แกนนำ ปชป.รุมสับรัฐบาลหัวดื้อดึงดันแก้ รธน.ขณะที่ปัญหาปากท้องเป็นเรื่องสำคัญกว่า เชื่อ จุดชนวนปกป้องพวกพ้องเสี่ยงเผชิญหน้า แนะผู้คุมอำนาจทบทวนบทบาทตัวเอง
วันนี้ (30 เม.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เตือนสติรัฐบาลอีกครั้งให้ทบทวนในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่ เพราะขณะนี้เสียเวลาไปเดือนกว่าในการถกเถียงโดยที่ไม่มีอะไรชัดเจน สิ่งสำคัญคือ ควรหาจุดร่วม ซึ่งเชื่อว่าทุกฝ่ายพร้อมที่จะดูว่า รธน.มีจุดไหนบกพร่องอยู่ แล้วมาช่วยกันแก้ไข ถ้ารัฐบาลตั้งต้นอย่างนี้ทุกอย่างจะเดินไปได้ ลองคิดดูว่าถ้ารัฐบาลฟังในสิ่งที่ฝ่ายค้านได้เสนอความเห็นไปเมื่อเดือนที่แล้ว และเอาญัตติตั้งกรรมาธิการศึกษาเรื่องนี้ขึ้นมา วันนี้คงศึกษากันไปมากแล้ว แต่รัฐบาลกลับพยายามเอาเรื่องรัฐธรรมนูญให้เป็นเรื่องของตัวเอง ทำด้วยตัวเอง เพื่อตัวเอง จึงทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้งขึ้นมาในสังคม ดีที่สุดคือให้มีกระบวนการโดยฝ่ายต่างๆ เข้าไปมีส่วนร่วมในเนื้อหาสาระ ซึ่งมีขั้นตอนการประชุมร่วมสองสภา
“ผมยืนยันว่า แนวทางที่ดีที่สุด คือ ให้ฝ่ายต่างๆ เข้ามามีส่วนร่วม ในการแสดงความเห็นเพื่อหาจุดร่วมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ผมคิดว่าถ้ารัฐบาลมีความเป็นเอกภาพก็จะมีความชัดเจนยิ่งขึ้น แต่เรื่องรัฐธรรมนญก็ไม่ควรเป็นเรื่องของรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน แต่ควรหาฉันทามติของสังคม กระบวนการรัฐสภาควรได้แลกเปลี่ยนกันด้วย ส่วนจะทำประชามติหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับข้อตกลงที่จะแก้ไขมีประเด็นไหนที่จะโต้แย้งกันมากน้อยแค่ไหน ถ้าเรายังไม่รู้ว่าเนื้อหาที่ต้องการแก้จริง ๆ คืออะไร ก็ยากที่จะบอกว่าต้องทำประชามติหรือไม่ เพราะที่บอกแก้ทั้งฉบับในความจริงก็ไม่ใช่ เพราะข้อเท็จจริงแล้วโครงสร้างหลายอย่างของ รธน.ปี 40 และ 50 ตรงกัน จะมีประเด็นที่แตกออกมาว่าตรงไหนที่ควรแก้ไขและเปลี่ยนแปลงควรดูตรงนี้ก่อนแล้วการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะทำได้ง่ายขึ้น”
ผู้สื่อข่าวถามว่า ความเคลื่อนไหวนอกสภารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ควรจะยุติอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มันแรงขึ้นเพราะรัฐบาลพยายามเอาเรื่องของรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของตัวเอง เพื่อตัวเอง ไม่พยายามจะเอารัฐธรรมนูญมาแก้ปัญหา แต่พยายามแก้รัฐธรรมนูญเพื่อสร้างปัญหา เพราะฉะนั้นหากเงื่อนไขนี้ลดไปก็จะทำให้การเคลื่อนไหวนอกสภาลดลงไปด้วยส่วนที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เตรียมชุมนุมกลางแจ้ง และประกาศใช้สิทธิ์ปกป้องตัวเองหากถูกทำร้ายนั้น ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า อยากให้ทุกฝ่ายระมัดระวังในการเคลื่อนไหว โดยเริ่มต้นจากรัฐบาลปรับท่าทีเกี่ยวกับกระบวนการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญครั้งนี้ น่าจะทำให้สถานการณ์คลี่คลายลงได้ และรัฐบาลน่าจะเรียนรู้แล้วว่า ตลอด 1 เดือนที่ผ่านมาปัญหาจริงๆ คือว่า เมื่อใดก็ตามที่สังคมบางส่วนมองว่าเป็นการแก้ไขเพื่อตัวเอง มันจะมีเงื่อนไขของการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา
“ผมขอเตือน รมว.มหาดไทย ว่าควรทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย ควรรู้หน้าที่ตัวเองว่าการใช้สิทธิเสรีภาพควรส่งเสริมให้อยู่ในขอบเขตที่จะทำให้การดูแลความสงบเรียบร้อยทำได้ง่าย อยากให้ท่านไปทบทวนบทบาทของตัวเอง ว่าจริงๆ แล้วหน้าที่ของท่านคืออะไร สำหรับนายกรัฐมนตรี ถ้ายังยืนยันว่ารัฐบาลจะแก้รัฐธรรมนูญและขณะเดียวกันก็บอกว่าเป็นเรื่องของสภา ก็ขอให้ใช้กระบวนการของสภาให้สร้างสรรค์มีส่วนร่วมมากที่สุดก็จะเป็นทางออก"
ส่วนที่นายกรัฐมนตรีแสดงอารมณ์มากขึ้นคงเป็นเรื่องที่คนคุ้นเคยอยู่แล้ว แต่ปัญหาไม่ได้อยู่ที่อารมณ์ แต่อยู่ที่เนื้อหาสาระ การจัดลำดับความสำคัญ การนำพาประเทศชาติบ้านเมืองเป็นอย่างไร ถ้าท่านอารมณ์เสียแต่รัฐบาลเดินหน้าแก้ปัญหาให้ประชาชน
"ผมคิดว่าคนก็ไม่ติดใจ แต่ถ้าอารมณ์เสียแล้วสร้างผมขัดแย้งทางการเมือง ในขณะที่ความเดือดร้อนของประชาชนไม่ได้รับการแก้ไข ก็ทำให้การเมืองไม่สงบบ้านเมืองก็มีปัญหาตลอดเวลา ในส่วนของต่างชาติเขาก็พอจะทราบว่าบุคลากรทางการเมืองของไทยแต่ละคนเป็นอย่างไร แต่ที่สำคัญคือคนเป็นผู้นำประเทศต้องสร้างความเชื่อมั่นให้ได้ และตรงนี้ถ้านายกฯมีความแปรปรวนตลอดเวลา มันก็ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น"
นายอภิสิทธิ์ ยังได้กล่าวถึงการรับประทานอาหารกลางวันร่วมกับคณะนักธุรกิจต่างชาติ ซึ่งเป็นชุดเดียวกับที่ได้ไปพบนายกรัฐมนตรี ก่อนหน้านี้ ว่า จะได้อธิบายถึงสภาพเศรษฐกิจ การเมือง โดยรวมของประเทศให้เกิดความเข้าใจ รวมถึงประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยพูดถึงจุดยืนของพรรคเองว่า การที่จะทำให้ รธน.มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นเราไม่ขัดข้อง แต่ชี้ให้เห็นว่าปมความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในสังคมเป็นเพราะมีความวิตกกังวลกับการใช้อำนาจโดยมิชอบ ซึ่งเป็นที่มาของวิกฤตการเมืองตั้งแต่สองปีที่ผ่านมา
ด้าน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เชื่อว่า เวทีที่พรรคร่วมรัฐบาลจะถกปัญหาเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในที่สุดแล้วจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพราะมีประโยชน์ร่วมกันอยู่ แต่ที่มีการแสดงความเห็นแตกต่างออกมาในขณะนี้เป็นเพราะบางพรรคไปให้สัญญากับประชาชนเอาไว้ จึงจำเป็นตเองหาเหตุผลเพื่ออธิบายกับสังคม ซึ่งการที่นักการเมืองไม่รักษาสัญญาประชาคมก็ต้องยอมรับว่าเป็นสิ่งที่ทำให้ประชาชนเกิดความไม่เชื่อมั่นในตัวนักการเมืองมากขึ้น แต่อยากให้ดูเป็นรายบุคคล เพราะไม่ใช่ว่านักการเมืองจะไม่รักษาสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนทุกคน โดยในขณะนี้แนวทางที่ดีสุดคือการให้ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วม และพรรคประชาธิปัตย์ยังมีจุดยืนเดิม คือ ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อตัวเอง ส่วนจะถึงขั้นคว่ำบาตรการแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้หรือไม่ คงต้องรอดูเนื้อหาสาระที่รัฐบาลจะแก้ไขก่อนว่าเป็นอย่างไร
