...ประเทศไทยในอดีต...
มีชายหน้าเหลี่ยมคนหนึ่ง เริ่มต้นชีวิตทางธุรกิจอย่างล้มลุกคลุกคลาน แต่โชคดีที่เขามีพ่อและญาติเป็นนักการเมือง ทำให้มีโอกาสได้วิ่งเต้นทั้งใต้โต๊ะบนโต๊ะ จนได้สัมปทานรัฐด้านการสื่อสาร ร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีคนหนึ่งของเมืองไทย
เมื่อ “คนหน้าเหลี่ยม” เป็นนักธุรกิจผูกขาดที่ยิ่งใหญ่แล้ว เขาก็เริ่มสยายปีกเข้ามาผูกขาดอำนาจทางการเมืองต่อทันที
14 กรกฎาคม 2541 ตรงกับวันปฏิวัติโค่นล้มระบอบกษัตริย์ฝรั่งเศส เมื่อ209 ปีที่ผ่านมา หรือพ.ศ. 2332 ชายหน้าเหลี่ยมคนนั้น ได้ตั้งพรรคการเมืองชื่อ ไทยรักไทย สู่พื้นพิภพ
แน่นอน..สิ่งที่นักธุรกิจผูกขาดหน้าเหลี่ยมคิดและทำ คือ กู-ต้องคุมเสียง ส.ส.ให้ได้มากที่สุด กู-ต้องเป็นใหญ่ชี้เป็นชี้ตายทางการเมืองคนเดียวในประเทศนี้
“คนหน้าเหลี่ยม” เริ่มต้นระดมสรรพกำลังทางการเมือง ความเชื่อมั่นในเงินและปรัชญาจีนที่ว่า เงิน-จ้างผีโม่แป้งได้ เขาจึงทุ่มเงินก้อนโตซื้อผู้คนราวซื้อวัวควายทันที
หนึ่ง-ซื้อสมองและจิตวิญญาณ พวกฝ่ายซ้ายจัด พวกอดีตคอมมิวนิสต์เหมาอิสต์ ที่เคยร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย รวมทั้งพวกคนเดือนตุลาจอมปลอมอีกกลุ่มหนึ่ง คนหน้าเหลี่ยมซื้อคนเหล่านี้มาไว้ในกำมือได้สำเร็จโดยไม่ยากเย็น
ทำไมน่ะหรือ? คำตอบแทงใจดำ คือ เข้าสูตร น้ำพึ่งเรือ-เสือพึ่งป่า ครับ
คนหน้าเหลี่ยมใช้พวกฝ่ายซ้ายจัดและพวกตุลาจอมปลอม มาทำงานทางการเมืองให้ตน ขณะที่พวกฝ่ายซ้ายจัดและพวกตุลาจอมปลอม ก็ถือโอกาสเอาทั้งเงินเอาทั้งประโยชน์ของคนหน้าเหลี่ยม มาเป็นประโยชน์ต่ออุดมการณ์ทางการเมืองให้กับพวกพ้องตนเช่นกัน เรื่องทั้งหมดจึงจบลงแบบแฮปปี้เอนดิ้ง
นั่นทำให้พวกเหมาอิสต์ค่ายคนหน้าเหลี่ยมทั้งหลาย เร่พูดเร่ชูทฤษฎี (อ้างเป็นลัทธิมาร์กซ์)ว่า ทุนนิยมสามานย์- ดีกว่า-ศักดินาล้าหลัง!
ยุทธศาสตร์-โค่นล้มศักดินาล้าหลัง จึงเป็นอุดมการณ์และแนวปฏิบัติ ที่พวกเหมาอิสต์บางคนอ้างว่า ถูกต้อง-ชอบธรรม-สอดคล้องกับสถานการณ์ทางการเมืองประเทศไทยที่สุด
ยุทธวิธี-แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง ตามทฤษฎี “เหมาเจ๋อตง” แถมมีทั้งเงินทองและอำนาจมาเติมเต็ม การผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่าง ซ้ายจัด-ขวาจัด-ผู้ร้ายทางการเมืองจึงเกิดขึ้น ผลประโยชน์ที่เจือสมด้วยทุนนิยมสามานย์ผูกขาด ก็ต้องการให้ระบอบศักดินาอ่อนแอหรือล้มครืน เพื่อพวกทุนนิยมสามานย์จะได้สวาปามทุกสิ่งบนแผ่นดินนี้หวานคอแร้ง..
