xs
xsm
sm
md
lg

ฤา..ทุนนิยมสามานย์จะครองไทย (ตอนจบ)

เผยแพร่:   โดย: เชี่ยวชวนะ

มนุษย์เลือกเกิดไม่ได้ แต่มนุษย์เลือกหนทางเป็นโมฆบุรุษหรือรัฐบุรุษได้!

ทักษิณ-มีโอกาสมากกว่าผู้คนในประเทศนี้ ที่จะเลือกเดินหนทางเป็นรัฐบุรุษ แต่ครั้งแรกในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่ยิ่งใหญ่ เขากลับเลือกเดินสู่ถนนสายโมฆบุรุษอย่างไม่น่าเชื่อ!!


นั่นเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยึดถือปรัชญาชีวิตเพียงแค่...

จงหาเงินให้ได้มากที่สุด จงเชื่อในอำนาจของเงิน จงใช้เงินซื้อทุกอย่างที่ขวางหน้า เพื่อให้ได้มาทั้งอำนาจและผลประโยชน์ที่ต้องการ!!!

แต่หากใครที่อยู่ในวงลึกลงไปทางการเมือง จะยิ่งรู้ว่า..ทักษิณจะเป็นคนพูดจริง-ทำจริง (กับการเมืองที่เปิดเผยได้) และจะเป็นคนพูดอย่าง-ทำอย่าง (กับการเมืองที่ต้องปิดบังอำพรางไว้ก่อน) เพียงเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองและธุรกิจเท่านั้น

ต้องถือว่า..วันนี้..ทักษิณมีโอกาสทองครั้งที่สอง ที่จะเลือกเป็นรัฐบุรุษหรือโมฆบุรุษ แต่น่าเสียดายที่ทักษิณเลือกเป็นโมฆบุรุษอีกครั้ง ด้วยพฤติกรรมดังนี้ครับ

สำหรับประเทศไทยต้องยอมรับว่า เงินมากมายของทักษิณสำแดงเดชได้อย่างเต็มพลังแล้ว เริ่มจากซื้อตัวอดีต ส.ส.มาเป็นนอมินี ตั้งพรรคการเมืองนอมินี ตั้งหัวหน้าพรรคนอมินี ซื้อระบบควบคุมการเลือกตั้งในบางส่วนที่สำคัญ เพื่อชิงความได้เปรียบในการใช้เล่ห์เพทุบายซื้อเสียง โดยผู้ดูแลกฎหมายการเลือกตั้งจงใจเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ โดยเฉพาะอำนาจรัฐมีพฤติกรรมประหนึ่งเป็นไส้ศึก เอื้อประโยชน์ทางการเมืองให้ทักษิณกับพวกตลอดห้วงปีเศษที่ผ่านมา ฯลฯ

23 ธันวาคม 2550 ทักษิณจึงสามารถนำ ส.ส.นอมินีเกือบครึ่งเข้ายึดสภาฯ

หลังจากนั้นทักษิณก็ตั้งประธานสภาฯ นอมินีสีเทา นายยงยุทธ ติยะไพรัช และนายกฯ นอมินีสีเทา นายสมัคร สุนทรเวช อีกไม่นานคณะรัฐมนตรีนอมินีก็จะได้รับการโปรดเกล้าฯ เรียบร้อยโรงแรมมาร์โคโปโลแห่งเกาะฮ่องกง ที่มีทักษิณนั่งบัญชาการอย่างเปิดเผยอยู่ที่นั่น

จากนั้นพลังทุนนิยมสามานย์ที่มาจากการเลือกตั้ง ก็จะบริหารประเทศนี้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ถือได้ว่า..ทักษิณยึดอำนาจรัฐประเทศไทยคืน ได้อย่างเบ็ดเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ

ประธานสภาฯ นอมินีสีเทา นายกรัฐมนตรีนอมินีสีเทา คณะรัฐมนตรีนอมินีสีเทา ที่แต่งตั้งโดยนายกฯ หมายเลขหนึ่ง ณ มาร์โคโปโลแห่งเกาะฮ่องกงนั้น ใครจะก่นด่าว่าทำให้ประเทศชาติเสื่อมเสียชื่อเสียง ทักษิณก็ไม่แยแสใส่ใจ ขอเพียงเพื่อสนองตอบผลประโยชน์ของตนสถานเดียวเท่านั้น

เอาล่ะ..ครานี้มาส่องกล้องมองทุนนิยมสามานย์สิว่า หากจะครองอำนาจรัฐไทยให้ได้นานที่สุดนั้น เขาต้องทำอะไรต่อบ้าง?