นายสุเทพ ยังแสดงความเป็นห่วงที่การเคลื่อนไหวนอกสภาเริ่มส่อเค้าว่าจะรุนแรงมากขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งเห็นว่าเป็นเพราะรัฐบาลไม่พยายามที่จะเข้าไปควบคุม นอกจากนี้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ยังยั่วยุ จึงถือเป็นรัฐมนตรีที่ไม่สามารถพึ่งหวังได้ว่าจะดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนได้ เพราะแม้แต่ปัญหาในภาคใต้ที่ควรเดินทางไปในพื้นที่ ร.ต.อ.เฉลิม ก็ยังไม่กล้าไป ส่วนท่าทีของ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี
โดยส่วนตัวก็เห็นว่าดีขึ้น เพียงแต่ไม่สามารถควบคุมลูกพรรคของตัวเองได้ ขณะเดียวกันลูกพรรคก็ยังขัดแย้งกันเอง ซึ่งถือเป็นปัญหาภายในของพรรคพลังประชาชน แต่ต้องระวังไม่ให้ปัญหาภายในนั้นมากระทบกับปัญหาของสังคมและประเทศชาติ โดยตนยังมองในแง่ดีว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้มีทางออก เพียงแต่รัฐบาลอย่าดึงดันที่จะแก้รัฐธรรมนูญเพื่อตัวเอง ทุกอย่างก็จะคลี่คลายไปได้ และนายรัฐมนตรีควรใช้อารมณ์ให้น้อยลงและใช้เหตุผลให้มากขึ้นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ยังเรียกร้อง ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แสดงความรับผิดชอบ ต่อกรณีที่มีการนำชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปเขียนทับไว้บนธงชาติไทยด้วยการขอโทษประชาชน
“ถึงเวลาแล้วครับที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะต้องขอโทษประชาชนเสียที เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นถือว่าเหยียบย่ำหัวใจคนไทยเป็นอย่างมาก หากพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ยอมถอยจะเอาแต่ประโยชน์ของตัวเอง สุดท้ายแล้วก็จะเป็นโทษกับตัวเองในที่สุด ส่วนที่จะอ้างว่าฝรั่งทำเองเพราะไม่รู้ธรรมเนียมไทยก็ฟังไม่ขึ้น เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้บริหารสโมสรฟุตบอลดังกล่าว มีอำนาจสั่งการให้ปลดธงที่มีข้อความไม่เหมาะสมลงได้ แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เลือกที่จะไม่ทำ”
นายสุเทพ กล่าวอีกว่า ไม่เชื่อที่แกนนำพรรคพลังประชาชนออกมาระบุว่าจะเล่นเกมในสภามากกว่านอกสภา โดยยกตัวอย่างการปิดเว็บไซต์ไฮทักษิณ ว่า ตนไม่เชื่อว่าคนเหล่านี้จะหยุดเพราะเว็บนี้ปิดไปก็มีเวปของ นพ.เหวง โตจิราการ ที่จะใช้ชื่อว่าฟ้าใหม่เกิดขึ้น ซึ่งอยากจะบอกกระบวนการเหล่านี้ว่าประชาชนที่มีความรักชาติศาสนา พระมหากษัตริย์ คงไม่ยอมให้ทำอะไรได้โดยง่าย หากถึงเวลาก็คงต้องต่อสู้กันถึงที่สุด อย่างไรก็ตาม ไม่อยากให้เกิดความรุนแรงและไม่คิดที่จเะนำสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไปเปรียบเทีนยบกับเหตุการณ์ 16 ตุลา 19 เพราะยังถือว่ายังมีทางออกอยู่ที่ว่ารัฐบาลเลือกจะทำหรือไม่ ซึ่งนายกฯก็ควรแสดงบทบาทเหล่านี้มากว่าการบ่นไปวันๆ