ความที่ทักษิณ ชินวัตร ถูกครหาว่ามีการคอร์รัปชันมโหฬาร คดีความกระจายอยู่ในขบวนการยุติธรรมต่างๆ รวมทั้งใน คตส.และบางคดีความอยู่ในศาลสถิตยุติธรรม
ความที่พรรคการเมืองซึ่งทักษิณหนุนหลังอย่างเปิดเผย มีการกระทำผิดจนถูกจับได้ว่าโกงการเลือกตั้ง จนอาจจะโดนยุบพรรคในอนาคต
สองกรณีหลักนี้ทำให้ทักษิณกับพวก ต้องเร่งแก้รัฐธรรมนูญปี 2550 ที่เป็นต้นเหตุจับกลโกงของพวกตนได้ โดยจะกลับไปใช้รัฐธรรมนูญที่ทักษิณได้เปรียบ เพื่อคดีความจะได้หายจากสาร
บบทั้งทางตรงและทางอ้อม เรียกว่าใช้รัฐธรรมนูญปี 2540 เมื่อไหร่ทักษิณและพวกปลอดภัยครับ
ดังนั้น..งานหลักของนายกรัฐมนตรีกับ ครม.และ ส.ส.นอมินีทั้งหลาย ก็เลยมิใช่เรื่องทำเพื่อชาติและประชาชนอีกแล้ว หากแต่เป็นเรื่องทำเพื่อคนไม่กี่คน จนต้องลุกลี้ลุกลนกับการแก้รัฐธรรมนูญปี 2550 มาเป็นรัฐธรรมนูญปี 2540 โดยด่วนไปเสียฉิบ
คิดและทำเช่นนี้..น่ากลัวจริงๆ เพราะใช้เงินซื้อทุกอย่างได้ด้วยกลวิธีสกปรก จนมี ส.ส.มากเกินครึ่งสภาฯ แล้วถือว่าชอบธรรมที่สุด ไม่ต้องฟังประชามติคน 14 กว่าล้านคน ไม่ต้องฟังใครในชาตินี้อีกแล้ว มือในสภาฯ ใหญ่สุดจะแก้-เปลี่ยน-จะทำอะไรได้หมดทุกอย่าง!
เพราะพวกคุณ (มึง)-นักการเมืองคิดและทำกันแบบนั้น ทำให้พวกผม (กู)-ประชาชนต้องคิดแบบนี้
คิดว่า..พวกคุณ (มึง)-นักการเมืองเชื่อถือไม่ได้แม้นกระผีกริ้น ชอบพูดจาตระบัดสัตย์เสมอพูดหาเสียงอย่าง-แต่ทำอีกอย่าง แถมเอาแต่ประโยชน์ใส่ตนและพวกพ้อง มุ่งแต่โกงกินชาติบ้านเมืองมาโดยตลอด
ดังนั้น ในอนาคตพวกคุณ (มึง)-นักการเมือง อาจใช้มือ ส.ส.ข้างมากในรัฐสภาลงมติ เปลี่ยนแปลงระบอบการเมืองจากประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไปสู่ระบอบสาธารณรัฐอันมีประธานาธิบดีเป็นประมุขก็ได้..จริงไหม?!
ใครหน้าไหนจะเสนอหน้าออกมารับประกัน และถึงใครจะออกมารับประกันด้วยชีวิต พวกผม (กู)-ประชาชนก็ไม่เชื่อพวกคุณ (มึง)-นักการเมืองอีกต่อไปแล้ว (โว้ย)
ยอมรับไหมล่ะว่า..วันนี้ประเทศไทยมีคนกลุ่มหนึ่ง กำลังบ่อนทำลายการเมืองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ให้เป็นระบอบประชาธิปไตยสาธารณรัฐอันมีประธานาธิบดีเป็นประมุข
พอนักวิชาการ สื่อมวลชน และประชาชนออกมาต่อสู้ เปิดโปงพวกจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงก็มีนักวิชาการ สื่อมวลชน นักการเมืองสามานย์บางคนออกมากล่าวหาว่า ทำให้เกิดความแตกแยกในชาติบ้างล่ะ ดึงฟ้าให้ต่ำบ้างล่ะ แถมชอบพูดนักพูดหนาว่า อย่าไปพูดหรือต่อล้อต่อเถียงกับพวกที่กำลังทำร้ายทำลายระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพราะเป็นสิทธิเสรีภาพของบุคคลเหล่านั้น!
