xs
xsm
sm
md
lg

“เพ็ญทีวี”ตีปี๊บ"ปฏิวัติ"มาแล้ว! เตือนรัฐอย่าชะล่าใจ เหตุแก้ รธน.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"ข่าวหน้าสี่" ทาง NBT กระพือข่าว"ปฏิวัติ"มาแล้ว เตือนรัฐบาลอย่าชะล่าใจ เพราะมีเค้าลางจากเหตุ แก้ รธน. ด้านรองหัวหน้าพรรครวมใจไทยฯ แจง“บิ๊กเหวียง” ลาออก เป็นเรื่องทางเทคนิค เผย “ประดิษฐ์” เตรียมเสนอให้กลับมาเป็นหัวหน้าพรรคอีกรอบ เพื่อยืนยันว่าไม่ได้ขัดแย้งกัน

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการข่าวหน้าสี่

วันนี้ (24 เม.ย.) นายเกษมสันต์ วีระกุล รองหัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ให้สัมภาษณ์ในรายการข่าวหน้าสี่ ทางสถานีโทรทัศน์ เอ็นบีที ดำเนินการโดย นายเฉลิมชัย ยอดมาลัย และคอลัมนิสต์ร่วมรายการคือ นายจัตวา กลิ่นสุนทร และนายบุญกลม ดงบังสถาน โดยกล่าวถึงสาเหตุที่ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร ลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคว่า เป็นไปตามกลไกทางเทคนิคของพรรค คือเป็นธรรมเนียมที่เมื่อเสร็จสิ้นการเลือกตั้งใหญ่ ตั้งรัฐบาลเสร็จสิ้นแล้ว ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารพรรค และขั้นตอนต่อไปในวันเสาร์นี้ (26เม.ย.) ก็จะมีการประชุมบริหารในเบื้องต้นเพื่อกำหนดวันในการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคต่อไป

“ผมยืนยันว่าไม่ได้มีการขัดแย้งภายในพรรค ที่มีกระแสข่าวออกมาว่า พล.อ.เชษฐา มีความขัดแย้งกับ คุณประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรค ก็ไม่จริง เพราะคุณประดิษฐ์ ก็ยังพูดกับผมเองด้วยซ้ำว่า ว่าท่านนี้แหละ การเลือกตั้ง กรรมการบริหารพรรคครั้งต่อไป จะเสนอชื่อ ของ พล.อ.เชษฐา เป็นหัวหน้าพรรคอีกครั้ง ดังนั้น คณะกรรมการบริหารพรรคครั้งต่อไป ก็จะมี พล.อ.เชษฐา เป็นหัวหน้าพรรคเหมือนเดิม” นายเกษมสันต์ กล่าว

ส่วนกรณีที่มีคนตั้งข้อสงสัยว่า อาจเป็นเพราะ พล.อ.เชษฐา ไม่ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรี หรือไม่จึงทำให้เกิดความน้อยใจ จนถึงขั้นลาออกนั้น นายเกษมสันต์ กล่าวว่า การที่ พล.อ.เชษฐา ไม่ได้รับตำแหน่งใด ๆ ใน คณะรัฐมนตรีนั้นเป็นไปตามต้องการของ พล.อ.เชษฐาเองที่ไม่ต้องการรับตำแหน่ง ซึ่งพล.อ.เชษฐาได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนเมื่อตอนประชุมพรรคโดยให้เหตุผลว่า มีปัญหาด้านสุขภาพ จึงขอสละสิทธิ์

นายเกษมสันต์ ยังได้กล่าวถึง กรณีการลาออกของ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ และ ดร.พิจิตต รัตตกุล ก่อนหน้านี้ว่า การลาออกของทั้งสองคนไม่ได้เกิดจากความขัดแย้ง จากการบริหารพรรคอย่างที่เป็นข่าว แต่เป็นเพราะทั้ง 2 มีภารกิจที่ต้องทำจึงลาออกไป แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทั้งสองจะตัดขาดจากพรรคไปเลย ในอนาคตหรือหากมีการเลือกตั้งครั้งหน้า อาจจะได้เห็นท่านทั้งสองกลับมาลงสมัครในนามของพรรครวมใจไทยชาติพัฒนาอีกครั้งก็ได้

