รายการข่าวหน้าสี่ NBT จัดคอลัมนิสต์ รุมด่างานสัมมนา “ยามเฝ้าแผ่นดินภาคพิเศษครั้งที่ 2” ของพันธมิตรฯ อ้างไม่ใช่งานสัมมนา เจตนายั่วยุให้คนไทยฆ่ากัน อ้างเฉยม็อบต้านก่อเหตุรุนแรง เพราะพันธมิตรสร้างความรุนแรงก่อนจึงต้องตอบโต้
รายการข่าวหน้าสี่ ทางเอ็นบีที คืนวันที่ 25 เม.ย. ดำเนินรายการโดย นายเฉลิมชัย ยอดมาลัย เชิญ 2 คอลัมนิสต์ประสบการณ์โชกโชน ได้แก่ นายวิทยา ตัณฑสุทธิ์ และนายบุญกลม ดงบังสถาน เปิดประเด็นโจมตีการสัมมนา"ยามเฝ้าแผ่นดินภาคพิเศษ" ครั้งที่ 2 ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยนายเฉลิมชัย กล่าวว่า ตนเองได้ไปสำรวจงานสัมมนาของกลุ่มพันธมิตรฯ ก่อนที่จะมาดำเนินรายการ เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. กลุ่มพันธมิตรซึ่งถึงแม้จะบอกว่าเป็นสัมมนาทางวิชาการ แต่กลับใช้คำที่ดุเดือดรุนแรง ไม่ต่างจากกลุ่มต้านที่ก็ใช้การเคลื่อนไหวที่ดุเดือดตอบโต้กัน จนตนเป็นห่วงว่าจะเกิดความรุนแรงขึ้น
ด้านนายวิทยา กล่าวว่า การที่กลุ่มพันธมิตร ใช้คำว่าตนคือ ยามเฝ้าแผ่นดินนั้น ผิดความหมาย เพราะยาม ต้องอยู่อย่างเงียบ ๆ คอยดูแลแผ่นดินว่าใครจะมาทำร้ายแผ่นดินเรา แต่นี่ไม่ใช้กลับเป็นการดำเนินการแบบรุนแรง และยั่วยุให้เกิดความแตกแยก และใช้คำว่าสัมมนาทางวิชาการคงไม่ได้ เพราะการสัมมนาทางวิชาการมันต้องไม่ใช่แบบนี้ แบบนี้มันคือการพูดจายั่วยุให้เกิดความแตกแยก
เช่น การที่พันธมิตร กล่าวว่า ไม่ต้องกลัวอย่างไรเสีย ทหารก็จะไม่ทิ้งประชาชน พูดมาได้อย่างไรใครฟังก็รู้ว่าหมายถึงการส่งเสริมให้ทหารก่อรัฐประหาร อย่างนี้มันไม่ใช่วิชาการ มันเป็นการพูดให้เกิดความแตกแยกชัดๆ ผมมองเจตนาของการจัดสัมมนาครั้งนี้ว่า ไม่ใช่เชิงวิชาการ ไม่ได้คิดจะสร้างสรรค์ แต่ทำเพื่อให้เกิดความรุนแรง โดยพยายามยั่วยุให้เกิดเหตุรุนแรง จนกลายเป็นการจราจล เป็นเหตุการณ์นองเลือด คล้ายกับจะให้เกิดเหตุการ์เหมือนกับ 6 ต.ค.2519 อีกครั้ง
"ผมจึงอยากจะถามกลุ่มคนผู้ที่ใช้ถ้อยคำรุนแรงดังกล่าวว่า คุณทำลายบ้านเมืองพังขนาดนี้แล้วยังไม่รู้ตัวอีกหรือ คำพูดของคุณมันใช้ไม่ได้ คือยุให้คนฆ่ากัน ทำลายกัน มันไม่ใช่วิสัยของคนชาติเดียวกัน"นายวิทยากล่าว
นายวิทยายังกล่าวถึงกรณีที่ มีรายงานข่าวว่าฝ่ายต่อต้านใช้ความรุนแรง ขว้างปาสิ่งของเข้าไปยังฝั่ง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จนถูกตำรวจจับกุมนั้น ตนมองว่า เป็นเรื่องธรรมดา เพราะในเมื่อฝ่ายพันธมิตรใช้คำพูดที่ส่อถึงความรุนแรงก่อน อีกฝ่ายเขาก็จำเป็นที่จะต้องใช้ความรุนแรงโต้ตอบกลับ