สอง-ซื้อว่าที่ ส.ส.ทั้ง ดี-เลว-เก่า-ใหม่-แก่หง่อม-หนุ่มสาว แต่แน่นอน..สิ่งที่คนหน้าเหลี่ยมต้องการที่สุดจากพวก ส.ส.หิวเงินเหล่านั้น คือ มือที่ชูตามสั่งราวฝักถั่ว..โดยไม่ต้องใช้สมองคิดถึงสิ่งถูก-ผิดไงล่ะครับ
สุดท้าย-คนหน้าเหลี่ยม ยังซื้อผู้คนหลายหลากสาขามาเป็นลูกกะโล่ของตนอีกด้วย
ณ บัดนั้น..คนหน้าเหลี่ยม ที่ชื่อ ทักษิณ ชินวัตร ก็พร้อมสรรพต่อการออกสู่สนามรบทางการเมือง เพื่อทำสงครามแย่งชิงประชาชนในเวทีเลือกตั้งแล้ว..
นั่นถือเป็นการเปิดฉากลั่นกลองรบของระบอบ “เผด็จการรัฐสภา-ทุนนิยสามานย์”VS ระบอบ “ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” บนผืนแผ่นดินไทยครับ
...นับจากวินาทีนั้นเป็นต้นมา...
ระบอบ-ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เริ่มตกอยู่ในอันตราย!
ทักษิณ ชินวัตร ได้ทุ่มเงินมากมายมหาศาล ไหลผ่านมือผู้สมัคร ส.ส.พรรคไทยรักไทยทั่วประเทศสู่การเมืองไทย เงินและระบบจัดซื้ออันแยบยลทุกวิธีการ ได้ทำให้พรรคอภิมหาเศรษฐีหน้าเหลี่ยม ชนะการเลือกตั้งคราครั้งนั้นอย่างท่วมท้นเป็นประวัติการณ์
ทักษิณ ชินวัตร ได้เป็นนายกรัฐมนตรีสมใจ มีอำนาจมิใช่ใหญ่เทียมฟ้า แต่ใหญ่คับฟ้าเมืองไทยเลยทีเดียว ทักษิณกลายเป็น “พระเจ้าทางการเมือง” ทันที เขาชี้นิ้วไปยังคนคนใดว่า “เหมาะสม” หรือ “สมควร” คนคนนั้นก็จะได้เป็นรัฐมนตรีหรือตำแหน่งสำคัญทางการเมืองทันที
แต่ยามใดที่ ทักษิณ ชินวัตร คิดว่าคนคนนั้น-ไม่เหมาะ-ไม่ควร คนคนนั้นก็ต้องหลุดจากตำแหน่งเสนาบดีทันทีเช่นกัน ตอนนั้น “พระเจ้าหน้าเหลี่ยมทางการเมือง” ชี้เป็นชี้ตายได้ทุกเรื่องจริงๆ โดยพรรคและนักการเมืองทั้งเล็ก-ใหญ่ไม่กล้าหือแม้นแต่น้อย
ยุครัฐบาลคนหน้าเหลี่ยมครองเมืองนี่เอง นอกจากจะเกิดข้อครหาว่า มีการคอร์รัปชันอย่างมโหฬารมากมายเป็นประวัติการณ์แล้ว ที่สำคัญได้ เกิดเว็บไซต์โจมตีสถาบัน อันเป็นที่เคารพรักของปวงชนชาวไทย ทั้งลับและเปิดเผยอย่างเป็นขบวนการชนิดไม่เคยมีมาก่อน
