xs
xsm
sm
md
lg

ซี่โครงแมวต้มฟัก!

เผยแพร่:   โดย: ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

ในที่สุดนายสมัคร สุนทรเวช ก็เตรียมก้าวเข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 25 ของประเทศไทยจนได้

นายสมัคร สุนทรเวช คือบุคลากรทางการเมืองอาวุโส ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวกับประสบการณ์อันโชกโชนทางการเมืองตั้งแต่ยังเป็นหนุ่ม มีชั้นเชิงวาทศิลป์ที่เรียกประชาชนฟังได้อย่างยอดเยี่ยม มีฝีปากกล้า และยังเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถรอบด้าน

นายสมัคร สุนทรเวช เคยเป็น ส.ส. 11 สมัย, เคยเป็นกรรมาธิการพิจารณางบประมาณ 10 ครั้ง, เคยเป็นประธานคณะกรรมาธิการการเงิน การคลัง และการธนาคาร 3 ปี, เคยเป็นประธานคณะกรรมาธิการการปกครอง 2 ปี, เคยเป็นประธานคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ 2 ปี, เคยเป็นประธานคณะกรรมาธิการการคมนาคม 3 ปี, เคยเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, เคยเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย, เคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, เคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม 2 หน, เคยเป็นรองนายกรัฐมนตรี 3 หน, เคยเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และเคยได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภาอีกด้วย

นายสมัคร เคยเป็นทั้งนักหนังสือพิมพ์, นักจัดรายการทางวิทยุ, นักจัดรายการวิพากษ์วิจารณ์ทางโทรทัศน์, นักเขียนหนังสือ, และพ่อครัวจากรายการชิมไปบ่นไป (น้ำลายกระเด็น)

เรียกได้ว่านายสมัคร สุนทรเวชเป็นมาแล้วแทบทุกอย่างยกเว้นในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี !!

น่าเสียดายที่บทบาทของนายสมัคร ในรอบปีกว่าที่ผ่านมาในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชาชนกลับใช้การชูประเด็นการนำ พ.ต.ท.ทักษิณกลับประเทศไทย และการชุบชีวิตอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยให้กลับคืนมาจนกลบความสามารถรอบด้านของนายสมัครไปเสียหมด

แต่ถ้านายสมัคร ไม่ได้ยืนอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ก็ไม่รู้ว่าจะมีหนทางที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีในช่วงสุดท้ายของบั้นปลายชีวิตได้อย่างไร?

เพราะการยืนหยัดของนายสมัครในการวิพากษ์วิจารณ์บุคลากรในสถาบันองคมนตรีอย่างชัดเจนที่สุดจนต้องยุติรายการทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ในวันนั้น ทำให้คนอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่พูดกล่าวหา “ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ” ว่าแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมและการบริหารประเทศไปต้องหันไปมองคนที่กล้าท้าทายยืนเผชิญหน้ากับบุคลากรในสถาบันองคมนตรีแบบนายสมัคร

ลักษณะแบบนายสมัคร จึงทำให้เกิดกระบวนการ ม็อบ นปก. ที่ด่าทอ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีถึงหน้าบ้าน เป็นการกระทำอย่างชนิดที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนต่อบุคคลในสถาบันองคมนตรี

คนที่ขึ้นเวที แถลงข่าว หรือจัดรายการ ตำหนิติเตียนการทำงานของบุคคลในสถาบันองคมนตรีในพรรคพลังประชาชนจึงก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสำคัญหลังการเลือกตั้งในครั้งนี้อย่างพร้อมเพรียงทั้งฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ

ความเชื่อแบบนายสมัครน่าจะมีอยู่ว่ามีบุคคลในสถาบันองคมนตรีกระทำการเกินขอบเขตอำนาจของตัวเองและแปลงสาร จนทำให้เกิดความวุ่นวายทางการเมือง

บางคนยังเชื่อว่า นายสมัคร สุนทรเวช มีความเชื่อในการต่อสู้ของตัวเองโดยบริสุทธิ์ใจ แต่ก็ยังมีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างปฏิเสธไม่ได้

