“เทพไท” สวดยับ “หมัก” โพล่ง “แผนปฏิวัติ” ต้องรับผิดชอบต่อคำพูดหากกระทบต่อการลงทุนของต่างชาติ ด้าน “สมเกียรติ” เย้ยเร่งควานหาตัว “ไอ้โม่ง” ให้ได้ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นเด็กเลี้ยงแกะ หยันแค่แก้เกมการเมืองสู้กลุ่มพันธมิตรฯ
วานนี้ (29 มี.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ออกมาเปิดเผยถึงการวางแผนก่อรัฐประหารว่า นายกฯ จะต้องรับผิดชอบต่อคำพูดของตนเองในเรื่องนี้ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญของบ้านเมือง โดยทางกฎหมายแล้วผู้ที่คิดจะล้มล้างระบอบประชาธิปไตย มีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต ดังนั้นจะต้องรับผิดชอบด้วยการดำเนินการหาคนที่กระทำความผิด และคิดร้ายต่อระบอบประชาธิปไตยมาลงโทษให้ได้ มิเช่นนั้นแล้วจะถูกกล่าวหาได้ว่ากระทำผิดมาตรา 157 คือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
“หากนายกฯ มั่นใจในข้อมูลที่ได้รับก็ควรจะตีแผ่ให้สาธารณชนได้รับทราบ แต่สำหรับกรณีนี้ ผมไม่มั่นใจข้อมูลที่นายกฯ เพราะเป็นเพียงแผ่นใบปลิวแผ่นเดียว แล้วนำมากล่าวอ้างต่อสังคม อาจจะทำให้สังคมขาดความน่าเชื่อถือต่อนายกฯ และจะถูกขนานนามว่าเป็นเด็กเลี้ยงแกะได้ สิ่งเหล่านี้นายกฯ จะต้องระมัดระวังในการที่จะเสนอข้อมูลซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เพราะกระทบต่อการลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการปฏิวัติ รัฐประหาร มีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของชาติมากกว่าเรื่องอื่นๆ ส่วนที่รัฐบาลพยายามกล่าวอ้าง เช่น การแก้รัฐธรรมนูญที่อ้างว่า ถ้าไม่แก้รัฐธรรมนูญแล้วจะทำให้ระบบเศรษฐกิจเสียหายตามที่ รมว.คลัง อ้าง” นายเทพไทย กล่าว
ส่วนสิ่งที่สำคัญไปกว่าเรื่องการปฏิวัติรัฐประหารนั้น นายเทพไท กล่าวว่า ก็คือการลงทุน เพราะต่างชาติให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก เมื่อนายกฯ พูดเรื่องนี้แล้ว จะต้องกระทบต่อการลงทุนของต่างชาติอย่างแน่นอน ดังนั้นนายกฯ จะต้องทำเรื่องนี้ให้ความจริงได้ปรากฏเพื่อเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมาให้ได้
นายเทพไท ยังกล่าวถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย เสนอขอเปลี่ยนตัว รมช.มหาดไทย เพื่อให้มารับผิดชอบแก้ปัญหาภาคใต้ว่า เรื่องนี้เป็นข้อเสนอที่ ร.ต.อ.เฉลิม สามารถเสนอได้ แต่จะต้องรู้ว่าคนที่ปรับ ครม.ที่แท้จริงได้นั้น อำนาจอยู่ที่นายกฯ เพียงคนเดียว และสิ่งที่ ร.ต.อ.เฉลิม เสนอขอเปลี่ยนตัว มท. 3 อาจเพราะต้องการที่จะหาแพะมาบูชายัน หรือหาคนรับผิดชอบแทนในกรณีเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จ.ชายแดนภาคใต้ ซึ่ง ร.ต.อ.เฉลิม ยอมรับความจริงว่าไม่มีความสามารถที่จะแก้ปัญหาได้ อีกทั้งยังไม่กล้าที่จะไปเผชิญกับความเป็นจริงในพื้นที่ กลับเดินทางไปเพียงแค่ จ.สงขลา
“วันนี้สถานะ และขีดความสามารถของ ร.ต.อ.เฉลิม ยังไม่เหมาะสมที่จะเป็น รมว.มหาดไทย เพราะมีความสามารถเป็นได้แค่เพียง มท.6 เท่านั้น ฉะนั้นจึงอยากจะให้ ร.ต.อ.เฉลิม ไปศึกษาหารือในการปรับ ครม.กับนายกฯ ซึ่งมีอำนาจที่แท้จริงก่อน ไม่ใช่เพียงแค่ปล่อยข่าว และสร้างกระแสข่าวไปเพียงวันๆ เพื่อที่จะกลบเกลื่อนสถานการณ์อะไรบางอย่าง” นายเทพไท กล่าว
ด้าน นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงกรณีเดียวกันว่า ขอเรียกร้องให้นายกฯ เร่งดำเนินการหาตัวผู้กระทำผิดที่คิดล้มล้างรัฐบาลด้วยการปฏิวัติ เพราะไม่เช่นนั้นแล้วอาจเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญในมาตรา 68 ได้ โดยทั้งอาจจะถูกสังคมมองว่าเป็นนายกฯ เลี้ยงแกะ เนื่องจากทราบข้อมูลอยู่แล้วแต่ไม่ดำเนินการ
“ผมมองว่าการออกมาเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวของนายกฯ เป็นเพียงการแก้เกมการเมืองภายหลังจากกลุ่มพันธมิตรฯ ออกมาเคลื่อนไหวเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่ากลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ได้เป็นชนวนของการปฏิวัติ ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นสามารถดำเนินการได้ แต่การแก้ไขมาตรา 237 และมาตรา 309 นั้นเป็นการปัดกระบวนการยุติธรรมก่อนที่จะไปถึงศาล” นายสมเกียรติ กล่าว