เลขาธิการ ครป.อัด “น้องเขยแม้ว” ตรวจสอบอธิการบดี ม.ธรรมศาสตร์ ไม่เหมาะสม เป็นการใช้อำนาจแทรกแซงสถาบันการศึกษา แค่เหตุไม่อนุมัติให้ “ม็อบไข่แม้ว” ใช้สถานที่ เตือนรัฐบาลเหลิงอำนาจเร็วเกินไม่ฟังคำวิจารณ์ของฝ่ายใด มีอคติสร้างศัตรูรายวัน แถมตื่นตระหนกตีความคำทำนายของโหรเป็นการส่งสัญญาณจากกองทัพจะปฏิวัติอีก
นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการ ครป.กล่าวถึงกรณีที่ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ จะตรวจสอบอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เนื่องจากให้กลุ่มพันธมิตรฯจัดงานได้ แต่ไม่ให้กลุ่มคนรักทักษิณจัดงาน ว่า ถือว่าการกระทำดังกล่าวของรัฐมนตรีศึกษาฯไม่เหมาะสม เป็นการใช้อำนาจการเมืองแทรกแซงสถาบันอุดมศึกษา เพราะเหตุที่อธิการบดีไม่อนุมัติให้กลุ่มคนดังกล่าวมาจัดสัมมนานั้น เนื่องจากสถานที่ไม่ว่าง ซึ่งตนอยากให้ความเป็นธรรมแก่อธิการบดีด้วย และต้องขอขอบคุณมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่ให้โอกาสภาคประชาชน และไม่ปิดกั้น
เลขาครป.ยังกล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวการปฏิวัติว่า ครป.เห็นว่า รัฐบาลสามารถยุติกระแสรัฐประหารได้โดยรัฐบาลควรใส่ใจกับการแก้ปัญหาประเทศ โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจข้าวยากหมากแพง การฟื้นฟูประชาธิปไตย รักษาดุลอำนาจต่างๆ ในรัฐธรรมนูญ หยุดการแทรกแซงเมิดอำนาจตุลาการ และใช้อำนาจอย่างเป็นธรรมที่สุดกับทุกฝ่าย แต่นับวันกลับพบว่ารัฐบาลชุดนี้แสดงความลุแก่อำนาจเร็วเกินกว่าจะเรียกศรัทธาจากประชาชน ซึ่งสถานการณ์แบบนี้กำลังนำสังคมการเมืองไทยไปสู่จุดวิกฤตอีกครั้งหนึ่ง โดยเฉพาะการเผชิญหน้าและความขัดแย้งของผู้คนที่กลับมาคุกรุ่นอีกครั้ง เนื่องจากการรุกกลับแบบเร็วและแรงของรัฐบาล ซึ่งสวนทางกับนโยบายปรองดองสมานฉันท์ของรัฐบาล และสุดท้ายอาจกลายเป็นเงื่อนไขให้เกิดการรัฐประหารอีกครั้ง
นายสุริยะใส กล่าวว่า เหมือนที่ นายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ เจ้าสำนักสุขิโต ออกมาทำนายดวงเมือง ว่า จะเกิดการนองเลือด การทำนายออกมานั้นรัฐบาลได้ตื่นตระหนกมาก จนตีความเป็นการส่งสัญญาณจากกองทัพ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าตัวรัฐบาลไม่ได้มั่นใจในเสถียรภาพรัฐบาลว่าจะนำพารัฐบาลชุดนี้ให้อยู่จนครบวาระ หรือนานที่สุดเท่าไหร่ เพราะเวลานี้คนในรัฐบาลทราบดีว่าปัญหาในประเทศเกินความสามารถของรัฐบาล ฉะนั้น คำทำนายของโหรจึงเป็นเรื่องที่อ่อนไหวมากกับคนในรัฐบาล