นายเกษมสันต์ กล่าวด้วยว่า เรื่องของการแก้ไข รธน.นั้นพรรครวมใจไทยฯ มีจุดยืนคือ ต้องการแก้ไข รธน. โดยคำนึงถึงประชาชนมากที่สุด และต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุด แต่ทางพรรคของมี ส.ส.เพียง 9 คน ซึ่งก็อาจจะไม่มากพอที่จะมีอำนาจต่อรอง ดังนั้นเสียงส่วนใหญ่เป็นอย่างไร เราจึงต้องทำตามนั้น

นอกจากนี้ในช่วงท้ายรายการ ยังได้มีการพูดคุยถึง กรณีที่คอลัมนิสต์ของหนังสือพิมพ์มติชน ที่ใช้นามแฝงว่า “พลุน้ำแข็ง” ออกมาเขียนบทความในเชิงว่า ตอนนี้มีข่าวลือว่าจะมีการรัฐประหารอีก โดยทิ้งท้ายไว้ว่าให้จับตามองดูดี ๆ

นายจัตวา กล่าวว่า "คุณพลุน้ำแข็งเป็นคนที่อยู่ในวงการมานาน และมีแหล่งข่าวที่ค่อนข้างลึกพอสมควร ถ้าไม่มีมูลคงไม่พูด ดังนั้นหากถามความคิดเห็นตน ผมก็คิดว่ามันก็มีมูลเหตุอยู่ เพราะเหตุของการปฏิวัติมันก็มีอยู่ เพราะเราก็เห็นกันอยู่ว่าการแก้ รธน. มันยังแตกแยกกันอยู่ ทั้งในวิปรัฐบาลเองที่ก็ยังมีความเห็นไม่ตรงกันอยู่ เช่น คุณสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.อุตสาหกรรม หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน ที่ถึงแม้ไม่ได้บอกตรง ๆ ว่าไม่เห็นด้วย แต่ก็พูดว่าควรไปดำเนินการเรื่องปากท้องดีกว่า ซึ่งฟังดูก็รู้ว่าไม่เห็นด้วย รวมถึงการเคลื่อนไหวนอกสภาของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ก็ออกมาต่อต้านอย่างแข็งขัน แต่ทางพรรคพลังประชาชนก็ยังเดินหน้าแก้ไข รธน.ต่อไป เหล่านี้ก็อาจเป็นสาเหตุของข่าวลือก็ได้ เพราะมันก็มีเค้ามาแล้ว จึงไม่อยากให้รัฐบาลมั่นใจว่าอย่างไรก็จะไม่เกิดปฏิวัติ เพราะทุกสิ่งเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น" นายจัตวากล่าว

ด้านนายบุญกลม กล่าวว่า หลังจากเกิดข่าวลือเรื่องที่จะเกิดการปฏิวัตินี้ขึ้นมานั้น คิดว่าประชาชนก็คงเริ่มมีความคิดในเรื่องดังกล่าวขึ้นมามากขึ้น ถึงแม้รัฐบาลจะออกมาบอกว่าไม่เกิดการรัฐประหารอย่างแน่นอน แต่ก็อยากให้มองย้อนไปถึงการปฏิวัติเมื่อ 19 ก.ย.49 ว่าตอนนั้นรัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็ไม่เคยมีใครคาดคิดว่าจะเกิด แต่สุดท้ายก็เกิดขึ้นจนได้ เพราะสาเหตุของการเกิดรัฐประหารก็มีสาเหตุทั้งเหมาะสม และไม่เหมาะสม เช่น สาเหตุของการทำรัฐประหาร ที่ คมช.ใช้เป็นข้ออ้างในการทำรัฐประหารทั้ง 4 ข้อที่เคยได้กล่าวไว้นั้น ตนก็ยังไม่รู้ว่าเหตุผลดังกล่าว สมเหตุสมผลหรือไม่ เพราะอย่างในส่วนของคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ อันนั้นคงตกไปแล้ว ส่วนเรื่องของการทุจริต ก็เห็น คตส. ดำเนินการส่งฟ้องร้องได้แค่คดีเดียว ซึ่งก็ต้องรอดูต่อไปว่าศาลจะตัดสินความผิดของอดีตนายกออกมาอย่างไร ซึ่งคงจะทำให้บอกได้ว่า สาเหตุของการทำรัฐประหารเมื่อ 19 ก.ย. ทำไปอย่างสมเหตุสมผลหรือไม่ หรือทำเพราะมีสาเหตุอื่นอำพรางอยู่



กำลังโหลดความคิดเห็น