ทั้งที่เป็นที่สังเกตว่าสิ่งที่นายวิทยาพูดน่าจะขัดแย้งกับข้อเท็จจริงเพราะระหว่างการสัมมนาของพันธมิตรฯ ในหอประชุมธรรมศาสตร์นั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำรถ 6 ล้อปิดทางเข้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และเปิดเพลงเสียงดังจนฝ่ายต่อต้านพันธมิตรฯ ไม่สามารถตะโกนส่งเสียงไปยังฝั่งธรรมศษสตร์ได้ และฝ่ายต่อต้านก็ไม่ได้ยินเสียงการสัมมนาจากข้างใน
นอกจากนี้พฤติกรรมก่อกวนและใช้ความรุนแรงของกลุ่มต่อต้านพันธมิตรฯ นั้นเริ่มมาตั้งแต่ช่วงเช้า ด้วยการไปตะโกนด่าทอ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ด้วยถ้อยคำหยาบคาย ที่หน้าบ้านพักสี่เสาเทเวศร์ ก่อนที่จะเคลื่อนย้ายมาปักหลักแสดงพฤติกรรมก่อกวนที่สนามหลวงตั้งแต่ช่วงเที่ยง
ต่อกระแสข่าวลือที่ว่ากลุ่มมหาประชาชนพิทักษ์ประชาธฺปไตยของนายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการของพรรคพลังประชาชน จะตั้งเวทีคู่ขนานมาต่อต้านกับกลุ่มพันธมิตรนั้น นายวิทยากล่าวว่า ตนก็เห็นว่า นายประชาไม่ควรทำเช่นนั้น ไม่ควรไปตอบโต้ ควรจะให้ประชาชนเขาเห็นเองดีกว่า ว่าฝ่ายพันธมิตรทำไม่ถูกต้อง ให้ประชาชนรู้เองดีกว่า
นายวิทยายังกล่าวด้วยว่า “ผมอยากถามพันธมิตรว่า คุณตั้งตัวเป็นตุลาการศาลเตี้ย คุณพิพากษาอะไรคนนั้นเลว แล้วคุณก็ปลุกระดมมวลชน เอาไปพวกนี้ไปกำจัดคนที่คุณไม่ชอบ คุณเป็นใคร พันธมิตรได้รับอาณัติมาจากผู้ใดให้มาทักทวงเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ”
ด้านนายบุญกลม กล่าวว่า ตนประเมินว่า เรื่องนี้คงยังไม่จบง่าย ๆ เพราะกลุ่มพันธมิตรเองคงไม่ยอมเลิกราง่าย ๆ เพราะเขามีธงอยู่แล้วว่าจะต่อต้านการแก้ รธน.ให้ได้ และอีกกลุ่มก็คือกลุ่มของนายประชา ที่จะก่อม็อบมาต่อต้านฝ่ายพันธมิตรขึ้นมาอีก ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงว่าจะเกิดการปะทะกัน จึงอยากจะบอกไปยังรัฐบาลว่า ต้องควบคุมสถานการณ์ให้ดี ไม่ควรจะใช้ท่าทีที่แข็งกร้าว ควรจะใช้วิธีประนีประนอมน่าจะดีที่สุด ส่วนเรื่องของความขัดแย้งในการแก้ รธน. นั้นก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาล ที่จะต้องสร้างความเข้าใจให้เกิดขึ้น น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด