xs
xsm
sm
md
lg

“เพ็ญทีวี” อุทิศเวลาถ่ายสด “ปาหี่สัมมนา” หนุนแก้ รธน.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“เอ็นบีที” ถ่ายสดสัมมนาจัดฉาก หนุนแก้ รธน. “นักวิชาการรักทักษิณ” อ้าง รธน.ปี50 ก่อเกิดจากอำนาจเผด็จการ โดย “ก๊กอำนาจนิยมผสม” ให้อำนาจตุลาการคุกคามนักการเมือง สั่งยุบพรรคได้ตามอำเภอใจ เป็นอันตรายต่อประชานไทยที่สุด ด้านอดีตตุลาการเสียงข้าง“แม้ว”ในคดีซุกหุ้นภาค 1 อ้าง ส.ว.สรรหา ไม่ได้มาจากปวงชน แต่มีอำนาจปลดคนอื่น หนุนรื้อทิ้ง

วันนี้ (7 เม.ย.) เวลาประมาณ 16.00 น. สถานีโทรทัศน์ NBT ได้ทำการถ่ายทอดสดการสัมมนาเรื่อง “แก้ไขรัฐธรรมนูญปี 50 เพื่อใคร? ประชาชนได้อะไร?” โดยกลุ่มที่อ้างว่าเป็นชมรมพัฒนาสมาชิกวุฒิสภา 2543-2549 นำโดยนายสุชน ชาลีเครือ อดีตประธานวุฒิสภา ที่มีความใกล้ชิดกับพรรคไทยรักไทย และสหภาพครูแห่งชาติ ณ โรงแรม รามาการ์เด้นส์ โดยในงานสัมมนาดังกล่าว มีการแจ้งวัตถุประสงค์การสัมมนาครั้งนี้เอาไว้ว่า เพื่อเป็นการพูดคุยกับประชาชนว่า เพราะเหตุใดจึงต้องมีการแก้รัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตาม วิทยากรที่เข้าร่วมสัมมนาส่วนใหญ่ล้วนมาจากกลุ่มที่สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทั้งสิ้น

ศ.ดร.กระมล ทองธรรมชาติ อาจารย์มหาวิทยาลัยสยาม และอดีตตุลาการรัฐธรรมนูญที่ลงมติให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พ้นผิดในคดีซุกหุ้นภาคแรก กล่าวบนเวทีสัมมนาว่า เดิมตนเชื่อว่ารัฐธรรมนูญปี 2540 จะสามารถใช้ได้นาน เนื่องจากการร่างนั้นมาจากกระบวนการที่โปร่งใส ประชาชนมีส่วนร่วมในการยกร่างด้วยอย่างทั่วถึง แต่ท้ายที่สุดก็ถูกยกเลิกไปโดย การรัฐประหาร และมีการร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 ขึ้นมา ซึ่งตนมองว่ารัฐธรรมนูญ ปี50 นั้นยังไม่ถูกตามหลักการของระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ เห็นได้จากรัฐธรรมนูญปี50 ถึงแม้ว่าจะให้อำนาจวุฒิสภาทำหน้าที่ตรวจสอบ ส.ส.ได้เช่นเดียวกับรัฐธรรมนูญปี 40 แต่รัฐธรรมนูญปี 50 ไม่สามารถเรียกได้ว่าไม่มีอำนาจมาจากปวงชนอย่างแท้จริง เพราะมี ส.ว.ที่มาจากการสรรหา หรือจากการแต่งตั้งนั่นเอง ซึ่งเราก็รู้ดีว่า เมื่อมาจากการสรรหา ก็ไม่ได้มาจากอำนาจของปวงชน ตนจึงไม่เห็นด้วยที่จะให้อำนาจบุคคลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แล้วมามีอำนาจปลดคนที่มาจากการเลือกตั้ง ดังนั้นหากจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้ดีขึ้นอีก ตนจึงเชื่อว่าหากแก้รัฐธรรมนูญแล้วจะส่งผลดีขึ้นแน่ๆ และประชาชนก็จะได้ประโยชน์

ดร.กระมลยังเสนอว่ายังควรมีการแก้อีกหลายจุดหลายมาตรา ดังนั้น การแก้ควรมีการศึกษาทั้งฉบับเพราะข้อความในรัฐธรรมนูญหลายส่วนมีความเกี่ยวเนื่องกัน

ด้าน ดร.วรพล พรหมิกบุตร อาจารย์คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ยอมรับว่าตัวเองเป็น “อาจารย์รักทักษิณ” กล่าวว่า ตนเห็นด้วยอย่างยิ่งที่จะให้มีการแก้รัฐธรรมนูญ เนื่องจากรัฐธรรมนูญปี 50 ทำให้รัฐธรรมนูญมีความเป็นประชาธิปไตยน้อยลงไปมาก และสิ่งที่ผู้ร่างรัฐธรรมนูญกับผู้ที่มีอำนาจคุ้มครองผู้ร่างรัฐธรรมนูญจากการรัฐประหาร บอกว่าจะทำให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น แต่ร่างที่ออกมากลับเป็นประชาธิปไตยน้อยลงไปมาก เป็นการพูดอย่างทำอีกอย่าง