แต่นายสมัคร กลับเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถูกใส่ร้ายในเรื่องความไม่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยไม่สนใจพิจารณาสิ่งที่นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย ได้ยินอะไรมาด้วยหูของตัวเอง ไม่สนใจคำพูดที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรพูดกับนายโสภณ สุภาพงษ์ ไม่สนใจวันที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ปราศรัยหาเสียงกับกลุ่มผู้ขับรถแท็กซี่

นายสมัคร อาจจะเชื่ออีกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถูกใส่ร้ายในเรื่องของการทุจริตคอร์รัปชันในทุกๆ เรื่อง โดยที่ไม่ได้สนใจว่าผลแห่งคดีกรมสอบสวนคดีพิเศษจะเป็นอย่างไร ไม่สนใจว่าการทำงานของ คตส. ป.ป.ช. และสตง. เป็นอย่างไร?

นายสมัคร เป็นนักการเมืองที่มีจุดยืนชัดเจน ไม่สนใจใคร และไม่เคยเปลี่ยน ถึงขนาดเมื่อมีโอกาสในการจัดรายการทางสถานีโทรทัศน์แม้จะออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลไทยรักไทยในบางเรื่องพอเป็นพิธี แต่หากเป็นเรื่องที่รัฐบาลถูกกล่าวหาในเรื่องการไม่สุจริตก็พร้อมจะออกมาตอบโต้ในแทบทุกประเด็น ราวกับว่ารัฐบาลไทยรักไทยสุจริตและโปร่งใสในทุกกรณี

นายสมัคร พร้อมรบและตอบโต้กับสื่อสารมวลชน หรือองค์กรภาคเอกชนจนสุดตัว และด้วยคุณสมบัติที่ไม่เคยเปลี่ยนของนายสมัคร สุนทรเวชนี้เอง จึงทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ต้องเลือกเข้ามาเป็นผู้นำของพรรคพลังประชาชน และว่าที่นายกรัฐมนตรีของประเทศไทยในช่วงเวลานี้

เป็นตำแหน่งสูงสุดในฝ่ายบริหารที่นายสมัคร สุนทรเวช ไม่เคยนึกหรือคาดฝันมาก่อนหลังจากได้ลาออกจากพรรคประชากรไทย และมาลงสมัครรับเลือกตั้งในตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในปี 2543

เป็นตำแหน่งที่นายสมัคร สุนทรเวช ถึงกลับต้องยอมสงบปากสงบคำเป็นเวลาหลายวันเพื่อรักษากระแสพรรคเพื่อเป้าหมายสำคัญ

เป็นตำแหน่งที่นายสมัคร สุนทรเวช สรรหาตรรกะแปลกๆ ในการอธิบายคุณค่าและคุณงามความดีของนอมินีโดยการยกตัวอย่างโรงงานผลิตรถยนต์ข้ามชาติที่มาลงทุนในประเทศไทย ในขณะที่ยังมีนอมินีอีกมากในโลกที่ทำไปเพื่อหลบเลี่ยงภาษี, เพื่อฟอกเงิน, เพื่อรับเงินที่โกงชาติโกงแผ่นดิน ฯลฯ

การต่อสู้ของนายสมัครในฐานะนักจัดรายการทางโทรทัศน์ที่ออกหน้าปกป้องรัฐบาลไทยรักไทย และออกมาต่อสู้วิพากษ์วิจารณ์บุคคลในสถาบันองคมนตรี ด่าทอคำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญ ยืนหยัดตอบโต้แทนพ.ต.ท.ทักษิณหลังการรัฐประหารกำลังจะได้รับผลตอบแทนที่สูงค่าสำหรับนายสมัครในอีกไม่กี่วันนี้

หลัง นายสมัคร สุนทรเวช ได้เป็นนายกรัฐมนตรีแล้วประเทศไทยจะเดินไปทางไหน? เมื่อเครือข่ายและผู้นำในระบอบทักษิณยังมีความต้องการที่จะดำเนินการเพื่อความอยู่รอด และการกลับมายิ่งใหญ่ในทางการเมืองอีกครั้ง

ระบอบทักษิณที่ต้องการกลับเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร ควบคุมฝ่ายนิติบัญญัติจนวันนี้ก็ถือได้ว่าประสบความสำเร็จไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งดูแล้วนายสมัครก็ทำหน้าที่ของตัวเองมาจนถึงวันนี้ได้อย่างเรียบร้อยดี

