“เทิดภูมิ” สวนหมัด “ซ้ายโบราณ” รุมป้ายสี “ผู้จัดการ” เป็น “ยานเกราะ-ดาวสยามยุคใหม่” ยันเป็นคนละเรื่อง เชื่อพันธมิตรฯ เคลื่อนไหวปกป้องประชาธิปไตย ไม่ได้เข้าข้างทหาร ด้าน “เทียนชัย” วิพากษ์ “ลิ่วล้อซ้ายจัด-ทักษิณ” ต่างแยบยลยืมมือเพื่อหาผลประโยชน์ใส่ตัว แต่เชื่อ “แม้ว” ใช้บริการฝ่ายซ้ายแค่บางส่วนเท่านั้น ยังไว้ใจ “ยุทธ-เนวิน” มากกว่า
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการคนในข่าว
รายการ “คนในข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี คืนวันที่ 12 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีนายเติมศักดิ์ จารุปราณ เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยเปิดประเด็นซักถาม ดร.เทียนชัย วงศ์ชัยสุวรรณ นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ เจ้าของนามปากกา “ยุค ศรีอาริยะ” และนายเทิดภูมิ ใจดี อดีตผู้นำแรงงาน และนักการเมืองอาวุโส ถึงกรณีที่สื่อมวลชนเครือผู้จัดการ ถูกกล่าวจากนักวิชาการบางคนว่า กำลังจุดชนวนให้เกิดความรุนแรง เหมือนกรณีหนังสือพิมพ์ดาวสยามและสถานีวิทยุยานเกราะ ขยายความ"ละคอนแขวนคอ"จนนำไปสู่ความรุนแรงในช่วงวันที่ 6 ตุลาคม 2519
โดย ดร.เทียนชัย กล่าวว่า นักวิชาการคงจะเตือนผู้จัดการในบางประเด็น เพราะเกรงว่าจะเกิดปัญหาการเผชิญหน้ากัน โดยในอดีตวิธีคิดของนักศึกษาจะเอียงไปทางสังคมนิยมจนเข้าป่า และเมื่อคิดไปถึงฝั่งซ้ายก็มีการพลิกกันมากมาย ซึ่งส่งผลกระทบไปเกือบทุกคน ซึ่งตนคิดว่าฝ่ายซ้ายสุดๆ หลงเหลืออยู่กับฝ่ายที่ไปอยู่กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เช่น โดยจะเห็นได้จากที่หลายๆ คนเปลี่ยนไป
“ส่วนสาเหตุที่ทำให้คนเปลี่ยนแปลงนั้น น่าจะมาจากการไร้ความเชื่อว่าโลกข้างหน้าจะเปลี่ยนจากโลกสังคมนิยม แล้วจะไปเป็นคอมมิวนิสต์ รวมทั้งกรณีวิกฤตในป่าที่มีการเผชิญหน้ากัน ซึ่งนักศึกษาเชื่อว่าการใช้ชนบทล้อมเมืองแล้วจะชนะ จนท้ายที่สุดก็ไม่มีใครเชื่อ จนกระทั่งออกจากป่ามากันหมด โดยเฉพาะ อ.สมศักดิ์ (สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์) จะมีแนวคิดเป็นตัวของตัวเอง ซึ่งตอนนี้เปลี่ยนไปเยอะมาก”ดร.เทียนชัย กล่าว
ดร.เทียนชัย กล่าวต่อว่า เป็นเรื่องปกติของสังคมที่จะมีความแตกต่างกันอย่างสุดขั้ว ก็ถือเป็นเรื่องดี และเป็นปรากฏการณ์ทั่วไป แต่ที่สำคัญ คือ อย่าไปคิดว่าคนทุกกลุ่มต้องคิดเหมือนเรา ซึ่งกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเองก็เกิดฝั่ง ถือเป็นความจำเป็นของกระแสสังคมในปัจจุบัน เพราะมีความแตกต่างหลากหลายของผู้คนที่เขาจะวิพากษ์วิจารณ์
“ผมไม่แน่ใจว่าเรื่องที่ฝ่ายซ้ายพวกนี้มีแนวคิดที่จะให้ พ.ต.ท.ทักษิณ สานต่อแนวคิดของ อ.