ขอเน้นว่า..คราครั้งนั้น รัฐบาลคนหน้าเหลี่ยมและพรรคพวกที่คุมอำนาจรัฐ ไม่ได้จัดการกับพวกคนชั่วที่บังอาจจาบจ้วงสถาบันสำคัญของชาติจริงจังเท่าที่ควรเลย
แม้ว่า..รัฐบาลทักษิณ-จะถูกครหาไปทั่วว่า มีการคอร์รัปชันโกงกินมากมายที่สุด รัฐบาลทักษิณ-จะฆ่าตัดตอนผู้คนนับพันๆ คน (มีคนบริสุทธิ์ปนอยู่ไม่น้อย) ด้วยข้ออ้างปราบปรามยาเสพติด โดยไม่ผ่านขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม รัฐบาลทักษิณ-กระทำตนอย่างชัดเจนว่าเป็นเผด็จการรัฐสภา เที่ยวออกกฎหมายเอื้อประโยชน์ต่อตนและพรรคพวกอย่างน่ารังเกียจ ทั้งหมดยังไม่รวมถึงการแทรกแซงองค์กรอิสระสารพัดวิธีการ จนการตรวจสอบทั้งปวงต่อรัฐบาลทักษิณตอนนั้น แทบกลายเป็นง่อยไปหมดในทุกด้าน..
แต่นั่นเป็นแค่เศษเสี้ยวแห่งความเลวร้ายของรัฐบาลทักษิณ ที่ถูกประชาชนมากมายมหาศาลขับไสไล่ส่งแรมปี จนกลายเป็นรัฐบาลที่ไร้ความชอบธรรมไปโดยปริยาย
ทว่าบรรดาคนเดือนตุลาจอมปลอม และพวกเหมาอิสต์ฝ่ายซ้ายจัดที่อยู่กับทักษิณ กลับเงียบฉี่-เอาหูไปนาเอาตาไปไร่-ไม่เคยแยแสสนใจ-ไม่เคยแสดงท่าที ว่ากล่าวตำหนิติติงความไม่ถูกต้องทั้งปวงของทักษิณแม้แต่น้อยเลย
กระทั่งอดีตสหายเหมาอิสต์บางคนยังเห็นกงจักรเป็นดอกบัว ถึงกับเดินทางไปยังกองบัญชาการฝ่ายทหารของทักษิณ ที่เตรียมพร้อมในการปราบปรามประชาชน ที่คัดค้านทักษิณอย่างสงบสันติอีกด้วย
แต่ต้องถือว่า..ฟ้ายังมีตา ในที่สุดคณะทหาร คมช.ก็ทำการรัฐประหารสำเร็จ จนสามารถดำเนินการโค่นล้มรัฐบาลทักษิณได้สำเร็จ
ภาพยนตร์เรื่อง “จอมมารหน้าเหลี่ยม” ควรจะปิดฉาก จบลงอย่างถาวรในคราครั้งนั้นแล้ว แต่การณ์กลับหาเป็นเช่นนั้นไม่..
...2549-2550 กาลก่อนวันนี้...
ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เข้าสู่ห้วงอันตรายร้ายแรง!
ทักษิณ ชินวัตร ที่ถูกคณะทหารทำการรัฐประหารจนตกงาน แต่ด้วยมีเงินทองที่ได้มาโดยไม่โปร่งใสมากมายมหาศาล เขาจึงมิเคยหยุดนิ่งกับการเคลื่อนไหวทางการเมือง ทั้งลับและเปิดเผยทั้งในและนอกประเทศอย่างต่อเนื่อง
กอปรกับคณะทหารที่ทำรัฐประหาร และรัฐบาล สุรยุทธ์ จุลานนท์ ไม่มีการปฏิรูปการเมืองใดๆ ไม่มีการปฏิรูปสื่อเพื่อให้ประชาชนรับรู้ ถึงความเลวร้ายของระบอบทักษิณในวงกว้าง แถมดันใช้นโยบายปรองดองสมานฉันท์แบบสิ้นคิดกับทักษิณและพรรคพวก ทั้งลับและเปิดเผยอย่างต่อเนื่อง ฯลฯ
ทำให้พลพรรคทุกฝ่ายของคนหน้าเหลี่ยมฟื้นตัว และเริ่มสร้างเครือข่ายองค์กรเคลื่อนไหวทางการเมืองมากขึ้น กระทั่งพวกเหมาอิสต์กับนักการเมืองเครือข่ายคนหน้าเหลี่ยมบางคน ได้ให้การสนับสนุนทุกวิถีทาง ทั้งทางตรงทางอ้อม ทั้งลับและเปิดเผย ทั้งในและต่างประเทศ ให้กับเว็บไซต์บางเว็บไซต์อย่างต่อเนื่อง
น่าสังเกตว่า..เว็บไซต์ให้ร้ายป้ายสี-ทำร้าย-ทำลายสถาบัน อันเป็นที่รักเทิดทูนของปวงชนชาวไทย นับวันยิ่งเปิดมากขึ้นราวดอกเห็ด!
นอกจากนั้นนักการเมืองนอมินีกับกลุ่มเหมาอิสต์บางคน ผสมผสานพวกกลุ่ม นปก.ได้ออกมาเคลื่อนไหวให้ร้ายป้ายสี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ทุกวิธีการอย่างเหิมเกริม ถึงขนาดยกพลเดินขบวนไปด่าป๋าเปรมฯ ที่หน้าบ้านสี่เสาฯ สุดท้ายยังก่อการจลาจลย่อยขึ้นที่นั่นอีกด้วย
“จอมมารหน้าเหลี่ยม” ได้ใช้เงินเป็นอาวุธจ้างผี-โม่แป้งสำแดงฤทธิ์เดช จนสถาบันสำคัญและผู้คนทั้งประเทศวุ่นวายไปหมด สถานการณ์การเมืองไทยจึงใกล้กลียุคเข้าไปทุกที!!!
มีชายหน้าเหลี่ยมคนหนึ่ง เริ่มต้นชีวิตทางธุรกิจอย่างล้มลุกคลุกคลาน แต่โชคดีที่เขามีพ่อและญาติเป็นนักการเมือง ทำให้มีโอกาสได้วิ่งเต้นทั้งใต้โต๊ะบนโต๊ะ จนได้สัมปทานรัฐด้านการสื่อสาร ร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีคนหนึ่งของเมืองไทย
เมื่อ “คนหน้าเหลี่ยม” เป็นนักธุรกิจผูกขาดที่ยิ่งใหญ่แล้ว เขาก็เริ่มสยายปีกเข้ามาผูกขาดอำนาจทางการเมืองต่อทันที
14 กรกฎาคม 2541 ตรงกับวันปฏิวัติโค่นล้มระบอบกษัตริย์ฝรั่งเศส เมื่อ209 ปีที่ผ่านมา หรือพ.ศ. 2332 ชายหน้าเหลี่ยมคนนั้น ได้ตั้งพรรคการเมืองชื่อ ไทยรักไทย สู่พื้นพิภพ
แน่นอน..สิ่งที่นักธุรกิจผูกขาดหน้าเหลี่ยมคิดและทำ คือ กู-ต้องคุมเสียง ส.ส.ให้ได้มากที่สุด กู-ต้องเป็นใหญ่ชี้เป็นชี้ตายทางการเมืองคนเดียวในประเทศนี้
“คนหน้าเหลี่ยม” เริ่มต้นระดมสรรพกำลังทางการเมือง ความเชื่อมั่นในเงินและปรัชญาจีนที่ว่า เงิน-จ้างผีโม่แป้งได้ เขาจึงทุ่มเงินก้อนโตซื้อผู้คนราวซื้อวัวควายทันที
หนึ่ง-ซื้อสมองและจิตวิญญาณ พวกฝ่ายซ้ายจัด พวกอดีตคอมมิวนิสต์เหมาอิสต์ ที่เคยร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย รวมทั้งพวกคนเดือนตุลาจอมปลอมอีกกลุ่มหนึ่ง คนหน้าเหลี่ยมซื้อคนเหล่านี้มาไว้ในกำมือได้สำเร็จโดยไม่ยากเย็น
ทำไมน่ะหรือ? คำตอบแทงใจดำ คือ เข้าสูตร น้ำพึ่งเรือ-เสือพึ่งป่า ครับ
คนหน้าเหลี่ยมใช้พวกฝ่ายซ้ายจัดและพวกตุลาจอมปลอม มาทำงานทางการเมืองให้ตน ขณะที่พวกฝ่ายซ้ายจัดและพวกตุลาจอมปลอม ก็ถือโอกาสเอาทั้งเงินเอาทั้งประโยชน์ของคนหน้าเหลี่ยม มาเป็นประโยชน์ต่ออุดมการณ์ทางการเมืองให้กับพวกพ้องตนเช่นกัน เรื่องทั้งหมดจึงจบลงแบบแฮปปี้เอนดิ้ง
นั่นทำให้พวกเหมาอิสต์ค่ายคนหน้าเหลี่ยมทั้งหลาย เร่พูดเร่ชูทฤษฎี (อ้างเป็นลัทธิมาร์กซ์)ว่า ทุนนิยมสามานย์- ดีกว่า-ศักดินาล้าหลัง!
ยุทธศาสตร์-โค่นล้มศักดินาล้าหลัง จึงเป็นอุดมการณ์และแนวปฏิบัติ ที่พวกเหมาอิสต์บางคนอ้างว่า ถูกต้อง-ชอบธรรม-สอดคล้องกับสถานการณ์ทางการเมืองประเทศไทยที่สุด
ยุทธวิธี-แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง ตามทฤษฎี “เหมาเจ๋อตง” แถมมีทั้งเงินทองและอำนาจมาเติมเต็ม การผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่าง ซ้ายจัด-ขวาจัด-ผู้ร้ายทางการเมืองจึงเกิดขึ้น ผลประโยชน์ที่เจือสมด้วยทุนนิยมสามานย์ผูกขาด ก็ต้องการให้ระบอบศักดินาอ่อนแอหรือล้มครืน เพื่อพวกทุนนิยมสามานย์จะได้สวาปามทุกสิ่งบนแผ่นดินนี้หวานคอแร้ง..
สอง-ซื้อว่าที่ ส.ส.ทั้ง ดี-เลว-เก่า-ใหม่-แก่หง่อม-หนุ่มสาว แต่แน่นอน..สิ่งที่คนหน้าเหลี่ยมต้องการที่สุดจากพวก ส.ส.หิวเงินเหล่านั้น คือ มือที่ชูตามสั่งราวฝักถั่ว..โดยไม่ต้องใช้สมองคิดถึงสิ่งถูก-ผิดไงล่ะครับ
สุดท้าย-คนหน้าเหลี่ยม ยังซื้อผู้คนหลายหลากสาขามาเป็นลูกกะโล่ของตนอีกด้วย
ณ บัดนั้น..คนหน้าเหลี่ยม ที่ชื่อ ทักษิณ ชินวัตร ก็พร้อมสรรพต่อการออกสู่สนามรบทางการเมือง เพื่อทำสงครามแย่งชิงประชาชนในเวทีเลือกตั้งแล้ว..
นั่นถือเป็นการเปิดฉากลั่นกลองรบของระบอบ “เผด็จการรัฐสภา-ทุนนิยสามานย์”VS ระบอบ “ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” บนผืนแผ่นดินไทยครับ
...นับจากวินาทีนั้นเป็นต้นมา...
ระบอบ-ประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เริ่มตกอยู่ในอันตราย!