ระบอบทักษิณที่ต้องการกลับเข้าสู่ฝ่ายบริหารเป็นรัฐบาล เพื่อปูนบำเหน็จให้กับคนที่ร่วมรบกันมา พร้อมๆ กับการเข้าสู่ในตำแหน่งที่จะมีส่วนได้เสียต่อคดีความของรัฐบาลชุดที่แล้ว ทั้งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งย่อมทำให้ข้าราชการทั้งหลายต้องยอมสยบต่อฝ่ายการเมืองในท้ายที่สุด ซึ่งเมื่อดูแล้วนายสมัครก็วางตัวได้เหมาะสมจนสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้เป็นผลสำเร็จ

ความหวาดเกรงต่อระบอบทักษิณที่จะทำให้กระบวนการตรวจสอบทั้งหลายต้องหยุดชะงักงัน ไม่สามารถเดินหน้าได้เหมือนกับที่เกิดขึ้นมาแล้วกับ กกต. หรือสำนักงานอัยการสูงสุด ยังไม่นับกระบวนการยุติธรรมทั้งหลายว่าจะยังถูกแทรกแซงด้วยผลประโยชน์จนพิกลพิการไปอีกมากเท่าใด หรือไม่?

ยังไม่นับคำประกาศที่มีมาตั้งแต่การเข้ามาเป็นหัวหน้าพรรคของนายสมัคร สุนทรเวช ที่จะยกเลิก คตส. และล้างมลทินให้กับอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111 คนให้กลับเข้าสู่การเมืองไทย

เมื่อได้หมดแล้วสิ่งสุดท้ายที่จะทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรตัดสินใจกลับประเทศก็คือความปลอดภัยในชีวิตของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

ฝ่ายความมั่นคงทั้งกระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะต้องถูกระบอบทักษิณเข้าไปโยกย้ายข้าราชการชำระสะสางระบบทั้งหมดจนสร้างความปลอดภัยต่อการเดินทางกลับมาในประเทศไทยในครอบครัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นนั้นก็อาจจะเกิดเป็นจริงได้เมื่อนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรีอย่างไม่มีปัญหาอะไร

แต่ใครจะไปรู้ได้ว่าหลังจากนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นกรณีคดีความของนายสมัคร สุนทรเวชในเรื่องรถและเรือดับเพลิง หรือคดีความหมิ่นประมาทที่นายสมัคร สุนทรเวชต้องผ่านบททดสอบว่ายังคงมีคุณสมบัติที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่

หรือแม้แต่คดีนายยงยุทธ ติยะไพรัช ประธานสภาผู้แทนราษฎรที่ยังไม่รู้ว่าจะยังคงมีความเสี่ยงต่อตำแหน่งหน้าที่ตัวเองในคดี กกต. และคดีความอาญาในกรณีการนำกองกำลังตำรวจไปยิงตู้เย็นใส่ชาวบ้าน

แต่เรื่องความเสี่ยงเหล่านี้ดูจะเลือนลางเต็มที!! โชคร้ายหรือโชคดีขนาดไหน ถึงขนาดที่ปีนี้เป็นปีหนู ยังมีนายกรัฐมนตรีที่ดันรักแมว

วันนี้ถ้าประชาชนที่ชื่นชอบนายสมัคร สุนทรเวชก็อาจจะเฉลิมฉลองด้วยการเปิบเมนูเด็ด “ซี่โครงไก่ต้มฟัก” ที่นายสมัครเคยแนะนำมาตามสบาย

แต่ถ้าประชาชนที่ผิดหวังนายสมัครในวันนี้หรือในอนาคต และกระทำการฝืนความรู้สึกประชาชนจนทนไม่ได้ ประชาชนกลุ่มนี้ก็อาจจะต้องหาเมนูใหม่รับประทานใน “ปีหนู” นี้แทนซึ่งอาจจะเป็น “ซี่โครงแมวต้มฟัก” แถวบ้านนายสมัครก็ได้ใครจะไปรู้!!?
กำลังโหลดความคิดเห็น