ปรีดี พนมยงค์ แต่อาจจะพูดเพราะเห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ นั้นมีประโยชน์เป็นเครื่องมือที่จะทำให้ไปถึงจุดนั้น เพื่อสร้างอุดมการณ์ หรืออาจจะต่างคนต่างใช้อีกฝ่ายเป็นเครื่องมือ ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าใครจะใช้วิธีการอย่างไร เพราะต่างคนต่างอุดมการณ์ โดยเฉพาะ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการที่จะมีอำนาจขนาดใหญ่ ซึ่งต้องใช้คนไปเปิดศึกตรงนั้นตรงนี้ แต่ใช้พวกฝ่ายซ้ายในบางจุดเท่านั้น แต่ที่ใช้จริงๆ ไม่ใช่ฝ่ายซ้าย เช่น นายเนวิน และนายยงยุทธ หรือสายเหยี่ยว เพราะอาจจะระวังฝ่ายซ้ายอยู่ เนื่องจากขบวนที่เป็นกลุ่มก้อนที่เปรียบเสมือนมุ้งที่มีอุดมการณ์เป็นของตัวเอง เขาจึงต้องให้เคลื่อนไหวในจุดที่เขาต้องการเท่านั้น”ดร.เทียนชัย ระบุ
ส่วนเว็บไซต์ที่มีการโจมตีสถาบันอยู่ในขณะนี้ เป็นส่วนหนึ่งของขบวนการหรือไม่นั้น ดร.เทียนชัย กล่าวว่า คงต้องให้สันติบาลเข้าไปเช็คว่าใครกันแน่ที่อยู่ในขบวนการ ไม่ใช่ปล่อยสถานการณ์ให้มีการเขียนกันอย่างเลื่อนลอยโดยไม่มีการตรวจสอบ และเป้าหมายของพวกเขาคืออะไร ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดในเวลานี้ ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดมาก และถ้าเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ คนที่จงรักภักดีทั้งหมดก็จะไม่สบายใจ ซึ่งต้องระวังนิดหนึ่ง คือ ต้องไม่กล่าวหาแบบเลื่อนลอย และทหารก็มีสิทธิที่จะเป็นห่วง ซึ่งจะทำให้ทุกอย่างตึงเครียด จึงอยากให้ฝ่ายสังคมต้องเช็ค และตรวจสอบข่าวลือว่า ใครทำ ฝ่ายไหนทำ หรือไปกล่าวหาคนโน้นทำ คนนี้ทำ
“หลายๆ นโยบายของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นการระดมความคิดมาจากทุกฝ่าย ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ เอามาใช้หาเสียง และถ้าสังเกตให้ดี นักวิชาการ รวมทั้งนักกิจกรรมก็จะเหมือน พ.ต.ท.ทักษิณ จนท้ายที่สุดเอ็นจีโอที่เคยเข้าไปช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ถอยออกมา เพราะนโยบายที่ใช้นั้น เป็นการไปเพิ่มหนี้ให้กับประชาชน และนโยบายมีความผิดพลาดในหลายๆ เรื่อง โดยเฉพาะการฆ่าตัดตอนเรื่องยาเสพติด และการอุ้มฆ่าประชาชนใน 3 จ.ชายแดนภาคใต้ รวมทั้งมีผลประโยชน์ทับซ้อน จึงเปรียบเสมือนเป็นการฉีกรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญไม่ให้อำนาจใครไปใช้ทำอะไรก็ได้”นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ กล่าว
ด้าน นายเทิดภูมิ กล่าวว่า การที่นักวิชาการออกมากล่าวหาสื่อเครือผู้จัดการนั้น ถือว่าเป็นการเตือนที่รุนแรงไปหน่อย เพราะประเด็นสำคัญ คือ ขณะนี้มีทั้งฝ่ายที่เอา พ.ต.ท.ทักษิณ และไม่เอา พ.ต.ท.ทักษิณ โดยเฉพาะกลุ่มที่เอา พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น เป็นการรวมเอาซ้ายจัด และขวาจัดมาอยู่ด้วยกัน ซึ่งคนกลุ่มดังกล่าวนิยมความรุนแรง และตนเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงโดยใช้ความรุนแรง เพราะเขาต้องการที่จะสู้อย่างเต็มที่
“ในอดีตกลุ่มซ้ายจัด ซึ่งชูคำขวัญเพื่อออกมายั่วยุให้กลุ่มฝ่ายขวาออกมาปราบปราม แต่การต่อสู้ของประชาชนในสมัยนี้เปลี่ยนไปแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีนายโชติศักดิ์ ที่ไม่ยืนตรงในขณะที่มีเพลงสรรเสริญพระบารมี ซึ่งบางทีคนที่ทำอาจจะไม่รู้ แต่คิดว่าน่าจะเป็นความยั่วยุ ซึ่งอาจจะทำกันเป็นขบวนการ ส่วนการที่เปรียบเทียบดาวสยามกับเครือผู้จัดการนั้น คนละเรื่องกัน เพราะบทบาทของผู้จัดการนั้นเปรียบเสมือนเป็นผู้ปกป้องพิทักษ์ประชาธิปไตย แต่คนพวกนั้นทำลายประชาธิปไตย จะเห็นได้จากการที่พันธมิตรเคลื่อนไหว แถลงการณืออกมา 6 ฉบับ ก็ไม่เห็นจะไปทำลายอะไรเลย”นายเทิดภูมิ กล่าว