ทุกสิ่งที่เลวร้ายคงไม่บานปลายดังทุกวันนี้หรอก หากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งยุคทักษิณและสมัคร จัดการกับพวกทำผิดกฎหมายที่ทำร้ายทำลายเบื้องสูงอย่างจริงจัง แต่นี่กลับปล่อยให้พวกทำผิดลอยนวล แถมกำเริบเสิบสานขยายเครือข่ายกันอย่างโจ๋งครึ่มยิ่งขึ้นอีกด้วย ฯลฯ
คนรักระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทุกคน จึงทนนิ่งเฉยอีกต่อไปไม่ได้ ยิ่งพระมหากษัตริย์พระองค์นี้ทรงทศพิธราชธรรมยิ่งนัก ใครล่ะจะนิ่งดูดายให้พวกสามานย์เหล่านั้นโจมตีทำร้ายทำลายสถาบันที่ปวงชนชาวไทยรักเทิดทูนอยู่ข้างเดียวได้?
โดยเฉพาะสิ่งที่คนพวกนั้นทำ ผิดทั้งจารีตประเพณีและกฎหมาย ที่สำคัญทำร้ายจิตใจประชาชนคนไทยอย่างรุนแรงจนสุดทนจริงๆ ครับ
ผมขอบอกว่า..เนปาลไม่เหมือนไทย-ไทยก็ไม่เหมือนเนปาล
ประเทศเนปาลเคยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยช่วงสั้นๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นระบอบราชาธิปไตย โดยมีกษัตริย์มเหนทราทรงเป็นประมุข จนปี 2539 พรรคคอมมิวนิสต์แห่งเนปาลได้ทำสงครามประชาชน ปี 2544 มกุฎราชกุมารทิพเพนทราได้ก่อการสังหารหมู่กษัตริย์พิเรนทราพระบิดา พระราชินีไอศวรรย์พระมารดา และพระญาติในพระราชวังรวมเก้าพระองค์ แล้วปลิดพระชนมชีพพระองค์เองสิ้นพระชนม์ตาม
เจ้าชายคยาเนนทราพระอนุชาของกษัตริย์พิเรนทราที่สิ้นพระชนม์ จึงขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์ต่อมา แต่ก็มีข่าวลือสะพัดในทางไม่ดีไม่งามมากมาย ยิ่งปี 2548 กษัตริย์คยาเนนทราได้ทรงยึดอำนาจจากรัฐบาล เกิดการต่อต้านจากบรรดาพรรคการเมืองและประชาชนขนานใหญ่
ถึงขนาดพรรคขวาจัดและพรรคซ้ายจัดเหมาอิสต์ ร่วมกันนำพาประชาชนออกเคลื่อนไหวเดินขบวนกันทั่วประเทศ จนในที่สุดกษัตริย์คยาเนนทราจำต้องคืนอำนาจให้รัฐสภา และมีการเลือกตั้งทั่วไปในเวลาต่อมา
ทำให้พรรคฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวาต่างได้รับเลือกตั้งเข้าสภาฯ แต่พรรคคอมมิวนิสต์แห่งเนปาล (เหมาอิสต์) ที่มีนโยบายเปลี่ยนระบอบราชาธิปไตย ไปเป็นระบอบสาธารณรัฐด้วยการแก้รัฐธรรมนูญได้รับเลือกตั้งเข้ารัฐสภามากที่สุดครับ
จะเห็นได้ว่า..เนปาลมีปัญหาภายในของราชวงศ์กันเอง กษัตริย์ที่ขึ้นครองราชย์ประชาชนไม่ชื่นชอบ และกษัตริย์ยังเป็นผู้เปลี่ยนการปกครองย้อนกลับไปสู่ระบอบราชาธิปไตย
ส่วนไทยนั้น..อยู่ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มากว่า76 ปีแล้ว กอปรกับพระมหากษัตริย์ไทยพระองค์นี้ ทรงตั้งอยู่ในทศพิธราชธรรมยิ่งนัก ทรงห่วงใยทวยราษฎร์ตลอดเวลา ทรงทุ่มเทตรากตรำพระวรกายอย่างหนักเพื่อพัฒนาประเทศชาติ และยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของชาวไทยเสมอมา
ปวงชนชาวไทยจึงเคารพรักและเทิดทูนพระมหากษัตริย์พระองค์นี้กันทั่วด้าวแดนไทย ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จึงเป็นสิ่งที่ประชาชนคนไทยหวงแหน นั่นคือ ความแตกต่างระหว่างไทยกับเนปาลครับ
แต่ผมยอมรับครับว่า ไทย-เนปาลมีเหมาอิสต์เหมือนกัน เหมาอิสต์ไทยในอดีตยึดทฤษฎี “ชนบทล้อมเมือง” พรรคคอมมิวนิสต์ไทยจึงปักหลักสู้รัฐบาลไทยอยู่ในป่า และมาเติบโตเพิ่มแนวร่วมช่วงหลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 โดยผ่านกลุ่มปัญญาชน กลุ่มนักคิดนักเขียน สื่อมวลชน นักเรียน นักศึกษาบางส่วน ฯลฯ
การเมืองช่วงนั้น..จึงเป็นการปะทะและต่อสู้กันระหว่างระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข กับระบอบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์โดยตรงครับ!