สิ่งสำคัญที่สุดอันถือเป็นหัวใจ นั่นคือ จากนี้เป็นต้นไป..ทุนนิยมสามานย์ จะทุ่มทุกสรรพกำลังทั้งคน-เงิน-นโยบายประชานิยม ลงสู่ภาคอีสานและภาคเหนือ เพื่อชัยชนะในการเลือกตั้งคราหน้าและตลอดไป

หากทักษิณผู้นำทุนนิยมสามานย์ ยึดใจและใช้เงินซื้อประชาชนทั้ง 2 ภาคนี้ได้สำเร็จ ก็จะได้ ส.ส.มากที่สุด..การยึดอำนาจรัฐย่อมอยู่ในกำมือของพวกทุนนิยมสามานย์อย่าง“ถาวร” แต่การจะบรรลุเป้าหมายนั้นได้ ย่อมมีอุปสรรคขัดขวางไม่น้อย หากพลาดพลั้งก็อาจพ่ายแพ้ได้เช่นกัน

หนึ่ง-รัฐบาลนอมินีทักษิณที่ผสมพันธุ์กันหลายก๊กหลายเหล่า ย่อมไม่แข็งแกร่งเท่ารัฐบาลในอดีตที่ทักษิณเป็นนายกฯ ด้วยตนเอง นายกฯ และคณะรัฐมนตรีนอมินีเช่นนี้ ย่อมมิอาจทำอะไรได้ดังใจทักษิณต้องการทุกประการ และสุดท้ายย่อมหนีไม่พ้นการหาผลประโยชน์ เข้าสู่ตัวใครตัวมันเป็นหลัก และจะนำไปสู่ความขัดแย้งทั้งปวงในอนาคตอันใกล้ นั่นหมายถึง..รัฐบาลทุนนิยมสามานย์มีโอกาสล้มคว่ำได้

สอง-ผลประโยชน์เฉพาะหน้าของรัฐบาลและสภาฯ นอมินี ที่ต้องนิรโทษกรรมบ้านเลขที่ 111 ซึ่งมีทักษิณร่วมอยู่ด้วย และการพยายามซื้อและแทรกแซงทุกฝ่ายด้วยเงินและอำนาจ เพื่อทักษิณและครอบครัว จะได้หลุดพ้นจากความผิดในการคอร์รัปชัน นั่นล้วนเป็นสิ่งที่ประชาชนและสังคมไม่อาจรับได้ และจะยังผลให้รัฐบาลทุนนิยมสามานย์ล้มได้เช่นกัน

สาม-ศักดินา-อมาตยาธิปไตยไม่ยอมแพ้ง่ายๆ พลังที่ “มองไม่เห็น” ยังขับเคลื่อนต่อสู้อย่างเงียบๆ หากพลังนี้มีการปรับตัว ปรับการต่อสู้ รัฐบาลนอมินีของทักษิณที่มีจุดอ่อนจุดตายมากมาย ย่อมมีโอกาสสูงที่จะล้มคว่ำคะมำหงายเมื่อไหร่ก็ได้

สี่-พฤติกรรมการเมืองที่ยังย่ำเท้าอยู่บนผลประโยชน์เฉพาะส่วน ของบรรดานักการเมือง-พรรคการเมือง-ครม.-นายกรัฐมนตรีนอมินีของทุนนิยมสามานย์ ล้วนขัดต่อผลประโยชน์ของชาติบ้านเมืองและประชาชนคนไทย ดังนั้นองค์กรประชาชนที่รักชาติ ย่อมหนีไม่พ้นที่จะก่อตัว-รวมตัว-คัดค้าน-ต่อสู้กับรัฐบาลทุนนิยมสามานย์อีกครั้งหนึ่ง นั่นจะเป็นอีกพลังที่จะต่อสู้ยิบตา เพื่อโค่นล้มรัฐบาลทุนนิยมสามานย์อย่างแน่นอน

ห้า-แม้นรัฐบาลทุนนิยมสามานย์และกลุ่มทุนผูกขาด จะใช้เงินและทุกอย่างซื้อและยึดสื่อสารมวลชนไม่น้อยมาไว้ในกำมือ ด้วยวิธีส่งพรรคพวกเข้าไปถือหุ้นในวงการสื่อสิ่งพิมพ์-วิทยุและโทรทัศน์ ซื้อคอลัมนิสต์และนักหนังสือพิมพ์ขายตัว-ขายอุดมการณ์เป็นรายบุคคล อีกทั้งยังเข้าควบคุมสื่อมวลชนของรัฐอีกต่างหาก

แต่ต้องเชื่อว่า..ความลับไม่มีในโลก..ไม่ช้าก็เร็ว ความลับย่อมไม่เป็นความลับ เพราะสื่อมวลชนที่รักชาติรักประชาชนอีกไม่น้อย ย่อมไม่ยอมให้นักการเมืองชั่วร้าย นำสังคมเดินหน้าไปสู่ความมืดบอดและความหายนะ สื่อรักชาติเหล่านี้นี่แหละ จะเป็นอีกพลังหนึ่งที่เปิดโปง-แฉโพยความชั่วของพวกนักการเมืองสามานย์ ที่เป็นนอมินีของทุนนิยมสามานย์จนรัฐบาลชั่วๆพังพาบลง