ดร.วรพล กล่าวต่อว่า สาเหตุที่ประชาชนควรจะร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็เพราะ สาระของรัฐธรรมนูญปี 50 มีบทบัญญัติที่กดขี่อำนาจอธิปไตยของปวงชนชาวไทยมากที่สุดฉบับหนึ่งในประวัติศาสตร์การร่างรัฐธรรมนูญของไทย เห็นได้จากอำนาจนิติบัญญัติของประชาชนถูกแบ่งออกไปใช้โดยกลุ่มที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง

เห็นได้จาก ที่มาของ ส.ว.ในรัฐธรรมนูญปี 2550 มีที่มาจากการสรรหา แต่งตั้งโดยอำนาจเผด็จการทหาร ถึงแม้จะใช้คำว่าสรรหา แต่ผู้ที่ทำหน้าที่ในการสรรหา ก็เป็นคนกลุ่มแคบ ๆ ที่ได้รับอำนาจพิเศษมาจากผู้ที่มีอำนาจเผด็จการทหาร เพราะฉะนั้นจะมีการส่งองค์กร พวกพ้องของตัวเองเข้ามา ดังนั้น ส.ว.สรรหาจึงถือเป็นการปล้นอำนาจประชาธิปไตยไปจากประชาชนโดยกฎหมาย ส.ว.ที่มาจากการสรรหา 74 คน เมื่อรวมกับ ส.ว.ที่มาจากการเลือกตั้งอีกไม่กี่คน ที่มีอำนาจเผด็จการผลักดันเข้ามาเป็น พร้อมที่จะตีรวน และค้านการบริหารประเทศของรัฐบาล

“องค์กรอิสระทั้ง 5 ที่ถูกตั้งขึ้นมาตามรัฐธรรมนูญปี50 อันได้แก่ กกต., ป.ป.ช. ,ศาลรัฐธรรมนูญ, คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน และคณะกรรมการตรวจการแผ่นดิน องค์กรเหล่านี้ ก่อตัวจากอำนาจเผด็จการ แล้วจึงค่อย ๆ มาสรรหาใหม่เพื่อให้ได้คนจากพวกพ้องของตนเองเข้าไป ซึ่งตอนนี้ก็ทำได้สำเร็จแล้ว ผมขอเรียกคนกลุ่มนี้ว่าเป็น “ก๊ก อำนาจนิยมผสม” ซึ่งคนกลุ่มนี้จะพยามใช้ช่องทางอำนาจรัฐประหารก่อน แล้วก็วางอำนาจทางกฎหมายส่งคนเข้ามา ซึ่งมหาวิทยาลัยของรัฐทุกแห่ง มีคนของก๊กนี้รวมอยู่ด้วย และสมาชิกก๊กนี้ก็เคยร่วมร่างรัฐธรรมนูญด้วย แต่พอตอนนี้จะมีการแก้ ก็ดาหน้าออกมาต่อต้านว่าไม่ต้องการให้แก้ อีกทั้งยังส่งข้อมูลบอกสื่อต่าง ๆ เพื่อเบี่ยงเบนประเด็นให้ประชาชนเข้าใจผิด”

ดร.วรพลกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ รัฐธรรมนูญปี 50 ยังแทรกแซงอำนาจตุลาการ ด้วยการนำเอาคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ ที่ได้รับต่างตั้งมาจาก คมช. เข้ามาทำงาน เห็นได้จากการยุบพรรคไทยรักไทย ที่มีการวินิจฉัยออกมาขัดต่อหลักนิติธรรม อำนาจศาลรัฐธรรมนูญ สามารถจะคุกคามนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งได้โดยร่วมมือกับ กกต. ในการออกคำสั่งยุบพรรคตามอำเภอใจได้ตลอดเวลา รัฐธรรมนูญฉบับนี้จึงเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อประชาชนไทยที่สุด เท่าที่เคยเขียนมาในประเทศไทย และเป็นรัฐธรรมนูญที่ประชาคมโลกจะปฏิเสธมากที่สุดฉบับหนึ่ง

“ดังนั้น ประชาชนควรช่วยรัฐบาลในการแก้รัฐธรรมนูญ ประชาชนควรจะเป็นหลักพิงให้กับนักการเมืองที่ตั้งใจแก้ไขให้รัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง” ดร.วรพล กล่าว
ดร.วรพล พรหมิกบุตร อาจารย์คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่ง NBT ขึ้นตำแหน่งผิดเป็นอาจารย์คณะรัฐศาสตร์
กำลังโหลดความคิดเห็น