอกาสได้เห็นการถอดเทป ซึ่งตอนนี้ก็มีความพยายามที่จะเบี่ยงเบนว่าเป็นปัญหาที่การแปล พวกตนหลายคนคุ้นเคยกับภาษาอังกฤษจึงเข้าใจประเด็นของการปาฐกถาเป็นอย่างดี จึงรู้ว่าเป็นทัศนคติที่อันตราย อย่างไรก็ตาม ไม่ขอยกตัวอย่างในรายละเอียดเพราะเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก ซึ่งได้มีคนไปแจ้งความดำเนินคดีในเรื่องนี้เอาไว้แล้ว และในกระบวนการที่จะทำต่อไปก็มีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องคำนึงถึง แต่ในทางบริหารหรือทางการเมืองมีหลายเรื่องที่น่าจะทำได้ อย่างน้อยนายกรัฐมนตรีก็ควรรับรู้รับทราบเอาไว้ถึงความห่วงใยของหลายๆ ฝ่ายในสังคม
“เราต้องการให้นายกฯ รับทราบข้อมูล แล้วนายกฯ ต้องตัดสินใจว่าบุคคลที่มีทัศนคติเช่นนี้ สมควรจะได้รับความไว้วางใจ นอกเหนือจากการได้เป็นส่วนหนึ่งในการบริหารประเทศแล้วในการที่จะมีนโยบายต่อการนำเสนอข่าวสารให้แก่ประชาชนหรือไม่ ผมไม่ทราบว่านายกฯ จะให้ความสำคัญกับการดูข้อมูลตรงนี้มากน้อยแค่ไหน เพราะเท่าที่ฟังจากการสัมภาษณ์ที่ผ่านมา ผมมีความรู้สึกว่าท่านยังได้ลงรายละเอียดมากนัก และอาจจะเป็นการฟังความข้างเดียว ซึ่งตรงนี้จะเป็นปัญหา นายกฯ ปัดง่ายๆ ว่าเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ผมจะเสนอมุมมองเพื่อให้ท่านคิดเรื่องนี้ และขอยืนยันเรื่องนี้ไม่ได้มีเป้าหมายที่นายกฯ แต่เป้าหมายคือทำอย่างไรให้ความไม่สบายใจในเรื่องที่เป็นเรื่องสำคัญ และละเอียดอ่อนให้มันหมดไปจากสังคม เพื่อให้รัฐบาลเดินหน้าทำงานต่อไปได้” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า หวังว่าจะให้นายจักรภพแสดงสปิริตหรือไม่ ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวว่า ตนไม่ได้เสนอที่นายจักรภพ แต่เสนอที่นายกรัฐมนตรี ซึ่งเจ้าตัวก็ยืนยันว่าไม่ได้ไปทำอะไร แต่ว่าตนจะนำเสนอข้อมูลให้นายกฯ มองเห็นว่าความจริงแล้วมันเป็นอย่างไร
เมื่อถามต่อว่า นายกรัฐมนตรีย้ำอยู่เสมอว่าจงรักภักดีต่อสถาบัน ควรจะให้ความสำคัญในการจัดการเรื่องนี้เพื่อพิสูจน์ตัวเองหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่มีความสงสัยในตัวนายกฯ แต่ท่านต้องตระหนักว่าอยู่ในฐานะอะไรและสามารถทำอะไรได้
“เรากำลังบอกว่าคนรอบตัวของท่านมีปัญหา และกำลังมีกระบวนการต่างๆ ที่ดำเนินการทางสังคมอยู่ เมื่อท่านเป็นหัวหน้ารัฐบาลท่านต้องจัดการ”
นอกจากนี้ ผู้นำฝ่ายค้านยังกล่าวถึงกรณีที่ทางกัมพูชารายงานข่าวว่าประเทศไทยต่อรองเรื่องก๊าซธรรมชาติกับกรณีเขาพระวิหารว่า การที่เขาพระวิหารจะเป็นมรดกโลกหรือไม่ต้องว่าตามข้อเท็จจริง โดยจะต้องไม่ให้กระเทือนกับสิทธิอำนาจอธิปไตย ส่วนเรื่องของพื้นที่ทับซ้อนที่คาดการณ์กันว่าจะมีทรัพยากรธรรมชาติที่มีมูลค่ามาก ก็ควรหาทางว่าจะทำอย่างไรให้ประเทศไทยได้ประโยชน์จากตรงนี้ ซึ่งเราก็มีรูปแบบของมาเลเซียเป็นตัวอย่างที่ดีในการร่วมมือกัน แต่อย่าเอามาต่อรองหรือปะปนกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางกระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชาออกมายืนยันว่า ไทยเสนอต่อรองเรื่องผลประโยชน์ก๊าซธรรมชาติแลกกับพื้นที่ทับซ้อนเขาพระวิหาร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าเป็นเช่นนั้นนายกรัฐมนตรีคงต้องไปดูแล้ว ว่ามีใครกล้าที่จะแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ในลักษณะนั้น
เมื่อถามว่า ในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เคยมีข่าวเกี่ยวกับการแลกเขาพระวิหารเพื่อผลประโยชน์จาก๊าซธรรมชาติ คิดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งทีกำลังเกิดขึ้นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็มีการตั้งข้อสังเกตในเรื่องนี้อยู่ ซึ่งตรงนี้เป็นอีกกรณีหนึ่งที่อยากให้นายกฯ ได้จริงจัง และย้ำอีกครั้งว่าเรื่องแบบนี้ไม่มีใครตำหนินายกฯ หรือกล่าวหา แต่เขาบอกว่ามีคนในรัฐบาลบ้าง หรือมีกระบวนการรอบๆ ตัวนายกฯ จึงอยากเห็นนายกฯ จัดการกับเรื่องนี้เพื่อพิสูจน์การรักษาผลประโยชน์ของชาติ
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะอ้างได้หรือว่าแลกเขาพระวิหารแต่ได้ผลประโยชน์จากก๊าซธรรมชาติมา ถือว่าวิน-วิน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จะมองไปว่าเป็นเรื่อง วิน-วินไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องอธิปไตยบนผืนแผ่นดินของเรา ซึ่งตนก็ได้ถามไปว่า อย่างกรณีที่ไปตกลงกับประเทศมาเลเซียในพื้นที่ทักซ้อนก็ไม่เห็นมีการต่อรองอะไร เรื่องวิน-วินไม่ต้องเอามาเกี่ยวกับเขาพระวิหาร แต่เรื่องวิน-วินจะต้องไปเกี่ยวกับพื้นที่ทับซ้อนที่จะต้องพิจารณาร่วมกันเท่านั้นเอง