xs
xsm
sm
md
lg

“สุเทพ” ยุ “หมัก” กลับลำเลิกฟังคนบงการ-วอน “แม้ว” หยุดซ้ำเติมชาติ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
“สุเทพ”วอน “หมัก” ตัดสินใจครั้งสำคัญทำเพื่อประชาชน แทนทำตามผู้บงการ เตือนรัฐบาลอย่าเหลิงอำนาจ ไม่คำนึงถึงความรู้สึกของชาวบ้านชี้จะอยู่ได้ไม่นาน ขณะเดียวกัน เรียกร้อง “แม้ว” ให้รู้จักพอ หยุดซ้ำเติมบ้านเมือง

วันนี้ (9 พ.ค.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการโยกย้ายนอกฤดูกาล โดยเฉพาะการโยกย้าย นายเกษม วัฒนธรรม รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ที่ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการการเลือกตั้งจังหวัด และทำคดีทุจริตการเลือกตั้งบุรีรัมย์รวมอยู่ด้วยว่า ขอให้กำลังใจนายเกษมในฐานะที่เป็นข้าราชการรักศักดิ์ศรีทำหน้าที่ตนเองโดยคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวม ความถูกต้องและความยุติธรรม

“เมื่อบ้านเมืองอยู่ภายใต้การปกครองของผู้มีอำนาจที่ไม่มีคุณธรรมก็ต้องอดทน ผมเชื่อว่าเขาอยู่ไม่นาน ท่านรองเกษมจะอยู่ได้นานกว่า การใช้อำนาจแบบนี้ไม่ใช่เป็นการสร้างอาณาจักรความกลัวให้แก่ข้าราชการ แต่แสดงให้เห็นว่าผู้ใช้อำนาจนั้นกลัว กลัวความถูกต้องความเป็นธรรม และอีกหน่อยก็ต้องกลัวพลังของประชาชนทั้งประเทศ ผมไม่ใช่หมอดูแต่ก็รู้ว่าเวลาของรัฐบาลสั้นลงทุกที ปัจจัยที่ทำให้ผมมองแบบนี้เพราะคนพวกนี้ไม่คำนึงถึงความรู้สึกของประชาชน กล้าที่จะทำอะไรหักหาญความรู้สึกของประชนด้วยความเหลิงอำนาจ ผมเชื่อว่าทำแบบนี้ไม่มีใครอยู่ได้ เท่าที่ผมเห็นว่าจากการอยู่ในการเมือง 30 ปี เห็นพฤติกรรมของคนที่ใช้อำนาจโดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกของประชาชนอย่างแท้จริงอยู่ไม่ได้ แม้มีเสียงข้างมากก็ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะเสียงข้างมากไม่ได้มาด้วยเสียงของศรัทรา หรือวิธีการที่ถูกต้อง” เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ระบุ

ส่วนกรณีที่ นายสุธา ชันแสง ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและทรัพยากรมนุษย์นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ยังเชื่อว่าคงเป็นเพราะเหตุผลเรื่องสุขภาพตามที่มีการออกมาบอกต่อสาธารณะชน ไม่คิดว่าจะหนีความผิดที่ ป.ป.ช.หรือกลัวตรวจสอบในเรื่องวุฒิการศึกษา

“ผมคิดว่าประชาชนไม่รู้สึกและไม่รู้จักด้วยซ้ำไปว่ามีรัฐมนตรีอยู่กี่คน เป็นใครบ้าง หลายคนเป็นคนที่ประชาชนไม่รู้จัก จะปรับเข้าปรับออกก็ไม่เกิดความตื่นเต้นอะไร สิ่งที่ประชาชนเป็นห่วงและกังวล คือ ปัญหาสำคัญไม่ได้รับการแก้ไขหรือเอาใจใส่จากรัฐบาลเลย เป็นเรื่องที่ชอกช้ำ มีรัฐบาลอย่างนี้ ก็น่ากลุ้มใจแทนประชาชน ฉะนั้น ไม่ว่าใครจะมาแทนตำแหน่งนายสุธาก็ไม่ได้ทำให้เกิดความเปลี่ยนอะไรในทางที่ดีขึ้น และตลอด 3 เดือนของการบริหารงานที่ผ่านมาก็เห็นได้ชัดแล้วว่าสอบตกอย่างย่อยยับ”

