นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ในฐานะประธานคณะกรรมการสืบสวนกรณีการทำร้ายร่างกายกันในอาคารรัฐสภา ระหว่างนายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม.พรรคพลังประชาชน กับนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ได้แจ้งว่า จะนำมติผลสอบเรื่องนี้ แจ้งต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 14 พ.ค.นี้ ซึ่งทางวิปฝ่ายค้านได้เรียกร้องไป 2 ข้อ คือ 1.ให้คณะกรรมการฯ เปิดเผยผลสอบต่อที่ประชุมสภาและต่อสาธารณชน และ 2.ให้มีมติออกมาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
ทั้งนี้ คงไม่สามารถดำเนินการตามข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรม ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกรรมาธิการ พ.ศ.2542 ได้ เนื่องจากประธานสภาฯ ไม่ได้ตั้งคณะกรรมการ ดังนั้นจึงเป็นสิทธิของ ส.ส.ที่จะดำเนินการกันเอง
“เมื่อรายงานของคณะกรรมการฯ เสนอเข้าสู่ที่ประชุมสภาในวันที่ 14 พ.ค.นี้ ขอเรียกร้องอย่าให้ ส.ส.พรรคพลังประชาชน ปกป้องพวกเดียวกัน ต้องมีการลงโทษ ให้เป็นเรื่องเป็นราว ไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป”
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เมื่อผลสรุป ของคณะทำงานสอบสวนกรณีนายการุณ ทำร้ายร่างกาย นายสมเกียรติออกมาแล้ว ขั้นตอนต่อไปคงเป็นเรื่องของสภาที่จะต้องพิจารณาต่อว่าจะดำเนินการอย่างไร และหากมีการลงมติพรรคพลังประชาชนก็มีเสียงข้างมากอยู่ในสภาผู้แล้ว
ส่วนที่พ.อ.อภิวัฒน์ วิริยะชัย รองประธานสภา เคยระบุว่าบทลงโทษสูงสุด เพียงแค่ตักเตือนเท่านั้น ตนคิดว่าก็เป็นเรื่องที่ว่ากันไป แต่สุดท้ายสังคมจะตัดสินว่า เพียงพอกับความผิดที่ได้กระทำหรือไม่ ซึ่งก็คงต้องดูใจสมาชิก ส.ส.จะคิดอย่างไรมันเป็นมารยาทเหมือนกัน เพราะส.ส.ส่วนใหญ่เป็นคนของรัฐบาลก็คงต้องดูใจกัน
“เราไม่ว่าอะไรให้สภาเค้าพิจารณาแล้วมีมติกันไป เราก็ว่าไปตามนั้น ผมเป็นคู่กรณีจะบอกว่าหนักหรือเบาเกินไปก็คงไมได้ สังคมจะตัดสินเอง”
ส่วนที่นายการุณ เคยบอกว่าหากผลสรุปออกมาว่าผิดจะลาออกจากการเป็น ส.ส.นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า คงต้องไปสอบถามเจ้าตัวว่ายังยืนยันคำพูดของตัวเองอยู่หรือไม่ ซึ่งพรรคจะไม่ทวงถามเพราะใครพูดอะไรก็ต้องรับผิดชอบด้วยตัวเอง เราก็ทำเท่าที่เห็นควรว่าควรจะทำเช่น ที่นายสมเกียรติก็ได้มีการไปแจ้งความ ดำเนินคดีแล้ว
นายสุเทพยังกล่าวถึงกรณีที่ส.ส.พรรคพลังประชาชนไม่ยอมเซ็นรับรอง ผลการสอบดังกล่าวว่า พรรคพลังประชาชนยิ่งทำอะไรก็รู้สึกว่าเอาใจออกห่างไปจาก แนวทางความคิดของประชาชนส่วนใหญ่อยู่เสมอ วันหนึ่งพวกเขาจะต้องได้รับผลเอง
พ.ต.ท.สุรศักดิ์ สิงห์ไกร รองผกก.สส.สน.ดุสิต เปิดเผยถึงสำนวนคดีนายการุณ ทำร้ายร่างกายนายสมเกียรติ ว่าขณะนี้ อยู่ในขั้นตอนการเรียกสอบพยานเพิ่มเติม 2 ราย ประกอบด้วย ฝ่ายนายการุณ และนายสมเกียรติ โดยหลังจากปิดสมัยประชุมสภาฯ วันที่ 20 พ.ค.นี้ พนักงานสอบสวนจะทำหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร์ เพื่อขอตัวนายการุณ มารับทราบข้อกล่าหา ต่อไป
“ถ้านายการุณ รับสารภาพโทษแค่เปรียบเทียบปรับ เพราะเป็นคดีลหุโทษฐาน ทำร้ายร่างกายและหมิ่นประมาท แต่ถ้านายการุณ ปฎิเสธ ส่วนนี้ก็ต้องดูตามพยานหลักฐานที่ได้สอบปากคำทั้งหมดประกอบ”
พ.ต.ท.สุรศักดิ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาพนักงานสอบสวนได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชารับทราบถึงความคืบหน้าของคดีอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับยืนยันว่า จะทำคดีอย่างตรงไปตรงมา
ทั้งนี้ คงไม่สามารถดำเนินการตามข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรม ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกรรมาธิการ พ.ศ.2542 ได้ เนื่องจากประธานสภาฯ ไม่ได้ตั้งคณะกรรมการ ดังนั้นจึงเป็นสิทธิของ ส.ส.ที่จะดำเนินการกันเอง
“เมื่อรายงานของคณะกรรมการฯ เสนอเข้าสู่ที่ประชุมสภาในวันที่ 14 พ.ค.นี้ ขอเรียกร้องอย่าให้ ส.ส.พรรคพลังประชาชน ปกป้องพวกเดียวกัน ต้องมีการลงโทษ ให้เป็นเรื่องเป็นราว ไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป”
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เมื่อผลสรุป ของคณะทำงานสอบสวนกรณีนายการุณ ทำร้ายร่างกาย นายสมเกียรติออกมาแล้ว ขั้นตอนต่อไปคงเป็นเรื่องของสภาที่จะต้องพิจารณาต่อว่าจะดำเนินการอย่างไร และหากมีการลงมติพรรคพลังประชาชนก็มีเสียงข้างมากอยู่ในสภาผู้แล้ว
ส่วนที่พ.อ.อภิวัฒน์ วิริยะชัย รองประธานสภา เคยระบุว่าบทลงโทษสูงสุด เพียงแค่ตักเตือนเท่านั้น ตนคิดว่าก็เป็นเรื่องที่ว่ากันไป แต่สุดท้ายสังคมจะตัดสินว่า เพียงพอกับความผิดที่ได้กระทำหรือไม่ ซึ่งก็คงต้องดูใจสมาชิก ส.ส.จะคิดอย่างไรมันเป็นมารยาทเหมือนกัน เพราะส.ส.ส่วนใหญ่เป็นคนของรัฐบาลก็คงต้องดูใจกัน
“เราไม่ว่าอะไรให้สภาเค้าพิจารณาแล้วมีมติกันไป เราก็ว่าไปตามนั้น ผมเป็นคู่กรณีจะบอกว่าหนักหรือเบาเกินไปก็คงไมได้ สังคมจะตัดสินเอง”
ส่วนที่นายการุณ เคยบอกว่าหากผลสรุปออกมาว่าผิดจะลาออกจากการเป็น ส.ส.นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า คงต้องไปสอบถามเจ้าตัวว่ายังยืนยันคำพูดของตัวเองอยู่หรือไม่ ซึ่งพรรคจะไม่ทวงถามเพราะใครพูดอะไรก็ต้องรับผิดชอบด้วยตัวเอง เราก็ทำเท่าที่เห็นควรว่าควรจะทำเช่น ที่นายสมเกียรติก็ได้มีการไปแจ้งความ ดำเนินคดีแล้ว
นายสุเทพยังกล่าวถึงกรณีที่ส.ส.พรรคพลังประชาชนไม่ยอมเซ็นรับรอง ผลการสอบดังกล่าวว่า พรรคพลังประชาชนยิ่งทำอะไรก็รู้สึกว่าเอาใจออกห่างไปจาก แนวทางความคิดของประชาชนส่วนใหญ่อยู่เสมอ วันหนึ่งพวกเขาจะต้องได้รับผลเอง
พ.ต.ท.สุรศักดิ์ สิงห์ไกร รองผกก.สส.สน.ดุสิต เปิดเผยถึงสำนวนคดีนายการุณ ทำร้ายร่างกายนายสมเกียรติ ว่าขณะนี้ อยู่ในขั้นตอนการเรียกสอบพยานเพิ่มเติม 2 ราย ประกอบด้วย ฝ่ายนายการุณ และนายสมเกียรติ โดยหลังจากปิดสมัยประชุมสภาฯ วันที่ 20 พ.ค.นี้ พนักงานสอบสวนจะทำหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร์ เพื่อขอตัวนายการุณ มารับทราบข้อกล่าหา ต่อไป
“ถ้านายการุณ รับสารภาพโทษแค่เปรียบเทียบปรับ เพราะเป็นคดีลหุโทษฐาน ทำร้ายร่างกายและหมิ่นประมาท แต่ถ้านายการุณ ปฎิเสธ ส่วนนี้ก็ต้องดูตามพยานหลักฐานที่ได้สอบปากคำทั้งหมดประกอบ”
พ.ต.ท.สุรศักดิ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาพนักงานสอบสวนได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชารับทราบถึงความคืบหน้าของคดีอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับยืนยันว่า จะทำคดีอย่างตรงไปตรงมา