“จาตุรนต์” หนุน “หมัก” !?

ถ้าใครที่เป็นคนเคยผ่านยุคสมัย 14 ตุลา 16 จนถึง 6 ตุลา 19 เรื่อยดะหรือผ่านเผด็จการครองเมืองมาอย่างต่อเนื่องคงยังงงไม่หายกับปรากฎการณ์ที่คนในพรรคไทยรักไทย (พลังประชาชน) กลุ่มฝ่ายซ้ายนักเคลื่อนไหว เคยผ่านเหตุการณ์อันเจ็บปวดกับตัวเองแล้วหันมาจูบปากกับคนจมูกบานๆ อย่าง “ลุงหมัก” ได้อย่างสนิทแนบแน่น

นาทีนี้ไม่ต้องมาสาธยายให้เสียเวลา เพราะรับรู้กันไปตั้งนานแล้ว แต่ล่าสุดยังอดแปลกใจไม่หายกับความเคลื่อนไหวของ "จาตุรนต์ ฉายแสง" อดีตนักศึกษาแพทย์ที่เคยทิ้งตำราเข้าป่าไปร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ได้ลงทุนเช่าโรงแรมแถลงจุดยืน หนุนคนชื่อ"สมัคร สุนทรเวช" เป็นนายกฯคนที่ 25 แถมยังย้ำเตือน “พลังแม้ว” ไม่ให้ทิ้งหลักการ อย่ายอมก้มหัวให้เผด็จการ คมช.เสียอีก

เห็นภาพดังกล่าวแล้วต้องขยี้ตาซ้ำด้วยความแปลกใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น เพราะถ้าจะถามว่า เป็นสถานการณ์ก่อนหน้านี้ อาจทำใจให้เข้าใจได้ว่าสาเหตุที่ต้องทำใจยอมรับคนอย่าง “สมัคร สุนทรเวช” มาร่วมก๊วน อาจเป็นเพราะความจำเป็นบังคับ หรืออย่างมากเมื่อเดินชนกับนักข่าว อาจต้องตอบคำถามอย่างเสียไม่ได้ คงไม่มีใครติดใจ แต่ประเภทเช่าโรงแรมแถลงกลางเมืองแบบนี้ มันย่อมไม่ธรรมดาแน่นอน

อย่างไรก็ดี เมื่อโฟกัสไปยังสถานการณ์ทางการเมืองที่เริ่มขมวดปมเข้ามาเรื่อยๆ ทั้งในบรรยากาศสมานฉันท์ แบ่งผลประโยชน์ระหว่าง “ขั้วแม้ว-ขั้วใหม่” หลังจาก “นายหญิง” บินกลับเข้ามาออกโรงเองจนถึงขั้นมีข่าวยกหูต่อสายกันถึงตัว “ผู้ใหญ่” ขอโทษขอโพยกันไปเรียบร้อยแล้ว

พร้อมๆ กับข่าวเปลี่ยนตัวว่าที่นายกฯ เป็น “หมอเลี้ยบ” เข้ามาเสียบแทน โดยเจ้าตัวยังทำเป็นขัดเขินไม่ยอมรับ อ้างหลักการสารพัด แต่สังเกตให้ดีว่าไม่เคยปฏิเสธออกมาจากปากสักแอะ ในช่วงที่คนจมูกบานเริ่มบ่นดังๆ หลายครั้งเรื่อง “อีแอบ-มือสกปรก” คอยขัดขาอยู่เรื่อย

ดังนั้น เมื่อปะติดปะต่อเหตุการณ์เข้าเป็นเรื่องเดียวกันแล้ว ทำให้มองเห็นการเคลื่อนไหวของ"จาตุรนต์" ที่คงมุ่งหวังผลหลายประการ ทางหนึ่ง อาจหวังดี (แอบประสงค์ร้าย )ต่อ ลุงหมัก ให้ไปถึงฝั่งฝันตอนแก่ เนื่องจากเชื่อว่า ด้วยบุคลิกขวาจัดและฟัดดะไปทั่ว มั่นใจว่าอีกไม่นานก็คงต้องล่องจุ๊นแน่ ส่วนอีกทางหนึ่งเป็นการสกัดการเติบโตแบบพรวดพราดของ “เด็กในบ้านจันทร์ส่องหล้า” จนเกินหน้าเกินตา

เพราะถ้ากลับไปดูแบ็กกราวด์ระหว่างสองคนนี้ แม้จะมองว่าเคยอยู่ในสายคนเดือนตุลามาด้วยกัน แต่ระยะหลังมีข่าวเล็ดลอดออกมาในลักษณะ “ขบเหลี่ยม” ในทีกันมาตลอด ประเภท “นายเอ็นดูขณะที่อีกคนกลับไม่ค่อยเห็นหัว” แต่พอเกิดวิกฤติไม่มีใคร ก็เรียกใช้ อะไรประมาณนี้

อย่างไรก็ดี เท่าที่ตั้งข้อสังเกตมาทั้งหมด ก็เพียงแค่ต้องการคั่นเวลาในช่วงที่กำลังรอการ “ละครการเมืองน้ำเน่า” ที่กำลังเริ่มลงจอในอีกวันสองวันนี้ รอเปิดหน้าเปิดตัวแถลงกันอย่างเป็นทางการเท่านั้น เพราะรับรู้กันอยู่แล้วว่า คำพูดของคนชื่อ “จาตุรนต์” นั้นไม่มีราคาในพรรคพลังประชาชนอยู่แล้ว