ถามว่ามีคำแนะนำถึงนายกฯ ในขณะนี้หรือไม่ว่าถ้าจะปรับ ครม.ที่นายกฯ เคยระบุว่าขี้เหร่ว่าควรจะทำอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า สถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ใกล้จะถึงเวลาที่นายกฯ ต้องตัดสินใจครั้งสำคัญว่าจะยืนอยู่เพื่อประเทศชาติและประชาชนในระยะยาว หรือจะยืนอยู่ในข้างที่จะต้องทำตามคำสั่งของผู้บงการ

“ผมยังมองนายกฯ ในแง่ดีอยู่ แม้ว่าโดยส่วนตัวผมกับนายกฯ ไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่คิดว่านายกฯ เป็นนักการเมืองมืออาชีพ และต้องตัดสินใจได้ในที่สุดว่าอะไรคือผลประโยชน์ของชาติ ของประชาชน อะไรคือผลประโยชน์ของผู้บงการ ผมคิดว่านายกฯ คงต้องตัดสินใจในเร็ววันนี้ เพราะผมดูว่าผู้บงการได้สั่งการโดยไม่คำนึงว่าประชาชนจะมีความรู้สึกอย่างไร อย่างอาทิตย์หน้าเดี๋ยวเราก็จะได้เห็นการแต่งตั้งประธานสภาฯ ประชาชนรู้สึกอย่างไรคนพวกนี้ก็ไม่สนใจ รวมทั้งเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ แม้นายกฯ จะหลบหลีกอย่างไรก็ปฏิเสธไม่ได้ จะบอกว่าเป็นไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล เป็นเรื่องของ ส.ส. แต่ ส.ส.ส่วนใหญ่ก็คือคนของรัฐบาล แต่ผมคิดว่านายกฯ คงต้องกล้ำกลืนทำ แต่สิ่งที่ถูกผู้บางการสั่งให้ทำไม่ใช่สิ่งที่ประชาชนเรียกร้องและนายกฯก็รู้ดีและเข้าใจดีอยากให้นายกฯ ออกมาพูดจาให้ตรงไปตรงมาว่าขอให้ผู้บงการหยุดพฤติกรรมทั้งหลาย ขอให้เลิก ถอยซะเถอะ ให้บ้านเมืองคืนสู่ปกติสุข ให้การเมืองเป็นไปตามรูปแบบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง”

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายสมัครมีบุคลิกที่มักจะเป็นตัวของตัวเอง คิดว่าในครั้งนี้จะสามารถยืนอยู่บนความเป็นตัวของตัวเองได้หรือไม่ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ก็ขอเอาใจช่วยและภาวนาว่าด้วยความเป็นนักการเมืองอาชีพว่าในที่สุดนายกฯ จะตัดสินใจได้ เพราะอายุก็ขนาดนี้แล้ว ควรทำคุณเพื่อแผ่นดินดีกว่า เพราะหากตัดสินใจผิดพลาดไป ตนก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร เป็นเรื่องที่ตนก็กลุ้มใจเหมือนกัน และรู้สึกว่าบ้านเมืองน่าเป็นห่วงผมไม่ได้เจอนายกฯ ทักษิณ (ชินวัตร) ถ้าได้เจอก็จะบอกว่าอย่าซ้ำเติมสถานการณ์บ้านเมือง ต้องรู้จักหยุด และรู้จักพอ

นายสุเทพ ยังแสดงความเป็นห่วงกรณีที่รัฐบาลเปลี่ยนแปลงรูปแบบการแก้ไขรัฐธรรมนูญแทนที่จะผลักดันโดยรัฐบาล แต่ใช้กลุ่มคนของตัวเอง อย่าง นพ.เหวง โตจิราการ ออกมาเคลื่อนไหวแทนว่า เป็นสิ่งที่อันตรายมาก ผู้บงการเป็นคนที่ไม่คำนึงถึงผลเสียหายที่จะเกิดขึ้นต่อประเทศเลย คิดแต่จะเอาแต่ใจให้ได้ประโยชน์ในทางการเมือง ฉะนั้น มีพฤติกรรมเหมือนกับตีสองหน้าถอยด้านนี้ แต่รุกด้านนั้น ทำทีเป็นยอม ยอมตรงนี้ไม่ยอมตรงนั้น ตนเองหยุดแล้วคนอื่นไม่หยุดอะไรแบบนี้ แต่คนเขารู้กันหมด