ในที่สุด..ก็เกิดเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ฝ่ายเหมาอิสต์ถูกปราบจนต้องผละสนามรบเมือง หันไปจับปืนสู้อยู่ในป่ากับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย
แต่ต้องขอยืมคำบางถ้อยใน “สามก๊ก” มาใช้ นั่นคือ “ฟ้าให้จิวยี่มาเกิด แล้วทำไมต้องให้ขงเบ้งมาเกิด?” เพราะ “ฟ้าให้พวกเหมาอิสต์ไทยมาเกิด แต่ทำไมดันให้ “ป๋าเปรม” มาเกิดด้วย?”
ป๋าเปรมได้ออกนโยบาย 66/2523 ในขณะที่คอมมิวนิสต์แนวโซเวียต-เวียดนาม-ลาว เกิดแตกความคิดกับคอมมิวนิสต์ไทยและจีน ป๋าเปรมผู้มีบิ๊กจิ๋วเป็นมือขวาจึงลอดรักแร้แอบจับมือกับคอมมิวนิสต์จีน ต้านการขยายตัวของคอมมิวนิสต์เวียดนามและลาว ที่มีรัสเซียหนุนหลังอยู่ทันที
จีนเอาใจรัฐบาลไทยด้วยการไล่สถานีวิทยุ สปท.ของคอมมิวนิสต์ไทยออกจากเมืองคุนหมิงและงดช่วยยุทธปัจจัยทุกชนิด จนพวกเหมาอิสต์ไทยพ่ายรัฐบาลไทยอย่างง่ายดาย การนิรโทษกรรมตามนโยบาย 66/2523 ทำให้คอมมิวนิสต์ส่วนใหญ่กลับมาใช้ชีวิตได้ดังปกติ
พวกเหมาอิสต์บางคนยังกอดลัทธิเหมาฯ ต่อ แต่อีกไม่น้อยยอมเป็นทาสรับจ้างทุนนิยมสามานย์ คนพวกนี้แหละได้วางยุทธศาสตร์-ยุทธวิธี มุ่งโค่นล้มสิ่งที่เขาเรียกกันว่า..ศักดินาล้าหลัง เพื่อเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยแบบสาธารณรัฐ ที่เปลี่ยนตรงพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ให้เป็นประธานาธิบดีเป็นประมุขครับ
ส่วนคนที่เหมาะเป็นประธานาธิบดีคนแรกของประเทศไทยนั้น พวกอดีตเหมาอิสต์ไทยซุบซิบกันพอได้ยินว่า คนคนนั้นต้องรวยล้นฟ้า (ขี้โกงก็ไม่เป็นไร) เพื่อจะได้ใช้เงินซื้อเสียงให้ได้ ส.ส.มากที่สุดในสภาฯ ทั้งหมดก็เพื่อบรรลุแผนการ..
หนึ่ง-ยึดครองรัฐสภา เพื่อแก้กฎหมายตามใจชอบ โดยไม่ต้องสนใจใครหน้าไหน ไม่ต้องแยแสประชามติคนไทย เพราะการมี ส.ส.เสียงข้างมากนั้น..ทำอะไรก็ได้ทุกอย่าง!
สอง-ครองอำนาจรัฐ เพื่อจะได้คอร์รัปชันโกงกิน ตั้งญาติพี่น้องและพวกพ้องเป็นใหญ่ จะจับจะปราบคนเห็นต่าง เช่น พวกพันธมิตรราว 10 กว่าล้านคน หรือมากกว่านั้นก็ได้ เพราะมี ส.ส.เกินครึ่งสภาฯ!!
เฮ้อ..คงต้องขอเตือนตรงๆ ว่า ไทยไม่ใช่เนปาล-เนปาลก็มิใช่ไทย พวกคุณ (มึง) นักการเมือง จงหยุดคิดและทำเรื่องชั่วๆ แบบนั้นโดยพลัน!!!
