“พลังแม้ว” สมุทรปราการ อ้างเห็นเหตุการณ์ ยัน “การุณ” ส.ส.มารยาทดี อ่อนน้อมถ่อมตน ไหว้รุ่นพี่ทุกครั้ง ขู่ฟ่อ “สมเกียรติ” พูดจาท้าทาย ทำผิด รธน.มาตรา 68 พร้อมเข้าชื่อถอดถอน
วันนี้ (3 เม.ย.) ที่รัฐสภา นายประเสิรฐ ชัยกิจเด่นนภาลัย ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชาชน กล่าวถึงกรณีที่ นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.ระบบสัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า ถูก นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม.พรรคพลังประชาชน ทำร้ายร่างกายว่า เรื่องนี้พรรคประชาธิปัตย์ให้ข่าวกับสื่อมวลชนในทางที่ทำให้เข้าใจได้ว่า นายการุณ ทำผิด ตนเป็นหนึ่งในบุคคลที่เห็นเหตุการณ์ ยืนยันว่า นายการุณ ไม่มีพฤติกรรมอย่างที่ถูกกล่าวหา นายการุณ เป็นส.ส.ของพรรคที่มีมารยาทดี อ่อนน้อม ถ่อมตน ยกมือไหว้ ส.ส.รุ่นพี่ทุกครั้ง อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมพูดจาท้าทายของนายสมเกียรติกลางที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรนั้น ทำให้เห็นว่า นายสมเกียรติน่าจะไม่มีคุณสมบัติของความเป็น ส.ส.ดังนั้น ตั้งแต่วันนี้ตนและเพื่อน ส.ส.ของพรรคพลังประชาชนจะจับตาดูพฤติกรรมของนายสมเกียรติ ว่า เข้าข่ายผิดมาตรา 68 ตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ หากมีพฤติกรรมเข้าข่ายก็จะล่าชื่อ ส.ส.เพื่อยื่นถอดถอนนายสมเกียรติจากการเป็น ส.ส.ทันที
“เหตุการณ์ที่ พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ อดีต ส.ว.กทม.ชกนายอดุลย์ วันไชยธนวงศ์ ส.ว.แม่ฮ่องสอน ตอนปี พ.ศ.2547 ไม่เห็นพรรคประชาธิปัตย์จะทำอะไร ทั้งๆ ที่ พล.ต.อ.ประทินอีกฐานะหนึ่ง ก็คือ คนของกลุ่มพันธมิตรฯ ก็ยังแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก แต่กรณีของคุณสมเกียรติผมก็ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี” นายประเสริฐ กล่าว
อย่างไรก็ตาม กรณีที่ นายประเสริฐ อ้างว่า เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ไม่สอดคล้องกับการชี้แจงของนายการุณในสภาเมื่อวานนี้ที่บอกว่าในที่เกิดเหตุ 99 เปอร์เซ็นต์ มีแต่ ส.ส.ประชาธิปัตย์
สำหรับข้อกล่าวหาที่ว่านายสมเกียรติจะทำผิดรัฐธรรมนูญมาตรา 68 หรือไม่นั้น มาตราดังกล่าวระบุว่า "บุคคลจะใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญนี้ หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้ มิได้
ในกรณีที่บุคคลหรือพรรคการเมืองใดกระทำการตามวรรคหนึ่ง ผู้ทราบการกระทำดังกล่าวย่อมมีสิทธิเสนอเรื่องให้อัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริงและยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้เลิกการกระทำดังกล่าว แต่ทั้งนี้ ไม่กระทบกระเทือนการดำเนินคดีอาญาต่อผู้กระทำการดังกล่าว
ในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้พรรคการเมืองใดเลิกกระทำการตามวรรคสองศาลรัฐธรรมนูญอาจสั่งยุบพรรคการเมืองดังกล่าวได้
ในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยุบพรรคการเมืองตามวรรคสาม ให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของหัวหน้าพรรคการเมืองและกรรมการบริหารของพรรคการเมืองที่ถูกยุบในขณะที่กระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นระยะเวลาห้าปีนับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งดังกล่าว