“ผมคิดว่าคนไทยมีความอดทนมาก แต่วันหนึ่งคนไทยจะเหลือทน แล้วดูเถอะครับ จู่ๆ ก็เอาพวกมาเดินขบวนกดดันหน้าสภา ขณะที่ยังไม่มีใครเคลื่อนไหวอะไรเลย เป็นการท้าทาย แสดงให้เห็นว่าไม่กลัว และเหลิงในพลังอำนาจของตัวเอง อิทธิพลกำลังเงินว่าจะซื้อได้ทั้งประเทศ ผมคิดว่าเรื่องเหล่านี้คนไทยรู้สึกมาก แต่วิกฤตครั้งนี้ยังสามารถแก้ได้หากรัฐบาลยอมหยุด แต่ถ้ายังเดินหน้าในอัตรานี้ผมว่าเกิดวิกฤตบ้านเมืองอยู่ไม่ได้ คนไทยก็จะไม่ทน ผมยืนยันว่ามีคนไทยที่รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จริงจังมากกับเรื่องนี้”

เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวด้วยว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน มีอย่างที่ไหน ขณะที่อาหารโลกขาดแคลนทุกอย่างแพงขึ้นหมด มีแต่ข้าวของชาวนาไทยทรุดต่ำลงโดยไม่สามารถอธิบายได้ คนเดือดร้อนหมด แม้แต่ชาวสวนปาล์มที่ภาคใต้ก็เดือดร้อนมีการปิดถนน คนในรัฐบาลนี้ไม่ลงไปดูแลมันเป็นอย่างนี้ไปหมด ผลไม้ทุกภาคของประเทศราคาตกทั้งเกษตรกร คนจน คนชั้นกลางที่มีเงินเดือนประจำก็เดือดร้อนเรื่องค่าครองชีพที่สูงขึ้นอยู่แล้ว แต่ว่าถ้าเกษตรกร รายได้ดีขึ้นก็ยังพอทำเนา แต่เกษตรกรก็ไม่มีรายได้ที่ดีขึ้น ขณะนี้รัฐบาลทำเพียงแต่ดิ้นรนแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อให้ตัวเองเสวยอำนาจอย่างมีความสุขต่อไป พ้นความผิดทั้งหลายทั้งปวงที่ทำเอาไว้ ตนคิดว่าชาวบ้านไม่ยอม

เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ผลสรุปของคณะทำงานสภาผู้แทนราษฏร ระบุว่า นายการุณ โหสกุล ส.ส.พรรคพลังประชาชน กระทำผิดฐานทำร้ายร่างกาย นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ จริงว่า ขั้นตอนต่อไปคงเป็นเรื่องของสภาที่จะต้องพิจารณาต่อว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป และหากมีการลงมติพรรคพลังประชาชนก็มีเสียงข้างมากอยู่ในสภาผู้แล้ว ส่วนที่ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภา เคยระบุว่าบทลงโทษสูงสุดเพียงแค่ตักเตือนเท่านั้น ตนคิดว่าก็เป็นเรื่องที่ว่ากันไป แต่สุดท้ายสังคมจะตัดสินว่าเพียงพอกับความผิดที่ได้กระทำหรือไม่ ซึ่งก็คงต้องดูใจสมาชิก ส.ส.จะคิดอย่างไรมันเป็นมารยาทเหมือนกัน เพราะ ส.ส.ส่วนใหญ่เป็นคนของรัฐบาลก็คงต้องดูใจกัน

“เราไม่ว่าอะไรให้สภาเค้าพิจารณาแล้วมีมติกันไป เราก็ว่าไปตามนั้นผมเป็นคู่กรณีจะบอกว่าหนักหรือเบาเกินไปก็คงไมได้ สังคมจะตัดสินเอง ส่วนที่นายการุณเคยบอกว่าหากผลสรุปออกมาว่าผิดจะลาออกนั้นคงต้องไปสอบถามเจ้าตัวว่ายังยืนยันคำพูดของตัวเองอยู่หรือไม่ ซึ่งพรรคจะไม่ทวงถามเพราะใครพูดอะไรก็ต้องรับผิดชอบด้วยตัวเอง เราก็ทำเท่าที่เห็นควรว่าควรจะทำเช่น ที่อาจารย์สมเกียรติก็ได้มีการไปแจ้งความดำเนินคดีแล้ว”

นายสุเทพยังกล่าวถึงกรณีที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชน ไม่ยอมเซ็นรับรองผลการสอบดังกล่าวว่า พรรคพลังประชาชนยิ่งทำอะไรก็รู้สึกว่าเอาใจออกห่างไปจากแนวทางความคิดของประชาชนส่วนใหญ่อยู่เสมอ วันหนึ่งพวกเขาจะต้องได้รับผลเอง

/0110
กำลังโหลดความคิดเห็น