หรือแม้แต่เสียงท้วงติงจาก นายธีรยุทธ บุญมี ก็เป็นสิ่งที่ไม่พึ่งปรารถนาของคนในรัฐบาล ฉะนั้น จากนี้ไปคิดว่าวิธีการเดียวที่จะหยุดการรัฐประหารได้รัฐบาลต้องเร่งสร้างผลงาน สร้างความน่าเชื่อถือ และเรียกศรัทธาจากประชาชน แต่ขณะนี้แปลกประหลากมาก รัฐบาลไม่ได้สนใจฝ่ายตรงกันข้าม หรือฝ่ายที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ สนใจแต่ฝ่ายที่สนับสนุนรัฐบาล ซึ่งวิธีแบบนี้สุดท้ายรัฐบาลไปไม่รอด ไม่ต้องรอให้มีรัฐประหาร ลำพังแค่นี้ตนก็ไม่เห็นว่ารัฐบาลชุดนี้จะมีอนาคต ถ้าหากไม่เร่งสร้างผลงาน
“นายกฯอาจไม่จำเป็นต้องไปใส่ใจคำวิพากษ์วิจารณ์ของนายธีรยุทธ เพราะรัฐบาลมองว่าเป็นฝ่ายตรงข้าม มีอคติ ไม่หวังดีต่อรัฐบาล จึงอยากแนะนำให้นายกฯอ่านข้อท้วงติงของนายกุเทพ ใสกระจ่าง โฆษกพรรคพลังประชาชน ฟังคนใกล้ตัวก็ได้ไม่ต้องฟังคนที่รัฐบาลรู้สึกว่าเป็นพวกตรงกันข้าม สิ่งที่ นายกุเทพ พูดน่าสนใจ คือ ให้นายกฯหยุดทำงานด้วยปาก และหยุดสร้างศัตรูกับนักข่าวรายวัน นายกฯยังไม่ลงพื้นที่ภาคใต้ ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็ละเลย แข่งกันหนีไม่ได้แข่งกันลงไป ถ้าเปรียบเทียบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ จะดีจะร้ายอย่างไร มีปัญหาที่ไหน พ.ต.ท.ทักษิณ ไปถึงที่นั่น เห็นการเปรียบเทียบ และข้อทวงติงที่สำคัญอีก ก็คือ รัฐบาลชุดนี้ไม่สามารถสร้างวาระของประเทศได้ แต่สร้างศัตรูได้รายวัน ถ้าย้อนกลับไปดูในรัฐบาลทักษิณชอบหรือไม่ชอบ พ.ต.ท.ทักษิณ เก่งและฉลาดในการกำหนดนโยบายสาธารณะแม้ว่ากระบวนการกำหนดนโยบายสาธารณะจะไม่ชอบ แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชวนให้สังคมคิดว่าสังคมควรจะเดินไปทางนี้ไปในเรื่องนั้น สังคมควรจะแก้ปัญหาอย่างนี้ในเรื่องนั้นอยู่ตลอดเวลา แต่รัฐบาลชุดนี้กลับสร้างศัตรูรายวัน ฉะนั้นปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้น หรือความอ่อนไหวในเรื่องของกระแสข่าวรัฐประหารเกิดจากรัฐบาลไม่ได้เกิดจากใครทั้งสิ้น” นายสุริยะใส กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายสมัตร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี จะเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญต่อไป เนื่องจากมาจากการเลือกตั้ง นายสุริยะใส กล่าวว่า นายสมัคร ทำไมไม่พูดว่า จะยกเลิก พ.ร.บ.ความมั่นคง แต่กลับพูดแต่เรื่องแก้รัฐธรรมนูญทั้งที่ประชาชนไม่ได้ชูรัฐธรรมนูญเป็นนโยบาย แล้วจะมาอ้างว่าตัวเองมาจากการเลือกตั้งแล้วมาแก้รัฐธรรมนูญ อยากถามว่าไม่ละอาย คมช.เลยหรือ