ความที่พรรคการเมืองซึ่งทักษิณหนุนหลังอย่างเปิดเผย มีการกระทำผิดจนถูกจับได้ว่าโกงการเลือกตั้ง จนอาจจะโดนยุบพรรคในอนาคต
สองกรณีหลักนี้ทำให้ทักษิณกับพวก ต้องเร่งแก้รัฐธรรมนูญปี 2550 ที่เป็นต้นเหตุจับกลโกงของพวกตนได้ โดยจะกลับไปใช้รัฐธรรมนูญที่ทักษิณได้เปรียบ เพื่อคดีความจะได้หายจากสาร
บบทั้งทางตรงและทางอ้อม เรียกว่าใช้รัฐธรรมนูญปี 2540 เมื่อไหร่ทักษิณและพวกปลอดภัยครับ
ดังนั้น..งานหลักของนายกรัฐมนตรีกับ ครม.และ ส.ส.นอมินีทั้งหลาย ก็เลยมิใช่เรื่องทำเพื่อชาติและประชาชนอีกแล้ว หากแต่เป็นเรื่องทำเพื่อคนไม่กี่คน จนต้องลุกลี้ลุกลนกับการแก้รัฐธรรมนูญปี 2550 มาเป็นรัฐธรรมนูญปี 2540 โดยด่วนไปเสียฉิบ
คิดและทำเช่นนี้..น่ากลัวจริงๆ เพราะใช้เงินซื้อทุกอย่างได้ด้วยกลวิธีสกปรก จนมี ส.ส.มากเกินครึ่งสภาฯ แล้วถือว่าชอบธรรมที่สุด ไม่ต้องฟังประชามติคน 14 กว่าล้านคน ไม่ต้องฟังใครในชาตินี้อีกแล้ว มือในสภาฯ ใหญ่สุดจะแก้-เปลี่ยน-จะทำอะไรได้หมดทุกอย่าง!
เพราะพวกคุณ (มึง)-นักการเมืองคิดและทำกันแบบนั้น ทำให้พวกผม (กู)-ประชาชนต้องคิดแบบนี้
คิดว่า..พวกคุณ (มึง)-นักการเมืองเชื่อถือไม่ได้แม้นกระผีกริ้น ชอบพูดจาตระบัดสัตย์เสมอพูดหาเสียงอย่าง-แต่ทำอีกอย่าง แถมเอาแต่ประโยชน์ใส่ตนและพวกพ้อง มุ่งแต่โกงกินชาติบ้านเมืองมาโดยตลอด
ดังนั้น ในอนาคตพวกคุณ (มึง)-นักการเมือง อาจใช้มือ ส.ส.ข้างมากในรัฐสภาลงมติ เปลี่ยนแปลงระบอบการเมืองจากประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไปสู่ระบอบสาธารณรัฐอันมีประธานาธิบดีเป็นประมุขก็ได้..จริงไหม?!
ใครหน้าไหนจะเสนอหน้าออกมารับประกัน และถึงใครจะออกมารับประกันด้วยชีวิต พวกผม (กู)-ประชาชนก็ไม่เชื่อพวกคุณ (มึง)-นักการเมืองอีกต่อไปแล้ว (โว้ย)
ยอมรับไหมล่ะว่า..วันนี้ประเทศไทยมีคนกลุ่มหนึ่ง กำลังบ่อนทำลายการเมืองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ให้เป็นระบอบประชาธิปไตยสาธารณรัฐอันมีประธานาธิบดีเป็นประมุข
พอนักวิชาการ สื่อมวลชน และประชาชนออกมาต่อสู้ เปิดโปงพวกจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูงก็มีนักวิชาการ สื่อมวลชน นักการเมืองสามานย์บางคนออกมากล่าวหาว่า ทำให้เกิดความแตกแยกในชาติบ้างล่ะ ดึงฟ้าให้ต่ำบ้างล่ะ แถมชอบพูดนักพูดหนาว่า อย่าไปพูดหรือต่อล้อต่อเถียงกับพวกที่กำลังทำร้ายทำลายระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพราะเป็นสิทธิเสรีภาพของบุคคลเหล่านั้น!
