xs
xsm
sm
md
lg

ถ้าไม่แก้ รธน. เพื่อตัวเอง : แล้วสมัครจะตายหรือเปล่า?

เผยแพร่:   โดย: ราวี เวียงพยัคฆ์

รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันใช้มายังไม่ถึงปีเลยครับ เสียงกระหึ่มจากพรรคพลังประชาชนก็ดังขึ้น เป็นเสียงดังที่จะขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งหลายทั้งปวงก็เพื่อความอยู่รอดของพรรคร่วมรัฐบาล 3 พรรคที่กำลังมีปัญหาอยู่ขณะนี้

ทั้ง 3 พรรคคือ พรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย

บทบัญญัติมาตรา 237 ของรัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นปัญหาอย่างยิ่งสำหรับ 3 พรรค เพราะบทบัญญัติมาตรานี้เขียนไว้ว่า

ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ใดกระทำการก่อหรือสนับสนุนให้ผู้อื่นกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. หรือระเบียบหรือประกาศของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งมีผลทำให้การเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ให้เพิกถอนสิทธิการเลือกตั้งของบุคคลดังกล่าวตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว.

ถ้าการกระทำของบุคคลตามวรรคหนึ่งปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า หัวหน้าพรรคการเมือง หรือกรรมการบริหารของพรรคการเมืองผู้ใดมีส่วนรู้เห็น หรือปล่อยปละละเลย หรือทราบถึงการกระทำนั้นแล้วมิได้ยับยั้ง หรือแก้ไขเพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมให้ถือว่า พรรคการเมืองนั้นกระทำการเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองโดยวิธีการ ซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่ได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้ ตามมาตรา 68 และในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ยุบพรรคการเมืองนั้น ให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของหัวหน้าพรรคการเมือง และกรรมการบริหารของพรรคการเมืองดังกล่าว มีกำหนดเวลา 5 ปี นับแต่วันที่มีคำสั่งให้ยุบพรรคการเมือง

พรรคการเมืองทั้ง 3 คือ พรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย มีปัญหากับกฎหมายรัฐธรรมนูญมาตรานี้ เนื่องจาก

1. พรรคพลังประชาชน นายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคถูกคณะกรรมการการเลือกตั้งให้ใบแดง และส่งเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งพิจารณา

2. พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย กรรมการบริหารพรรคทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง คณะกรรมการการเลือกตั้งให้ใบแดงไปเรียบร้อยแล้ว (ก่อนการประกาศผลเลือกตั้ง จึงไม่ต้องส่งเรื่องให้ศาลพิจารณาอีกที)

ปัญหาของพรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย ไม่มีทางจะพิจารณาเป็นอย่างอื่นได้ เพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 237 เขียนไว้ว่า

ถ้าการกระทำของบุคคลตามวรรคหนึ่ง ปรากฏหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า หัวหน้าพรรคการเมืองหรือกรรมการบริหารของพรรคการเมืองผู้ใดมีส่วนรู้เห็น หรือปล่อยปละละเลย หรือทราบถึงการกระทำนั้นแล้วมิได้ยับยั้ง หรือแก้ไขเพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริต เที่ยงธรรม ให้ถือว่าพรรคการเมืองนั้น กระทำการเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครอง โดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้ ตามมาตรา 68

เพราะผู้ที่ทำความผิดเป็นกรรมการบริหารพรรค

และความผิดนั้น คณะกรรมการการเลือกตั้งพิจารณาแล้ว มีมติชัดเจนแล้วในการให้ใบแดง

สำหรับกรณีของนายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน การพิจารณาของคณะกรรมการการเลือกตั้งเกิดขึ้นหลังประกาศผลการเลือกตั้งไปแล้ว จึงต้องให้ศาลพิจารณาชี้ขาด

ซึ่งถ้าหากศาลเห็นว่า กระทำความผิดจริงเรื่องก็จะต้องลงเอยเช่นเดียวกัน ไม่มีทางที่จะพิจารณาเป็นอย่างอื่น เพราะกฎหมายเขียนไว้ชัดเจนอย่างนั้น

แม้ว่านางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้งคนหนึ่งได้ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า การเลือกตั้งใหม่ หรือการเลือกตั้งซ้ำจะทำให้เสียงบประมาณ ก็ไม่มีทางที่จะพิจารณาเป็นอย่างอื่นได้

เช่นเดียวกับที่ผู้พิพากษาตัดสินคนผิด จำคุก หรือประหารชีวิต จะมาเสียดายงบประมาณที่ต้องเลี้ยงนักโทษที่ติดคุก หรือสงสารไม่อยากฆ่าสัตว์ตัดชีวิตไม่ได้ ถ้าหากความผิดนั้นสืบสวนสอบพยานแล้ว ความผิดติดคุกก็ต้องให้จำคุก ความผิดต้องประหารก็ต้องประหาร