อดีตผู้นำแรงงาน กล่าวอีกว่า พวกที่เคลื่อนไหว หรือพวกฝ่ายซ้ายโบราณมีอยู่ไม่มาก อย่างปรากฏการณ์นายโชติศักดิ์ อาจจะซึมซับงานของคนเขียนเหล่านั้นมาเกินไปก็อาจเป็นไปได้ แต่ตนคิดว่า ประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา แต่พวกซ้ายโบราณพวกนี้จะไม่ยอมเปลี่ยนแปลง และกลุ่วหาคนอื่นๆ ว่าเป็นพวกตุลาฯ ตอแหลบ้าง อย่างนายธียุทธ บุญมี และตนก็ถูกกล่าวหา ทั้งๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องเลย
“ทุกอย่างมันมีขบวนการ โดยเฉพาะคนที่อยู่ฝ่าย พ.ต.ท.ทักษิณ เช่น นพ.เหวง เป็นนักเคลื่อนไหวอาชีพ ซึ่งอาจจะหาแหล่งไม่ได้ พอดีกับที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังหานักกิจกรรมเคลื่อนไหว ก็เลยลงล็อกพอดี ส่วนกระแสข่าวที่ฝ่ายขบวนการเหล่านี้มีความคิดที่จะเปลี่ยนรูปแบบเป็นสาธารณรัฐนั้น ผมคิดว่ามีแต่เพียงส่วนน้อย ซึ่งตรงนี้เป็นอันตรายกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะอำนาจรัฐอยู่ในมือแล้ว ทั้งๆ ที่คนเหล่านั้นเคยวิจารณ์ อดีตนายกฯ มาก่อน ดังนั้น อ.สมศักดิ์ ซึ่งเขียนบทวิจารณ์ถือว่าไม่ถูก เพราะเหมือนกับนายจตุพร ออกมาเตือน เหมือนกับพวกยานเกราะที่ให้ไปทำลายนักศึกษา ทั้งๆ ที่มันไม่ใช่เลย”อดีตผู้นำแรงงาน ระบุ
นายเทิดภูมิ กล่าวต่อว่า ตนเชื่อว่าปรากฏการณ์ในขณะนี้กำลังเข้าสู่ขั้นวิกฤตใหญ่ เพราะถ้าเราติดตามก็จะพบว่าเป็นจริงทุกอย่าง แม้แต่เรื่องเขาพระวิหารซึ่งตนศึกษามานาน และเดินขบวนมาตั้งแต่ในอดีต เรื่องหลายเรื่องตนรู้มากกว่านี้แต่พูดไม่ได้ เพราะเป็นปรากฏการณ์ที่มาสอดคล้องกับความเป็นจริง รวมทั้งเรื่องที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ที่ออกมาพูดเรื่องการปฏิวัติถึง 5 ครั้ง ซึ่งต้องมีข้อมูลเชิงลึก และพอที่จะรู้อะไรอยู่บ้าง ตนไม่ได้เข้าใคร พันธมิตรฯ ไม่ใช่ซ้ายหรือขวา แต่เป็นพวกก้าวหน้าที่ต้องการให้ประเทศไปในทิศทางที่ดี และไม่ได้สนับสนุนรัฐประหาร เพราะเรารู้แล้วว่าทหารเข้ามาก็ทำอะไรไม่เป็น ดังนั้นถ้าเรามีผู้บริหารที่ดี เราก็ไม่แพ้ใครในโลกนี้ เดี๋ยวนี้ประชาชนตื่นตัวกันมาก ไม่มีครั้งใดในประวัติศาสตร์ของชาติไทย ที่จะมีการตื่นตัวกันมากมายขนาดนี้
“คนที่เป็นฝ่ายซ้ายที่ไปอยู่ข้าง พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น มีทั้งตั้งใจ และไม่ตั้งใจ แต่เขาเหล่านั้นน่าจะไปเพราะได้เสพผลประโยชน์ ซึ่งบางคนประกาศยอมตายเพื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยเฉพาะคนเดือนตุลาฯ บางคน ถึงกับออกมาประณามพวกเราว่าไปยืนอยู่ข้างทหาร แล้วไปสนับสนุนการปฏิวัติ ซึ่งผมก็บอกไปว่าเราไม่เคยไปสนับสนุน แต่มูลเหตุของการทำรัฐประหารก็ การโกงกิน และการบริหารประเทศด้วยความไม่เป็นธรรม”นายเทิดภูมิ กล่าวทิ้งท้าย