ทุกสิ่งที่เลวร้ายคงไม่บานปลายดังทุกวันนี้หรอก หากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งยุคทักษิณและสมัคร จัดการกับพวกทำผิดกฎหมายที่ทำร้ายทำลายเบื้องสูงอย่างจริงจัง แต่นี่กลับปล่อยให้พวกทำผิดลอยนวล แถมกำเริบเสิบสานขยายเครือข่ายกันอย่างโจ๋งครึ่มยิ่งขึ้นอีกด้วย ฯลฯ
คนรักระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทุกคน จึงทนนิ่งเฉยอีกต่อไปไม่ได้ ยิ่งพระมหากษัตริย์พระองค์นี้ทรงทศพิธราชธรรมยิ่งนัก ใครล่ะจะนิ่งดูดายให้พวกสามานย์เหล่านั้นโจมตีทำร้ายทำลายสถาบันที่ปวงชนชาวไทยรักเทิดทูนอยู่ข้างเดียวได้?
โดยเฉพาะสิ่งที่คนพวกนั้นทำ ผิดทั้งจารีตประเพณีและกฎหมาย ที่สำคัญทำร้ายจิตใจประชาชนคนไทยอย่างรุนแรงจนสุดทนจริงๆ ครับ
ผมขอบอกว่า..เนปาลไม่เหมือนไทย-ไทยก็ไม่เหมือนเนปาล
ประเทศเนปาลเคยปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยช่วงสั้นๆ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นระบอบราชาธิปไตย โดยมีกษัตริย์มเหนทราทรงเป็นประมุข จนปี 2539 พรรคคอมมิวนิสต์แห่งเนปาลได้ทำสงครามประชาชน ปี 2544 มกุฎราชกุมารทิพเพนทราได้ก่อการสังหารหมู่กษัตริย์พิเรนทราพระบิดา พระราชินีไอศวรรย์พระมารดา และพระญาติในพระราชวังรวมเก้าพระองค์ แล้วปลิดพระชนมชีพพระองค์เองสิ้นพระชนม์ตาม
เจ้าชายคยาเนนทราพระอนุชาของกษัตริย์พิเรนทราที่สิ้นพระชนม์ จึงขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์ต่อมา แต่ก็มีข่าวลือสะพัดในทางไม่ดีไม่งามมากมาย ยิ่งปี 2548 กษัตริย์คยาเนนทราได้ทรงยึดอำนาจจากรัฐบาล เกิดการต่อต้านจากบรรดาพรรคการเมืองและประชาชนขนานใหญ่
ถึงขนาดพรรคขวาจัดและพรรคซ้ายจัดเหมาอิสต์ ร่วมกันนำพาประชาชนออกเคลื่อนไหวเดินขบวนกันทั่วประเทศ จนในที่สุดกษัตริย์คยาเนนทราจำต้องคืนอำนาจให้รัฐสภา และมีการเลือกตั้งทั่วไปในเวลาต่อมา
ทำให้พรรคฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวาต่างได้รับเลือกตั้งเข้าสภาฯ แต่พรรคคอมมิวนิสต์แห่งเนปาล (เหมาอิสต์) ที่มีนโยบายเปลี่ยนระบอบราชาธิปไตย ไปเป็นระบอบสาธารณรัฐด้วยการแก้รัฐธรรมนูญได้รับเลือกตั้งเข้ารัฐสภามากที่สุดครับ
จะเห็นได้ว่า..เนปาลมีปัญหาภายในของราชวงศ์กันเอง กษัตริย์ที่ขึ้นครองราชย์ประชาชนไม่ชื่นชอบ และกษัตริย์ยังเป็นผู้เปลี่ยนการปกครองย้อนกลับไปสู่ระบอบราชาธิปไตย
ส่วนไทยนั้น..อยู่ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มากว่า76 ปีแล้ว กอปรกับพระมหากษัตริย์ไทยพระองค์นี้ ทรงตั้งอยู่ในทศพิธราชธรรมยิ่งนัก ทรงห่วงใยทวยราษฎร์ตลอดเวลา ทรงทุ่มเทตรากตรำพระวรกายอย่างหนักเพื่อพัฒนาประเทศชาติ และยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของชาวไทยเสมอมา
ปวงชนชาวไทยจึงเคารพรักและเทิดทูนพระมหากษัตริย์พระองค์นี้กันทั่วด้าวแดนไทย ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จึงเป็นสิ่งที่ประชาชนคนไทยหวงแหน นั่นคือ ความแตกต่างระหว่างไทยกับเนปาลครับ
แต่ผมยอมรับครับว่า ไทย-เนปาลมีเหมาอิสต์เหมือนกัน เหมาอิสต์ไทยในอดีตยึดทฤษฎี “ชนบทล้อมเมือง” พรรคคอมมิวนิสต์ไทยจึงปักหลักสู้รัฐบาลไทยอยู่ในป่า และมาเติบโตเพิ่มแนวร่วมช่วงหลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 โดยผ่านกลุ่มปัญญาชน กลุ่มนักคิดนักเขียน สื่อมวลชน นักเรียน นักศึกษาบางส่วน ฯลฯ
การเมืองช่วงนั้น..จึงเป็นการปะทะและต่อสู้กันระหว่างระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข กับระบอบสังคมนิยมคอมมิวนิสต์โดยตรงครับ!
