xs
xsm
sm
md
lg

กลัวเสียเปรียบ! ขาประจำ “เพ็ญทีวี” อ้าง “หมัก-มาร์ค” นอมินีทั้งคู่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คอลัมนิสต์ขาประจำ “ข่าวหน้าสี่” ทาง NBT วิจารณ์เหมารวม “อภิสิทธิ์” เป็นนอมินี เหมือน “สมัคร” ทำตามคำสั่งผู้อยู่เบื้องหลังกันทั้งคู่ อ้างบ้านเมืองวุ่นวายแน่ เพราะผู้อยู่เบื้องหลังคอยยุแยงตลอดเวลา ด้าน “คมสันต์ โพธิ์คง” แนะรัฐบาล ตรากฎหมาย พ.ร.บ.การชุมนุมของประชาชนมาใช้ ป้องกันรัฐปฏิบัติต่อผู้ชุมนุมด้วยความรุนแรง

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการข่าวหน้าสี่

วานนี้ (18 เม.ย.) รายการข่าวหน้าสี่ ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ดำเนินรายการโดย นายเฉลิมชัย ยอดมาลัย ได้เชิญคอลัมนิสต์ขาประจำมาร่วมพูดคุยในรายการ คือ นายอนันต์ อัศวนนท์ หรือ มดคันไฟ คอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์บางกอกทูเดย์ และ นายวิทยา ตัณฑสุทธิ์ คอลัมนิสต์ นสพ.สยามรัฐ โดยในรายการได้พูดคุยถึงเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

ต่อคำถามที่ว่า การที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาบอกว่า การแก้ไข รธน.ครั้งนี้ มีวาระซ่อนเร้น คือ พรรคพลังประชาชน แก้ รธน.เพื่อตัวเองนั้น นายอนันต์กล่าวว่า ที่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวเช่นนั้น อาจเป็นเพราะมีใครอยู่เบื้องหลัง ซึ่งเราต้องยอมรับว่าทั้งรัฐบาล และฝ่ายค้านตอนนี้มีผู้อยู่เบื้องหลัง หรือมีนอมินีทั้งสิ้น และเวลากระทำการอะไรไปผู้ที่อยู่เบื้องหลังไม่เสียหาย แต่ประชาชนในประเทศจะเสียหาย และตนไม่เชื่ออย่างเด็ดขาดว่า นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน จะแก้ รธน.ด้วยความคิดตัวเอง หรือค้านไม่ให้แก้ รธน.ด้วยความคิดของตัวเอง หากแต่มีผู้บงการอยู่เบื้องหลัง ทำให้ตนเกรงว่า หากเป็นอย่างนี้ต่อไปอาจจะเกิดการเผชิญหน้ากัน เพราะผู้ที่อยู่เบื้องหลังจะมีการยุแยงอยู่ตลอดเวลา

ทั้งนี้ นายอนันต์ ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า นายสมัคร มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร บงการอยู่เบื้องหลัง จึงอ้างว่า นายอภสิทธิ์ ก็มีผู้บงการอยู่เบื้องหลังเช่นกัน อย่างไรก็ตาม นายอนันต์ ไม่ยอมเปิดเผยว่าผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลัง นายอภิสิทธิ์ นั้นเป็นใคร

ด้าน นายวิทยา กล่าวว่า ตนไม่เห็นด้วยกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านที่ออกมาระบุว่า การแก้ไข รธน.ของรัฐบาลครั้งนี้มีวาระซ่อนเร้น เพราะ นายอภิสิทธิ์ เอง ก็เคยพูดไว้เองว่าจะแก้ไข รธน.เพียงแต่ นายอภิสิทธิ์ พูดแบบเป็นมวย คือ พูดว่าจะแก้แต่มาตราที่มีปัญหา แต่พอมาตอนนี้ก็มากล่าวว่า รัฐบาลมีวาระซ่อนเร้น ซึ่งตนคิดว่าในเมื่อรัฐบาลคิดว่า รธน.ข้อนี้มีปัญหาก็แก้ไข ซึ่งนายอภิสิทธิ์ก็ต้องมองถึงเหตุผลที่รัฐบาลมองด้วย ซึ่งในการแก้ไข รธน.นั้นรัฐบาลทำถูกต้องตามกฎหมาย เพราะในเมื่อเมื่อกฎหมายมีปัญหา รัฐบาลมีสิทธิ์ที่จะแก้ ก็แก้กันไป

อย่างไรก็ตาม สำหรับประเด็นที่ยังเป็นข้อสงสัยกรณีพรรคพลังประชาชนมีเป้าหมายจะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้ตัวเองและครอบครัวชินวัตรพ้นจากความผิด โดยเฉพาะการแก้ มาตรา 237 และ 309 นั้น ทางผู้ดำเนินรายการไม่ได้เอามาถามคอลัมนิสต์ทั้งสองแต่อย่างใด

นอกจากนี้ ในรายการยังได้มีการพูดคุยถึงเรื่อง พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินที่รัฐบาลประกาศใช้ต่อไปอีก 3 เดือนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และ 5 อำเภอในจังหวัดสงขลา ซึ่งนายคมสันต์ โพธิ์คง อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับกรณีดังกล่าวว่า การใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ต้องใช้อย่างระมัดระวัง เพราะกฎหมายฉบับนี้เป็นมาตรการเดียวกันกับกฎอัยการศึก แต่เป็นการใช้อำนาจโดยนายกรัฐมนตรี ในขณะที่กฎอัยการศึกเป็นอำนาจที่ใช้โดยทหาร

เมื่อผู้ดำเนินรายการถามว่า ถ้าหากปัจจุบันเกิดสถานการณ์ร้ายแรงขึ้นมา เช่นเกิดการเผชิญหน้าของฝ่ายที่ความคิดเห็นไม่ตรงกัน แล้วนำ พ.ร.ก.ฉบับนี้มาใช้จะเหมาะสมหรือไม่ นายคมสันต์ กล่าวว่า หากนำมาใช้ในสถานการณ์ เช่นการชุมนุม อาจจะเป็นมาตการที่รุนแรงเกินไป ซึ่งแท้จริงแล้วสิทธิในการชุมนุมก็เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ที่ประชาชนสามารถทำได้

“จริงๆ แล้วรัฐบาลไม่จำเป็นต้องใช้ พ.ร.ก.ฉบับนี้เลยด้วยซ้ำ หากรัฐบาลกลัวว่าการชุมนุมจะเกิดความวุ่นวาย ก็ให้ออกกฎหมายฉบับหนึ่งที่เรียกว่า พ.ร.บ.การชุมนุมของประชาชน มาเป็นกฎเกณฑ์ในการชุมนุมเพื่อให้จัดระเบียบให้เรียบร้อย ซึ่งถ้ามีการละเมิดเกินกว่าเงื่อนไขนี้แล้ว จึงค่อยใช้ พ.ร.บ.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินดีกว่า ซึ่งตนคิดว่ารัฐบาลน่าจะตรากฎหมายนี้ขึ้นมา แต่ที่ผ่านมานั้นออกมาค่อนข้างยาก เพราะทางฝ่ายรัฐไม่ประสงค์ที่จะให้มีการชุมนุมเกิดขึ้น ก็เลยไม่ได้ตรา พ.ร.บ.ตรงนี้ออกมา” นายคมสันต์ กล่าว



กำลังโหลดความคิดเห็น