ทักษิณ ชินวัตร ได้ทุ่มเงินมากมายมหาศาล ไหลผ่านมือผู้สมัคร ส.ส.พรรคไทยรักไทยทั่วประเทศสู่การเมืองไทย เงินและระบบจัดซื้ออันแยบยลทุกวิธีการ ได้ทำให้พรรคอภิมหาเศรษฐีหน้าเหลี่ยม ชนะการเลือกตั้งคราครั้งนั้นอย่างท่วมท้นเป็นประวัติการณ์
ทักษิณ ชินวัตร ได้เป็นนายกรัฐมนตรีสมใจ มีอำนาจมิใช่ใหญ่เทียมฟ้า แต่ใหญ่คับฟ้าเมืองไทยเลยทีเดียว ทักษิณกลายเป็น “พระเจ้าทางการเมือง” ทันที เขาชี้นิ้วไปยังคนคนใดว่า “เหมาะสม” หรือ “สมควร” คนคนนั้นก็จะได้เป็นรัฐมนตรีหรือตำแหน่งสำคัญทางการเมืองทันที
แต่ยามใดที่ ทักษิณ ชินวัตร คิดว่าคนคนนั้น-ไม่เหมาะ-ไม่ควร คนคนนั้นก็ต้องหลุดจากตำแหน่งเสนาบดีทันทีเช่นกัน ตอนนั้น “พระเจ้าหน้าเหลี่ยมทางการเมือง” ชี้เป็นชี้ตายได้ทุกเรื่องจริงๆ โดยพรรคและนักการเมืองทั้งเล็ก-ใหญ่ไม่กล้าหือแม้นแต่น้อย
ยุครัฐบาลคนหน้าเหลี่ยมครองเมืองนี่เอง นอกจากจะเกิดข้อครหาว่า มีการคอร์รัปชันอย่างมโหฬารมากมายเป็นประวัติการณ์แล้ว ที่สำคัญได้ เกิดเว็บไซต์โจมตีสถาบัน อันเป็นที่เคารพรักของปวงชนชาวไทย ทั้งลับและเปิดเผยอย่างเป็นขบวนการชนิดไม่เคยมีมาก่อน
ขอเน้นว่า..คราครั้งนั้น รัฐบาลคนหน้าเหลี่ยมและพรรคพวกที่คุมอำนาจรัฐ ไม่ได้จัดการกับพวกคนชั่วที่บังอาจจาบจ้วงสถาบันสำคัญของชาติจริงจังเท่าที่ควรเลย
แม้ว่า..รัฐบาลทักษิณ-จะถูกครหาไปทั่วว่า มีการคอร์รัปชันโกงกินมากมายที่สุด รัฐบาลทักษิณ-จะฆ่าตัดตอนผู้คนนับพันๆ คน (มีคนบริสุทธิ์ปนอยู่ไม่น้อย) ด้วยข้ออ้างปราบปรามยาเสพติด โดยไม่ผ่านขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม รัฐบาลทักษิณ-กระทำตนอย่างชัดเจนว่าเป็นเผด็จการรัฐสภา เที่ยวออกกฎหมายเอื้อประโยชน์ต่อตนและพรรคพวกอย่างน่ารังเกียจ ทั้งหมดยังไม่รวมถึงการแทรกแซงองค์กรอิสระสารพัดวิธีการ จนการตรวจสอบทั้งปวงต่อรัฐบาลทักษิณตอนนั้น แทบกลายเป็นง่อยไปหมดในทุกด้าน..