ในที่สุด..ก็เกิดเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ฝ่ายเหมาอิสต์ถูกปราบจนต้องผละสนามรบเมือง หันไปจับปืนสู้อยู่ในป่ากับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย
แต่ต้องขอยืมคำบางถ้อยใน “สามก๊ก” มาใช้ นั่นคือ “ฟ้าให้จิวยี่มาเกิด แล้วทำไมต้องให้ขงเบ้งมาเกิด?” เพราะ “ฟ้าให้พวกเหมาอิสต์ไทยมาเกิด แต่ทำไมดันให้ “ป๋าเปรม” มาเกิดด้วย?”
ป๋าเปรมได้ออกนโยบาย 66/2523 ในขณะที่คอมมิวนิสต์แนวโซเวียต-เวียดนาม-ลาว เกิดแตกความคิดกับคอมมิวนิสต์ไทยและจีน ป๋าเปรมผู้มีบิ๊กจิ๋วเป็นมือขวาจึงลอดรักแร้แอบจับมือกับคอมมิวนิสต์จีน ต้านการขยายตัวของคอมมิวนิสต์เวียดนามและลาว ที่มีรัสเซียหนุนหลังอยู่ทันที
จีนเอาใจรัฐบาลไทยด้วยการไล่สถานีวิทยุ สปท.ของคอมมิวนิสต์ไทยออกจากเมืองคุนหมิงและงดช่วยยุทธปัจจัยทุกชนิด จนพวกเหมาอิสต์ไทยพ่ายรัฐบาลไทยอย่างง่ายดาย การนิรโทษกรรมตามนโยบาย 66/2523 ทำให้คอมมิวนิสต์ส่วนใหญ่กลับมาใช้ชีวิตได้ดังปกติ
พวกเหมาอิสต์บางคนยังกอดลัทธิเหมาฯ ต่อ แต่อีกไม่น้อยยอมเป็นทาสรับจ้างทุนนิยมสามานย์ คนพวกนี้แหละได้วางยุทธศาสตร์-ยุทธวิธี มุ่งโค่นล้มสิ่งที่เขาเรียกกันว่า..ศักดินาล้าหลัง เพื่อเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยแบบสาธารณรัฐ ที่เปลี่ยนตรงพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ให้เป็นประธานาธิบดีเป็นประมุขครับ
ส่วนคนที่เหมาะเป็นประธานาธิบดีคนแรกของประเทศไทยนั้น พวกอดีตเหมาอิสต์ไทยซุบซิบกันพอได้ยินว่า คนคนนั้นต้องรวยล้นฟ้า (ขี้โกงก็ไม่เป็นไร) เพื่อจะได้ใช้เงินซื้อเสียงให้ได้ ส.ส.มากที่สุดในสภาฯ ทั้งหมดก็เพื่อบรรลุแผนการ..
หนึ่ง-ยึดครองรัฐสภา เพื่อแก้กฎหมายตามใจชอบ โดยไม่ต้องสนใจใครหน้าไหน ไม่ต้องแยแสประชามติคนไทย เพราะการมี ส.ส.เสียงข้างมากนั้น..ทำอะไรก็ได้ทุกอย่าง!
สอง-ครองอำนาจรัฐ เพื่อจะได้คอร์รัปชันโกงกิน ตั้งญาติพี่น้องและพวกพ้องเป็นใหญ่ จะจับจะปราบคนเห็นต่าง เช่น พวกพันธมิตรราว 10 กว่าล้านคน หรือมากกว่านั้นก็ได้ เพราะมี ส.ส.เกินครึ่งสภาฯ!!
เฮ้อ..คงต้องขอเตือนตรงๆ ว่า ไทยไม่ใช่เนปาล-เนปาลก็มิใช่ไทย พวกคุณ (มึง) นักการเมือง จงหยุดคิดและทำเรื่องชั่วๆ แบบนั้นโดยพลัน!!!