“สมัคร” ขอเวลาพิจารณาปรับ ครม. หลัง “สุธา” ไขก๊อก แย้มอาจปรับใหญ่ ด้าน “สุวัฒน์” ห้ามใแตะเก้าอี้ รมว.พัฒนาสังคมฯ ลั่นเป็นโควต้าภาค กทม.ใครยุ่งเจอฉะแน่ ส่วนการประชุม พปช.นัดพิเศษถกตั้ง “ชัย” เป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติยังยุ่ง อาจต้องไปประชุมวันที่ 13 พ.ค.ตามปกติ “กุเทพ” ระบุกลุ่มต้าน “ชัย” แค่ลีลาการเม ือง ยันเมื่อ กก.บห.มีมติแล้วเปลี่ยนแปลงยาก ใครแหกโผอยู่ร่วมพรรคไม่ได้ “สุเทพ” ยุนายกฯ ปรับ ครม.เพื่อชาติ เลิกสนองผู้บงการ เตือนตัดสินใจพลาดบ้านเมืองพัง เผย “อนุพงษ์” นำ ตท.10 เลี้ยงรุ่นที่ประจวบฯ พร้อมกับ ตท.10 กองทัพเรือ
นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงการพิจารณาปรับ ครม.ภายหลังจากที่นายสุธา ชันแสง ได้ลาออกจากรมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ว่าตอนนี้ก็ให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องตามที่มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่องการสั่งและปฏิบัติราชการแทน ดูแลรักษาการแทนไปก่อน ส่วนการปรับครม.จะขอเวลาพิจารณาอีกเล็กน้อย เพื่ออาจจะดำเนินการปรับไปพร้อมกันทีเดียว
ทั้งนี้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ทางโทรศัพท์หลังจากประกาศจะไม่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน แต่เลือกที่จะให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวที่สนิทสนมกันและสามารถควบคุมประเด็นได้ และให้นำไปแจกจ่ายหนังสือพิมพ์ฉบับอื่น แทนการให้สัมภาษณ์โดยตรง
นายสุวัฒน์ วรรณศิริกุล ส.ส.กทม.ในฐานะประธานกรรมการประสานงานภาค กทม.พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ภาค กทม.ไม่รีบร้อนที่จะเรียกประชุมเพื่อพิจารณาเลือกผู้ที่เหมาะสมจะมาดำรงตำแหน่ง รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ แทนนายสุธา ชันแสงที่ลาออก คาดว่าในวันจันทร์ที่ 12 พ.ค.คงได้ข้อยุติ
ส่วนแนวโน้มใครจะได้เป็นระหว่างนายอุดมเดช รัตนเสถียร ส.ส.นนทบุรี กับนายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. นายสุวัฒน์ กล่าวว่า ไม่ขอวิจารณ์ แต่ต้องเป็นโควตาของภาคกทม.
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายอุดมเดชเหมาะสมหรือไม่ เพราะไม่ได้เป็นส.ส.กทม. นายสุวัฒน์กล่าวว่า ขึ้นอยู่ที่คณะกรรมการบริหาร เพราะภาคกทม.เป็นคนเสนอแต่คณะกรรมการบริหารพรรคเป็นคนตั้งว่าใคร เมื่อตั้งใครต้องมีเหตุผล อธิบายได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนี้มีแค่ 2 คนเท่านั้นที่จะเป็นรัฐมนตรีแทนนายสุธา หรือ นายสุวัฒน์กล่าวว่า คงเป็น 2 คนนี้ ถ้าไม่มีคนผ่าหมากเข้ามา เมื่อถามว่า กลุ่มส.ส.อีสานอาวุโสจะเสนอคนเป็นให้คณะกรรมการบริหาร พิจารณาเลือกเข้าไปเป็นรมว.พัฒนาสังคมฯด้วย นายสุวัฒน์กล่าวว่า ไม่มีสิทธิ์ เพราะเป็นโควตาของกทม. เสนอมาในฐานะรองหัวหน้าพรรคจะฉะเอาให้
ขู่ใครขวางชัยอยู่กับพรรคไม่ได้
ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน กล่าวว่าขณะนี้ยังไม่มีความชัดเขนว่าพรรคพลังประชาชนจะเรียกประชุมนัดพิเศษในวันอาทิตย์ที่ 11 พ.ค.เพื่อพิจารณาเห็นชอบนายชัย ชิดชอบ ส.ส.สัดสวนเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร เพราะไม่มีเอกสารเชิญประชุม ดังนั้นจะมีการประชุม ส.ส.วันอังคารที่ 13 พ.ค.นี้ ตามปกติ และจะประชุมสภาเลือกประธานสภาในวันพุธที่ 14 พ.ค.นี้
ส่วนที่ ส.ส. อาวุโสภาคอีสาน ส.ส.ภาคกลาง ส.ส.ภาคกทม. ส.ส.ภาคเหนือ และ ภาคใต้ เตรียมเคลื่อนไหวอภิปรายซักฟอกนายชัยในที่ประชุมส.ส.จะมีผลถึงขั้นเปลี่ยน มติกรรมการบริหารพรรคอย่างไร ร.ท.กุเทพกล่าวว่า เป็นแค่ลีลาทางการเมืองเท่านั้นเมื่อคณะกรรมการบริหารพรรคมติอย่างไรแล้วเป็นเรื่องยากที่จะเปลี่ยนแปลงมติดังกล่าวเพราะไม่มีเงื่อนไขและปัจจัยให้ทำอย่างนั้น
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าหากไม่เปลี่ยนแปลงการให้นายชัย เป็นประธาน ส.ส.เหล่านี้จะโนโหวตหรือสนับสนุนคนของพรรคร่วมรัฐบาลพรรคอื่นเข้ามาเป็นประธานสภาแทน ร.ท.กุเทพ กล่าวว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ได้ยินข่าวการเคลื่อนไหวดังกล่าวเหมือนกัน นายสมัครสุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค จึงได้พูดในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคว่า ตรงนี้อาจทำให้กระเพื่อมได้ กรรมการบริหารพรรคจึงชี้แจงว่า ถือเป็นวัฒนธรรมของพรรค แต่เมื่อแกนนำของพรรค ที่ได้รับมอบหมายและกรรมการบริหารพรรคได้ชี้แจงต่อที่ประชุมคงได้ข้อยุติ ถ้าสมาชิกคนใดยอมไม่ได้และกระทำการดังกล่าวก็ถือเป็นเอกสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ ที่มติพรรคไม่สามารถบังคับใครได้ แต่ถ้าใครแหกโผ แม้พรรคดำเนินการอะไรไม่ได้ ก็จะเกิดความรู้สึกถึงการทำงานที่ไม่สอดคล้องกับพรรค เมื่อเป็นคนละแนวกันแล้ว อาจทำให้อยู่ในพรรคไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลอาจถือโอกาสปรับ ครม. เอารัฐมนตรีที่ไม่มีผลงาน ออกพร้อมกับการหาบุคคลแทนนายสุธา ชันแสง ที่ลาออกจากตำแหน่งรมว.พัฒนาสังคมฯ หรือไม่ ร.ท.กุเทพกล่าวว่า ขณะนี้ต้องหาบุคคลไปรมว.พัฒนาสังคมฯก่อน ส่วนการปรับ ครม.ที่ไม่มีผลงาน ต้องรอให้มีการทำงานอย่างน้อย6เดือน ถึงจะมีการประเมินถึงช่วงนั้นถ้าใครไม่มีผลงานถึงจะเรียกร้องให้ปรับครม.ใหม่
สุเทพยุสมัครปรับ ครม.เพื่อชาติ
นายสุเทพ เทือกสุบ ชันแสง ลาออกจาก รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพราะเหตุผลเรื่องสุขภาพตามที่มีการออกมาบอกต่อสาธารณะชน ไม่คิดว่าจะหนีความผิดที่ป.ป.ช.กลัวตรวจสอบในเรื่องวุฒิการศึกษา
“ผมคิดว่าประชาชนไม่รู้สึกและไม่รู้จักด้วยซ้ำไปว่ามีรัฐมนตรีอยู่กี่คน เป็นใครบ้าง หลายคนเป็นคนที่ประชาชนไม่รู้จัก จะปรับเข้าปรับออกก็ไม่เกิดความตื่นเต้นอะไร สิ่งที่ประชาชนเป็นห่วงและกังวลคือ ปัญหาสำคัญไม่ได้รับการแก้ไขหรือเอาใจใส่จากรัฐบาลเลย เป็นเรื่องที่ชอกช้ำมีรัฐบาลอย่างนี้ ก็น่ากลุ้มใจแทนประชาชน ฉะนั้นไม่ว่าใครจะมาแทนตำแหน่งนายสุธา ก็ไม่ได้ทำให้เกิดความเปลี่ยนอะไรในทางที่ดีขึ้น และตลอด3 เดือนของการบริหารงานที่ผ่านมาก็เห็นได้ชัดแล้วว่าสอบตกอย่างย่อยยับ”
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีคำแนะนำถึงนายกรัฐมนตรีในขณะนี้หรือไม่ว่าถ้าจะปรับ ครม.ที่เคยระบุว่าน่าตาขี้เหร่ให้มีหน้าตาดีขึ้นอย่างไร นายสุเทพกล่าวว่า ตนคิดว่า สถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ใกล้จะถึงเวลาที่นายกรัฐมนตรีต้องตัดสินใจครั้งสำคัญว่าจะยืนอยู่เพื่อประเทศชาติและประชาชนในระยะยาว หรือจะยืนอยู่ในข้างที่จะต้องทำตามคำสั่งของผู้บงการ
“ผมยังมองนายกฯในแง่ดีอยู่แม้ว่าโดยส่วนตัวผมกับนายกฯไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่คิดว่านายกฯเป็นนักการเมืองมืออาชีพ และต้องตัดสินใจได้ในที่สุดว่า อะไรคือผลประโยชน์ของชาติ ของประชาชน อะไรคือผลประโยชน์ของผู้บงการ ผมคิดว่านายกฯคงต้องตัดสินใจในเร็ววันนี้ เพราะผมดูว่าผู้บงการได้สั่งการ โดยไม่คำนึงว่าประชาชนจะมีความรู้สึกอย่างไร อย่างอาทิตย์หน้าเดี๋ยวเราก็จะได้เห็นการแต่งตั้งประธานสภา ประชาชนรู้สึกอย่างไรคนพวกนี้ก็ไม่สนใจรวมทั้งเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ แม้นายกฯจะหลบหลีกอย่างไรก็ปฏิเสธไม่ได้ จะบอกว่า เป็นไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล เป็นเรื่องของส.ส. แต่ส.ส.ส่วนใหญ่ก็คือคนของรัฐบาล
นายสุเทพ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีคงต้องกล้ำกลืนทำ แต่สิ่งที่ถูกผู้บางกานสั่งให้ทำไม่ใช่สิ่งที่ประชาชนเรียกร้องและนายกรัฐมนตรีก็รู้ดีและเข้าใจดีอยากให้ ออกมาพูดจาให้ตรงไปตรงมาว่าขอให้ผู้บงการหยุดพฤติกรรมทั้งหลาย ขอให้เลิก ถอยซะเถอะ ให้บ้านเมืองคืนสู่ปกติสุข ให้การเมืองเป็นไปตามรูปแบบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
ผู้สื่อข่าวถามว่านายสมัครมีบุคลิกที่มักจะเป็นตัวของตัวเอง คิดว่าในครั้งนี้จะสามารถยืนอยู่บนความเป็นตัวของตัวเองได้หรือไม่ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ก็ขอเอาใจช่วยและภาวนาว่าด้วยความเป็นนักการเมืองอาชีพในที่สุด นายกฯจะตัดสินใจได้ เพราะอายุก็ขนาดนี้แล้ว ควรทำคุณเพื่อแผ่นดินดีกว่าเพราะหากตัดสินใจผิดพลาดไป ตนก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร เป็นเรื่องที่ตนก็กลุ้มใจเหมือนกัน และรู้สึกว่าบ้านเมืองหน้าเป็นห่วงตนไม่ได้เจอ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถ้าได้เจอก็จะบอกว่า อย่าซ้ำเติมสถานการณ์บ้านเมือง ต้องรู้จักหยุด และรู้จักพอ
ตท.10 จาก ทบ. - ทร.สังสรรค์ที่ประจวบฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างวันที่ 9-11 พ.ค. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบทบ. ในฐานะประธานนักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า 21 (จปร.21) ได้นัดเพื่อน จปร.21 หรือเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหารรุ่น 10 (ตท.10)ในส่วนของกองทัพบก นัดเลี้ยงสรรค์ประจำปี ที่อาคารรับรองกองทัพบก สวนสนประดิพัทธ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยในช่วงเย็นวานนี้ ( 9 พ.ค.) จะเป็นการเลี้ยงสังสรรย่อยของกลุ่มเพื่อน จปร.21 บางส่วนที่เดินทางมาถึง