หก-แม้นจะไม่หวัง..แต่อย่างน้อยก็ต้องเชื่อว่า พรรคฝ่ายค้านในสภาฯ อย่างประชาธิปัตย์ จะต้องใช้เวทีสภาฯ ต่อกรกับรัฐบาลนอมินีของกลุ่มทุนนิยมสามานย์ และผลย่อมทำให้รัฐบาลนอมินีทุนนิยมสามานย์อ่อนแอลง จนยากจะมีเสถียรภาพอยู่ได้อย่างมั่นคง

นั่นเป็นแค่ส่วนหนึ่งของอุปสรรคสำคัญ ฉายภาพจริงให้เห็นว่า รัฐบาลนอมินีของทุนนิยมสามานย์ มิได้เข้มแข็งจริงดังภาพลวงตา และอาจทำให้รัฐบาลทุนนิยมสามานย์ยึดครองไทยไม่ได้อย่างถาวร ทั้งนี้..อยู่ที่ยุทธศาสตร์และกลยุทธ์การต่อกรของศึก 3 เส้า

เส้าที่หนึ่ง-กลุ่มทุนนิยมสามานย์ ที่วันนี้มีทั้งอำนาจรัฐและมีฝ่ายซ้าย รวมทั้งมวลชนจัดตั้งเป็นพลพรรค พุ่งเป้าหมายจะต้องยึดอำนาจรัฐให้ได้นานที่สุด พร้อมๆ กับลดบทบาทของฝ่ายตรงข้ามให้มากที่สุด กระทั่งหากมีโอกาส..อาจจะทำลายล้างฝ่ายตรงข้าม ให้หมดสิ้นอำนาจทางการเมืองไปอย่างถาวรก็ได้!

เส้าที่สอง-ฝ่ายศักดินา-อมาตยาธิปไตย ที่วันนี้ค่อนข้างโดดเดี่ยว เคลื่อนไหวอย่างไร้พลังเท่าที่ควร เนื่องจากยามมีอำนาจรัฐไว้ในกำมือ ไม่ส่งเสริมมิตร กระทำการทุกอย่างโดยไม่แยกมิตร-แยกศัตรู แถมยังใช้อำนาจรัฐที่ยึดได้อย่างไร้ประสิทธิภาพ-ไม่เด็ดขาด-อ่อนแอ-ประนีประนอม ฯลฯ จนภาคประชาชนที่เคยร่วมต่อสู้ไม่วางใจ สุดท้ายก็พ่ายแพ้ต่ออำนาจเงินของกลุ่มทุนนิยมสามานย์จนถึงขนาดเสียอำนาจรัฐไปอีกครั้งหนึ่ง ฯลฯ

เส้าที่สาม-ภาคประชาชนที่แม้นจะไม่เคย ได้รับผลตอบแทนอะไรอย่างจริงจังจากทั้งสองฝ่าย แต่ภาคประชาชนคงจะปฏิเสธอำนาจรัฐชั่วร้าย-ฉ้อฉล-ปล้นชาติ-ปล้นประชาชน และคงมีการต่อสู้ทุกรูปแบบในอนาคตอย่างแน่นอน ฯลฯ

นั่นมิใช่การมองการณ์ร้ายอย่างมีอคติ แต่มันเป็นเหตุการณ์ทางการเมืองในอนาคตอันใกล้ ที่จะต้องเกิดขึ้นในประเทศนี้อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

การสัประยุทธ์ทางการเมืองย่อมมีแพ้-ชนะ ปี 2549 กลุ่มทุนนิยมสามานย์ถูกรัฐประหาร ปี 2550 กลุ่มทุนนิยมสามานย์ชนะการเลือกตั้ง แต่ปี 2551 และปีต่อไป...ไม่รู้ว่าทุนนิยมสามานย์หรือศักดินา-อมาตยาธิปไตย ใครจะเป็นฝ่ายแพ้ฝ่ายชนะ?

อย่างไรก็ตามที่ผ่านมา..ภาคประชาชน ไม่เคยเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้มากเท่าที่ควรจะได้ ณ บัดนี้..ถึงเวลาแล้วหรือยัง? ที่ภาคประชาชนจะต้องเพิ่มและสร้างองค์กรให้หลากหลายและเข้มแข็ง เพื่อจะได้ปกป้องผลประโยชน์ชาติและประชาชนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น นั่นคือ

มีพรรคการเมืองของประชาชนที่แท้จริง ประสานการต่อสู้นอกสภาฯ และในสภาฯ เพื่อเข้าบริหารอำนาจรัฐสร้างชาติและประชาชนให้เจริญรุ่งเรืองสืบไป!!!
กำลังโหลดความคิดเห็น