แต่นั่นเป็นแค่เศษเสี้ยวแห่งความเลวร้ายของรัฐบาลทักษิณ ที่ถูกประชาชนมากมายมหาศาลขับไสไล่ส่งแรมปี จนกลายเป็นรัฐบาลที่ไร้ความชอบธรรมไปโดยปริยาย
ทว่าบรรดาคนเดือนตุลาจอมปลอม และพวกเหมาอิสต์ฝ่ายซ้ายจัดที่อยู่กับทักษิณ กลับเงียบฉี่-เอาหูไปนาเอาตาไปไร่-ไม่เคยแยแสสนใจ-ไม่เคยแสดงท่าที ว่ากล่าวตำหนิติติงความไม่ถูกต้องทั้งปวงของทักษิณแม้แต่น้อยเลย
กระทั่งอดีตสหายเหมาอิสต์บางคนยังเห็นกงจักรเป็นดอกบัว ถึงกับเดินทางไปยังกองบัญชาการฝ่ายทหารของทักษิณ ที่เตรียมพร้อมในการปราบปรามประชาชน ที่คัดค้านทักษิณอย่างสงบสันติอีกด้วย
แต่ต้องถือว่า..ฟ้ายังมีตา ในที่สุดคณะทหาร คมช.ก็ทำการรัฐประหารสำเร็จ จนสามารถดำเนินการโค่นล้มรัฐบาลทักษิณได้สำเร็จ
ภาพยนตร์เรื่อง “จอมมารหน้าเหลี่ยม” ควรจะปิดฉาก จบลงอย่างถาวรในคราครั้งนั้นแล้ว แต่การณ์กลับหาเป็นเช่นนั้นไม่..
...2549-2550 กาลก่อนวันนี้...
ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เข้าสู่ห้วงอันตรายร้ายแรง!
ทักษิณ ชินวัตร ที่ถูกคณะทหารทำการรัฐประหารจนตกงาน แต่ด้วยมีเงินทองที่ได้มาโดยไม่โปร่งใสมากมายมหาศาล เขาจึงมิเคยหยุดนิ่งกับการเคลื่อนไหวทางการเมือง ทั้งลับและเปิดเผยทั้งในและนอกประเทศอย่างต่อเนื่อง
กอปรกับคณะทหารที่ทำรัฐประหาร และรัฐบาล สุรยุทธ์ จุลานนท์ ไม่มีการปฏิรูปการเมืองใดๆ ไม่มีการปฏิรูปสื่อเพื่อให้ประชาชนรับรู้ ถึงความเลวร้ายของระบอบทักษิณในวงกว้าง แถมดันใช้นโยบายปรองดองสมานฉันท์แบบสิ้นคิดกับทักษิณและพรรคพวก ทั้งลับและเปิดเผยอย่างต่อเนื่อง ฯลฯ
ทำให้พลพรรคทุกฝ่ายของคนหน้าเหลี่ยมฟื้นตัว และเริ่มสร้างเครือข่ายองค์กรเคลื่อนไหวทางการเมืองมากขึ้น กระทั่งพวกเหมาอิสต์กับนักการเมืองเครือข่ายคนหน้าเหลี่ยมบางคน ได้ให้การสนับสนุนทุกวิถีทาง ทั้งทางตรงทางอ้อม ทั้งลับและเปิดเผย ทั้งในและต่างประเทศ ให้กับเว็บไซต์บางเว็บไซต์อย่างต่อเนื่อง
น่าสังเกตว่า..เว็บไซต์ให้ร้ายป้ายสี-ทำร้าย-ทำลายสถาบัน อันเป็นที่รักเทิดทูนของปวงชนชาวไทย นับวันยิ่งเปิดมากขึ้นราวดอกเห็ด!
นอกจากนั้นนักการเมืองนอมินีกับกลุ่มเหมาอิสต์บางคน ผสมผสานพวกกลุ่ม นปก.ได้ออกมาเคลื่อนไหวให้ร้ายป้ายสี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ทุกวิธีการอย่างเหิมเกริม ถึงขนาดยกพลเดินขบวนไปด่าป๋าเปรมฯ ที่หน้าบ้านสี่เสาฯ สุดท้ายยังก่อการจลาจลย่อยขึ้นที่นั่นอีกด้วย
“จอมมารหน้าเหลี่ยม” ได้ใช้เงินเป็นอาวุธจ้างผี-โม่แป้งสำแดงฤทธิ์เดช จนสถาบันสำคัญและผู้คนทั้งประเทศวุ่นวายไปหมด สถานการณ์การเมืองไทยจึงใกล้กลียุคเข้าไปทุกที!!!