ทั้งนี้ ในวันนี้ (10 พ.ค.) พล.อ.อนุพงษ์ มีกำหนดจะออกรอบตีกอล์ฟกับเพื่อน จปร.21 จากนั้นช่วงเย็นจะเลี้ยงสังสรรคค์ แต่ พล.อ.อนุพงษ์ได้เปลี่ยนแปลง กำหนดการ โดยในช่วงเช้าของวันที่ 10 พ.ค.นี้ จะเดินทางไป 3จังหวัดชายแดนภาคใต้กับ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แต่จะเดินทางมาร่วมงานช่วงค่ำ
อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต เพื่อนร่วมรุ่น ตท.10 ไม่ได้เดินทางมาร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ เนื่องจากเดินทางไปประเทศจีนร่วมกับคณะของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พร้อมเพื่อนเตรียม 10 อีกจำนวนหนึ่ง ทั้งนี้ในเวลา 17.00 น.เหล่าบรรดาเพื่อน จปร.21 จะมีการหารือเพื่อปรับเปลี่ยนนโยบายของ จปร.21 ด้วยโดยจะมีการปรัยเปลี่ยนถึงแนวทางการทำงาน และ สวัสดิการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ นายทหาร จปร.21 มีการพบปะสังสรรค์กันที่สวนสนประดิพัทธ์ ประจวบคิรีขันธ์ นักเรียนนายเรือรุ่น 67 (นนร.67/ ตท.10) ก็ได้เดินทางมาจัดงานเลี้ยงรุ่นที่ อ.หัวหินเช่นเดียว โดยเข้าพักที่นาวีภิรมย์ ซึ่งเป็นที่สถานที่พักผ่อนของกองทัพเรือ โดยในวันนี้ (10 พ.ค.) เวลา 12.00 น.นนร.67 จะออกรอบตีกอลฟ์ ที่ปาลม์ฮิลล์กอลฟ์ จากนั้นจะมีงานเลี้ยงสังสรรค์ ที่นาวีภิรมย์ โดยมี พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพเรือ ในฐานะประธาน นนร.รุ่น 67 เป็นประธาน
แหล่งข่าวใน นนร.67 เปิดเผยว่า การเลี้ยงรุ่นครั้งนี้ไม่ได้ตั้งใจจะให้มาชนกับของกองทัพบก แต่มันบังเอิญมาตรงกันพอดี ซึ่งพวกเราก็ขำ ๆ กันว่าทำไมมาตรงกันทั้งเวลา และสถานที่ แต่รับรองได้ว่าไม่มีนัยยะทางการเมืองใด ๆ ทั้งสิ้น และไม่ได้เป็นการนัดมาเตรียมพลังหรือมาหารืออะไรกับ พล.อ.อนุพงษ์
นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงการพิจารณาปรับ ครม.ภายหลังจากที่นายสุธา ชันแสง ได้ลาออกจากรมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ว่าตอนนี้ก็ให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องตามที่มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่องการสั่งและปฏิบัติราชการแทน ดูแลรักษาการแทนไปก่อน ส่วนการปรับครม.จะขอเวลาพิจารณาอีกเล็กน้อย เพื่ออาจจะดำเนินการปรับไปพร้อมกันทีเดียว
ทั้งนี้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ทางโทรศัพท์หลังจากประกาศจะไม่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน แต่เลือกที่จะให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวที่สนิทสนมกันและสามารถควบคุมประเด็นได้ และให้นำไปแจกจ่ายหนังสือพิมพ์ฉบับอื่น แทนการให้สัมภาษณ์โดยตรง
นายสุวัฒน์ วรรณศิริกุล ส.ส.กทม.ในฐานะประธานกรรมการประสานงานภาค กทม.พรรคพลังประชาชน กล่าวว่า ภาค กทม.ไม่รีบร้อนที่จะเรียกประชุมเพื่อพิจารณาเลือกผู้ที่เหมาะสมจะมาดำรงตำแหน่ง รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ แทนนายสุธา ชันแสงที่ลาออก คาดว่าในวันจันทร์ที่ 12 พ.ค.คงได้ข้อยุติ
ส่วนแนวโน้มใครจะได้เป็นระหว่างนายอุดมเดช รัตนเสถียร ส.ส.นนทบุรี กับนายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. นายสุวัฒน์ กล่าวว่า ไม่ขอวิจารณ์ แต่ต้องเป็นโควตาของภาคกทม.
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายอุดมเดชเหมาะสมหรือไม่ เพราะไม่ได้เป็นส.ส.กทม. นายสุวัฒน์กล่าวว่า ขึ้นอยู่ที่คณะกรรมการบริหาร เพราะภาคกทม.เป็นคนเสนอแต่คณะกรรมการบริหารพรรคเป็นคนตั้งว่าใคร เมื่อตั้งใครต้องมีเหตุผล อธิบายได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนี้มีแค่ 2 คนเท่านั้นที่จะเป็นรัฐมนตรีแทนนายสุธา หรือ นายสุวัฒน์กล่าวว่า คงเป็น 2 คนนี้ ถ้าไม่มีคนผ่าหมากเข้ามา เมื่อถามว่า กลุ่มส.ส.อีสานอาวุโสจะเสนอคนเป็นให้คณะกรรมการบริหาร พิจารณาเลือกเข้าไปเป็นรมว.พัฒนาสังคมฯด้วย นายสุวัฒน์กล่าวว่า ไม่มีสิทธิ์ เพราะเป็นโควตาของกทม. เสนอมาในฐานะรองหัวหน้าพรรคจะฉะเอาให้
ขู่ใครขวางชัยอยู่กับพรรคไม่ได้
ร.ท.กุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน กล่าวว่าขณะนี้ยังไม่มีความชัดเขนว่าพรรคพลังประชาชนจะเรียกประชุมนัดพิเศษในวันอาทิตย์ที่ 11 พ.ค.เพื่อพิจารณาเห็นชอบนายชัย ชิดชอบ ส.ส.สัดสวนเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร เพราะไม่มีเอกสารเชิญประชุม ดังนั้นจะมีการประชุม ส.ส.วันอังคารที่ 13 พ.ค.นี้ ตามปกติ และจะประชุมสภาเลือกประธานสภาในวันพุธที่ 14 พ.ค.นี้
ส่วนที่ ส.ส. อาวุโสภาคอีสาน ส.ส.ภาคกลาง ส.ส.ภาคกทม. ส.ส.ภาคเหนือ และ ภาคใต้ เตรียมเคลื่อนไหวอภิปรายซักฟอกนายชัยในที่ประชุมส.ส.จะมีผลถึงขั้นเปลี่ยน มติกรรมการบริหารพรรคอย่างไร ร.ท.กุเทพกล่าวว่า เป็นแค่ลีลาทางการเมืองเท่านั้นเมื่อคณะกรรมการบริหารพรรคมติอย่างไรแล้วเป็นเรื่องยากที่จะเปลี่ยนแปลงมติดังกล่าวเพราะไม่มีเงื่อนไขและปัจจัยให้ทำอย่างนั้น
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าหากไม่เปลี่ยนแปลงการให้นายชัย เป็นประธาน ส.ส.เหล่านี้จะโนโหวตหรือสนับสนุนคนของพรรคร่วมรัฐบาลพรรคอื่นเข้ามาเป็นประธานสภาแทน ร.ท.กุเทพ กล่าวว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ได้ยินข่าวการเคลื่อนไหวดังกล่าวเหมือนกัน นายสมัครสุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค จึงได้พูดในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคว่า ตรงนี้อาจทำให้กระเพื่อมได้ กรรมการบริหารพรรคจึงชี้แจงว่า ถือเป็นวัฒนธรรมของพรรค แต่เมื่อแกนนำของพรรค ที่ได้รับมอบหมายและกรรมการบริหารพรรคได้ชี้แจงต่อที่ประชุมคงได้ข้อยุติ ถ้าสมาชิกคนใดยอมไม่ได้และกระทำการดังกล่าวก็ถือเป็นเอกสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ ที่มติพรรคไม่สามารถบังคับใครได้ แต่ถ้าใครแหกโผ แม้พรรคดำเนินการอะไรไม่ได้ ก็จะเกิดความรู้สึกถึงการทำงานที่ไม่สอดคล้องกับพรรค เมื่อเป็นคนละแนวกันแล้ว อาจทำให้อยู่ในพรรคไม่ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า รัฐบาลอาจถือโอกาสปรับ ครม. เอารัฐมนตรีที่ไม่มีผลงาน ออกพร้อมกับการหาบุคคลแทนนายสุธา ชันแสง ที่ลาออกจากตำแหน่งรมว.พัฒนาสังคมฯ หรือไม่ ร.ท.กุเทพกล่าวว่า ขณะนี้ต้องหาบุคคลไปรมว.พัฒนาสังคมฯก่อน ส่วนการปรับ ครม.ที่ไม่มีผลงาน ต้องรอให้มีการทำงานอย่างน้อย6เดือน ถึงจะมีการประเมินถึงช่วงนั้นถ้าใครไม่มีผลงานถึงจะเรียกร้องให้ปรับครม.ใหม่
