“สมเกียรติ” ชำแหละแผน “แม้ว” ออกแบบทางการเมืองเพื่อทวงคืนอำนาจ ชี้ชัดอดีตนายกฯ กลับประเทศเร็วกว่ากำหนด เพราะควบคุม “หมัก” ไม่ได้ ด้าน “ภูวดล” ฟันธงเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เหตุเพราะ “กองทัพ” ไม่สามารถอดทนได้
รายการ “คนในข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี คืนวันที่ 10 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งมีนางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยเปิดประเด็นซักถาม นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และ ดร.ภูวดล ทรงประเสริฐ อาจารย์คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ถึงสถานการณ์บ้านเมืองที่มีกระแสข่าวเรื่องการทำนายว่า จะมีการปฏิวัติ และการแก้รัฐธรรมนูญในบางมาตรา รวมทั้งกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง
โดย นายสมเกียรติ กล่าวว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับก่อนกำหนดนั้น สะท้อนว่านายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ โดยเฉพาะการที่นายสมัคร ปฏิเสธเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 309 ซึ่งยกความผิดเรื่องโกงกินชาติบ้านเมือง ซึ่งถ้าปล่อยออกไป กระบวนการศาลก็จะเริ่มพิจารณาคดี ดังนั้นการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับมานั้น ก็เพื่อที่จะวางโครงสร้าง จัดสรรทรัพยากร และควบคุมสถานการณ์ ซึ่งทั้งหมดนี้ถ้าจะทำให้ดูดีก็คือ การกลับไปพบพี่น้องประชาชนที่เป็นฐานเสียง ซึ่งคนพวกนี้จะหากินกับคนตาย และเด็ก
“ผมไม่เคนได้ยินว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะพูดถึงเรื่องคุณธรรม หรือศีลธรรม หรือแม้แต่การโกงชาติบ้านเมืองที่เป็นอันตรายต่อชาติ โดยขณะนี้ผู้มีอำนาจตัวจริงกำลังเข้ามาจัดการประเทศแล้ว ทำให้รัฐบาลหุ่นเชิดเริ่มหมดราคา ทำให้นายสมัคร ดูแข็งแรงแบบป่วยไข้ จะเห็นได้จากการต้อนรับอย่างเอิกเกริก ถึงขั้นรัฐมนตรีบางคนแห่แหนกับไปรดน้ำดำหัว แสดงให้เห็นว่าเขากลายเป็นใจกลางของพลังอำนาจอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งจะนำไปสู่การประทะกันทางวัฒนธรรม 2 อำนาจ คือ พันธมิตรฯ กับทุนสามาน ซึ่งในชีวิตเขาจะไม่ยอมแพ้ใครเลย”นายสมเกียรติ กล่าว
นายสมเกียรติ กล่าวอีกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังออกแบบทางการเมือง คือ การจัดทัพด้วยการเช็กชื่อที่ภาคเหนือ ซึ่งจะมีมวลชนไปล้อมเขาเหมือนกับเทพเจ้า และเขาจะให้กำลังใจกับนายยงยุทธ ติยะไพรัช เพราะเปรียบเสมือนคนที่เป็นตัวแทน และไว้วางใจได้ ขณะเดียวกันเขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับนายสมัคร เลยแม้แต่น้อย เพราะมองไม่เห็นอาการป่วยของนายสมัคร แถมลูกน้องยังไปซัดนายสมัครอีก จึงสะท้อนว่าทั้งสมุนและลิ่วล้อดื้อแพ่งกับนายสมัคร
“ตอนนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังแก้เกมอยู่ 3 เรื่อง คือ 1.การเอาเงินที่ถูกอายัดคืน 2.คือแก้เกมการยุบพรรค 3.ออกแบบคดีที่เขาถนัด โดยเฉพาะหลักฐานมัดตัวเรื่องการปล่อยเงินกู้ให้กับประเทศพม่า จึงอยากบอกพ่อแม่พี่น้องว่า กลไกของ กกต. ดีเอสไอ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติหมดท่าไปแล้ว ดังนั้นจึงเหลือเพียงตุลาการเพียงอย่างเดียว จึงมีความพยายามที่จะเล่นเส้นสายกินแดนพรมแดนเข้าไปสู่ตุลาการ จึงเป็นสาระหลักในกลับมาของระบอบทักษิณในขณะนี้” นายสมเกียรติ ระบุ
ส่วนกรณีที่คำทำนายของโหรของแต่ละสำนักที่ออกมานั้น นายสมเกียรติ กล่าวว่า ไม่ต้องเป็นโหรก็เดาได้ อย่างเช่นกรณีการยกเลิกรัฐธรรมนูญมาตรา 309 ก็จะทำให้ประกาศของ คมช.ทุกฉบับไร้ผล รวมทั้ง คตส. ป.ป.ช. สตง. หรือแม้แต่ศาลรัฐธรรมนูญไร้ผล ซึ่งองค์กรเหล่านี้เท่ากับหมดสภาพไป ซึ่งเท่ากับว่า คมช.เป็นกบฏ ทำให้กองทัพลุกฮือขึ้นทำรัฐประหารเพื่อจัดการกับคนที่โกงชาติบ้านเมือง ซึ่งจะเป็นเหตุให้วัฒนธรรม 2 อำนาจจะมาประทะกัน
“วันนี้คนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ เคยพูดว่าผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ เริ่มให้ความคิดเห็นที่เป็นหลักแก่บ้านเมืองแล้ว ซึ่งเปรียบเหมือนกับย้อนกลับไปเมื่อปี 2549 โดยเฉพาะเมื่อวันที่ 9 ก.พ.49 รายการช่อง 5 ที่นายสมัคร จัดรายการคู่กับนายดุสิต ซึ่งอัด พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ จนทหารต้องประท้วงว่า ถ้าไม่ยุติก็จะจัดการ ดังนั้นวันนี้เชื่อว่าเป็นสัญญาณที่ผู้ใหญ่ส่งหงายไพ่เล่นกันแล้ว รวมทั้งพันธมิตรฯ ได้ประชุมร่วมกันว่าจะทำยุทธการครั้งสุดท้ายก่อนที่จะมีการกวาดเรียบในสังคมไทย” นายสมเกียรติ กล่าว
แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า เรามองว่าภายในของพรรคพลังประชาชนจะเกิดวิกฤตครั้งสำคัญ คือ อาจถึงขั้นปลดนายสมัคร ออกจากพรรค เพราะข้อบังคับของพรรคการเมืองสามารถเรียกประชุมใหญ่ได้ โดยสามารถเปลี่ยนตัวกรรมการบริหารพรรค ก็สามารถเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคได้โดยเฉพาะ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ แล้วนายสมัครจะฝ่าข้ามวิกฤตไปได้อย่างไร แต่ไม้ตายของนายสมัครที่ใช้ข่มขู่ก็ คือ การยุบสภา ทำให้ ส.ส.ซีกรัฐบาลภาคอีสานผวากันไปหมด จึงขอวิเคราะห์เชิงวิชาการว่า การยุบสภานั้นสวยมาก เพราะคดียุบพรรคทั้ง 3 พรรคเข้าสู่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งถ้ามีคำพิพากษายุบพรรคในระหว่างหาเสียง ก็จะไม่มีพรรคลงเพราะขาดคุณสมบัติ วิธีการเดียวก็คือ แก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ให้มีการยุบพรรค ซึ่งพันธมิตรฯ ใช้คำว่าการปฏิวัติเงียบในระบอบทุนสามาน
ด้าน ดร.ภูวดล กล่าวว่า นัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ แสดงออก ก็เพื่อที่จะทำให้ตัวเองกลับมามีอำนาจครั้งใหม่ ซึ่งขณะนี้ตนคิดว่า คนชั้นกลางในเมืองไทยที่รู้ทันกับปัญหาต่างๆ มีเยอะแยะมากมาย โดยเฉพาะกรณีที่อดีตผู้นำคนดังกล่าวเดินทางกลับประเทศไทย และถ้าใครติดตามข้อเท็จจริง ก็จะเห็นสัจจะธรรมอย่างหนึ่งคือ เจ้าของอำนาจที่แท้จริงกลับมาบัญชาการเองแล้ว โดยจะเห็นได้จากเมื่อเขากลับมา การเมืองไทยหมุนเร็วมาก แทบจะวันต่อวัน เพราะไม่มีใครให้ความสำคัญกับนายกฯ อยู่แล้ว
“ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นที่ตึกชินวัตร 3 กับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นที่บ้านสี่เสาเทเวศร์นั้นชัดเจน ถ้าคนอ่านเกมออก วันนี้คือจุดเปลี่ยนผ่านของการเมืองไทยได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว และขอยืนยันว่าทหารไม่เอาด้วยแน่นอน เท่าที่ทราบข่าวมา คือ ในงานวันเกิดของอดีต รอง ผบ.ตร.ท่านหนึ่ง ที่โรงแรมเม็ก ถนนพระราม 9 มีคุณกร่างบางบอน ขึ้นไปประกาศบนเวทีว่า เขารอตำแหน่งนี้มา 20 ปี แล้ว และอีกไม่นานเขาจะขึ้นไปสู่ตำแหน่งสูงสุด ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะเจ้าของทุนเขาจ้างให้เข้ามาเล่นการเมืองชั่วครั้งชั่วคราว เนื่องจากเขายังมีคนที่ไว้ใจได้มากกว่า โดยเฉพาะ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ซึ่งอาจจะขึ้นเป็นนายกฯ ก็เป็นได้” ดร.ภูวดล กล่าว
ดร.ภูวดล กล่าวอีกว่า พฤติกรรมของรัฐบาลชุดนี้ คือการทำรัฐประหารเงียบทั้งสิ้น ซึ่งฝ่ายที่คุมอำนาจอยู่ในขณะนี้ ซึ่งมีบทบาทในการโค่นล้มรัฐบาลทักษิณ เขาคงมองออกว่า การพัฒนาทางการเมืองจะนำไปสู่ความไร้เสถียรภาพ และไร้ความมั่นคงแห่งชาติ และเชื่อว่ากองทัพคงทนนิ่งอยู่ไม่ได้ โดยจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในประเทศไทยอย่างแน่นอน โดยจะเห็นได้จากการรดน้ำดำหัวอวยพรที่บ้านสี่เสาเทเวศร์นั้นชัดเจนว่า ข้าเป็นอย่างนี้ แล้วเอ็งจะว่าอย่างไร โดยเฉพาะพฤติกรรมของอสรกุ๊ยดอนเมือง