สุเทพยุสมัครปรับ ครม.เพื่อชาติ
นายสุเทพ เทือกสุบ ชันแสง ลาออกจาก รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพราะเหตุผลเรื่องสุขภาพตามที่มีการออกมาบอกต่อสาธารณะชน ไม่คิดว่าจะหนีความผิดที่ป.ป.ช.กลัวตรวจสอบในเรื่องวุฒิการศึกษา
“ผมคิดว่าประชาชนไม่รู้สึกและไม่รู้จักด้วยซ้ำไปว่ามีรัฐมนตรีอยู่กี่คน เป็นใครบ้าง หลายคนเป็นคนที่ประชาชนไม่รู้จัก จะปรับเข้าปรับออกก็ไม่เกิดความตื่นเต้นอะไร สิ่งที่ประชาชนเป็นห่วงและกังวลคือ ปัญหาสำคัญไม่ได้รับการแก้ไขหรือเอาใจใส่จากรัฐบาลเลย เป็นเรื่องที่ชอกช้ำมีรัฐบาลอย่างนี้ ก็น่ากลุ้มใจแทนประชาชน ฉะนั้นไม่ว่าใครจะมาแทนตำแหน่งนายสุธา ก็ไม่ได้ทำให้เกิดความเปลี่ยนอะไรในทางที่ดีขึ้น และตลอด3 เดือนของการบริหารงานที่ผ่านมาก็เห็นได้ชัดแล้วว่าสอบตกอย่างย่อยยับ”
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีคำแนะนำถึงนายกรัฐมนตรีในขณะนี้หรือไม่ว่าถ้าจะปรับ ครม.ที่เคยระบุว่าน่าตาขี้เหร่ให้มีหน้าตาดีขึ้นอย่างไร นายสุเทพกล่าวว่า ตนคิดว่า สถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ใกล้จะถึงเวลาที่นายกรัฐมนตรีต้องตัดสินใจครั้งสำคัญว่าจะยืนอยู่เพื่อประเทศชาติและประชาชนในระยะยาว หรือจะยืนอยู่ในข้างที่จะต้องทำตามคำสั่งของผู้บงการ
“ผมยังมองนายกฯในแง่ดีอยู่แม้ว่าโดยส่วนตัวผมกับนายกฯไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่คิดว่านายกฯเป็นนักการเมืองมืออาชีพ และต้องตัดสินใจได้ในที่สุดว่า อะไรคือผลประโยชน์ของชาติ ของประชาชน อะไรคือผลประโยชน์ของผู้บงการ ผมคิดว่านายกฯคงต้องตัดสินใจในเร็ววันนี้ เพราะผมดูว่าผู้บงการได้สั่งการ โดยไม่คำนึงว่าประชาชนจะมีความรู้สึกอย่างไร อย่างอาทิตย์หน้าเดี๋ยวเราก็จะได้เห็นการแต่งตั้งประธานสภา ประชาชนรู้สึกอย่างไรคนพวกนี้ก็ไม่สนใจรวมทั้งเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ แม้นายกฯจะหลบหลีกอย่างไรก็ปฏิเสธไม่ได้ จะบอกว่า เป็นไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล เป็นเรื่องของส.ส. แต่ส.ส.ส่วนใหญ่ก็คือคนของรัฐบาล
นายสุเทพ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีคงต้องกล้ำกลืนทำ แต่สิ่งที่ถูกผู้บางกานสั่งให้ทำไม่ใช่สิ่งที่ประชาชนเรียกร้องและนายกรัฐมนตรีก็รู้ดีและเข้าใจดีอยากให้ ออกมาพูดจาให้ตรงไปตรงมาว่าขอให้ผู้บงการหยุดพฤติกรรมทั้งหลาย ขอให้เลิก ถอยซะเถอะ ให้บ้านเมืองคืนสู่ปกติสุข ให้การเมืองเป็นไปตามรูปแบบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
ผู้สื่อข่าวถามว่านายสมัครมีบุคลิกที่มักจะเป็นตัวของตัวเอง คิดว่าในครั้งนี้จะสามารถยืนอยู่บนความเป็นตัวของตัวเองได้หรือไม่ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ก็ขอเอาใจช่วยและภาวนาว่าด้วยความเป็นนักการเมืองอาชีพในที่สุด นายกฯจะตัดสินใจได้ เพราะอายุก็ขนาดนี้แล้ว ควรทำคุณเพื่อแผ่นดินดีกว่าเพราะหากตัดสินใจผิดพลาดไป ตนก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร เป็นเรื่องที่ตนก็กลุ้มใจเหมือนกัน และรู้สึกว่าบ้านเมืองหน้าเป็นห่วงตนไม่ได้เจอ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถ้าได้เจอก็จะบอกว่า อย่าซ้ำเติมสถานการณ์บ้านเมือง ต้องรู้จักหยุด และรู้จักพอ
ตท.10 จาก ทบ. - ทร.สังสรรค์ที่ประจวบฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างวันที่ 9-11 พ.ค. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบทบ. ในฐานะประธานนักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า 21 (จปร.21) ได้นัดเพื่อน จปร.21 หรือเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหารรุ่น 10 (ตท.10)ในส่วนของกองทัพบก นัดเลี้ยงสรรค์ประจำปี ที่อาคารรับรองกองทัพบก สวนสนประดิพัทธ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยในช่วงเย็นวานนี้ ( 9 พ.ค.) จะเป็นการเลี้ยงสังสรรย่อยของกลุ่มเพื่อน จปร.21 บางส่วนที่เดินทางมาถึง
ทั้งนี้ ในวันนี้ (10 พ.ค.) พล.อ.อนุพงษ์ มีกำหนดจะออกรอบตีกอล์ฟกับเพื่อน จปร.21 จากนั้นช่วงเย็นจะเลี้ยงสังสรรคค์ แต่ พล.อ.อนุพงษ์ได้เปลี่ยนแปลง กำหนดการ โดยในช่วงเช้าของวันที่ 10 พ.ค.นี้ จะเดินทางไป 3จังหวัดชายแดนภาคใต้กับ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แต่จะเดินทางมาร่วมงานช่วงค่ำ
อย่างไรก็ตามมีรายงานว่า พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต เพื่อนร่วมรุ่น ตท.10 ไม่ได้เดินทางมาร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ เนื่องจากเดินทางไปประเทศจีนร่วมกับคณะของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พร้อมเพื่อนเตรียม 10 อีกจำนวนหนึ่ง ทั้งนี้ในเวลา 17.00 น.เหล่าบรรดาเพื่อน จปร.21 จะมีการหารือเพื่อปรับเปลี่ยนนโยบายของ จปร.21 ด้วยโดยจะมีการปรัยเปลี่ยนถึงแนวทางการทำงาน และ สวัสดิการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ นายทหาร จปร.21 มีการพบปะสังสรรค์กันที่สวนสนประดิพัทธ์ ประจวบคิรีขันธ์ นักเรียนนายเรือรุ่น 67 (นนร.67/ ตท.10) ก็ได้เดินทางมาจัดงานเลี้ยงรุ่นที่ อ.หัวหินเช่นเดียว โดยเข้าพักที่นาวีภิรมย์ ซึ่งเป็นที่สถานที่พักผ่อนของกองทัพเรือ โดยในวันนี้ (10 พ.ค.) เวลา 12.00 น.นนร.67 จะออกรอบตีกอลฟ์ ที่ปาลม์ฮิลล์กอลฟ์ จากนั้นจะมีงานเลี้ยงสังสรรค์ ที่นาวีภิรมย์ โดยมี พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพเรือ ในฐานะประธาน นนร.รุ่น 67 เป็นประธาน
แหล่งข่าวใน นนร.67 เปิดเผยว่า การเลี้ยงรุ่นครั้งนี้ไม่ได้ตั้งใจจะให้มาชนกับของกองทัพบก แต่มันบังเอิญมาตรงกันพอดี ซึ่งพวกเราก็ขำ ๆ กันว่าทำไมมาตรงกันทั้งเวลา และสถานที่ แต่รับรองได้ว่าไม่มีนัยยะทางการเมืองใด ๆ ทั้งสิ้น และไม่ได้เป็นการนัดมาเตรียมพลังหรือมาหารืออะไรกับ พล.อ.อนุพงษ์