จะเสียดายงบประมาณที่ต้องสร้างคุก จ้างพนักงาน จ้างค่าราชการ รวมทั้งงบประมาณในการซื้อข้าว ซื้อผักเลี้ยงคนคุกไม่ได้
หรือโทษสมควรที่จะต้องประหาร ก็จะใจอ่อนไม่ได้

มาตรา 237 ของรัฐธรรมนูญเขียนเอาไว้ชัดเจน เปิดเผย และบังคับใช้กับทุกพรรคการเมือง ไม่ได้มียกเว้นสำหรับพรรคการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่งโดยเฉพาะ

หรือจะบอกว่า คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ตลอดจนสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ รวมทั้งเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนที่ลงมติรับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ มีเจตนาที่จะเล่นงานพรรคการเมืองพรรคใดพรรคหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พรรคพลังประชาชนที่มีนายสมัคร สุนทรเวช เป็นหัวหน้าพรรค (หุ่น) เห็นจะไม่ได้

ทุกพรรคการเมืองที่ส่งสมาชิกพรรคลงสมัครรับเลือกตั้ง รู้และเข้าใจบทบัญญัติข้อนี้อย่างชัดเจนอยู่แล้ว

การปล่อยปละละเลย หรือทราบถึงการกระทำแล้วมิได้ยับยั้ง หรือแก้ไขเพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม ให้ถือว่าพรรคการเมืองนั้นกระทำการเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองโดยวิธีการ ซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ

สมาชิกพรรคทั่วไปทำผิด ถ้าหากกรรมการบริหารพรรคไม่มีส่วนรู้เห็น บทบัญญัติของกฎหมายก็ให้เอาผิดเฉพาะคนที่ทำความผิด แต่สำหรับผู้ที่เป็นกรรมการบริหารพรรคกระทำความผิด รัฐธรรมนูญกำหนดโทษไว้รุนแรง ก็เพราะการกระทำของกรรมการบริหารพรรคมีผลต่อพรรค ถ้าทำความผิดสำเร็จ จับไม่ได้ ไล่ไม่ทัน มีผลต่อคะแนนเสียงของพรรค มีผลต่อการได้อำนาจรัฐ

เจตนารมณ์ของบทบัญญัติดังกล่าวก็เพื่อให้การเมืองใสสะอาด เที่ยงธรรม ตรงไปตรงมา

เช่นเดียวกับที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้มีคณะกรรมการการเลือกตั้ง ก็เพื่อที่จะให้คณะกรรมการดังกล่าวนี้มาจัดการเลือกตั้งให้สะอาด บริสุทธิ์ ยุติธรรม

เพราะในช่วง 2-3 ทศวรรษที่ผ่านมา เราได้เห็นชัดเจนแล้วว่า นักเลือกตั้งอาศัยการเลือกตั้งเข้าสู่อำนาจทางการเมือง นั่นก็คือทำทุกอย่างเพื่อชนะการเลือกตั้ง มีการซื้อสิทธิ ขายเสียงกันอย่างโจ๋งครึ่ม มีการลงทุนกันอย่างมหาศาล เพื่อชนะการเลือกตั้ง แล้วก็ได้อำนาจรัฐ เมื่อได้อำนาจรัฐแล้ว ก็ถอนทุนคืนโดยการคอร์รัปชันจากโครงการต่างๆ ทั้งขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ หรือไม่ก็ทุจริตในเชิงนโยบาย

เราจะเห็นว่าช่วง 2-3 ทศวรรษที่ผ่านมา เมื่อมีการแสดงบัญชีทรัพย์สินของนักการเมือง ส่วนใหญ่ก็จะร่ำรวยมหาศาล 10 ล้านบาท 20 ล้านบาท หรือหลายร้อยหลายพันล้านบาท

ฐานะของนักการเมืองส่วนใหญ่ต่างมั่งคั่งมั่นคง ต่างไปจากคนส่วนใหญ่ ต่างไปจากชาวไร่ชาวนา ต่างไปจากปัญญาชนทั้งหลายที่ซื่อสัตย์สุจริต

ความพยายามที่จะให้การเลือกตั้งสะอาด บริสุทธิ์ เป็นความพยายามของทั้งคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญปี 2540 และรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน เพื่อจะป้องกันกลั่นกรองนักการเมืองให้เป็นผู้ที่สะอาดบริสุทธิ์จากการเลือกตั้ง (เป็นด่านแรก) และด่านอื่นๆ อีก เป็นต้นว่า การแสดงบัญชีทรัพย์สิน การมีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ฯลฯ

พรรคการเมืองมีกรรมการบริหารพรรคกระทำความผิดขึ้นแล้ว การขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 237 ก็เพื่อจะหนีความผิด เพื่อให้กรรมการบริหารพรรคคนอื่นๆ รอดพ้นจากการถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี

นายสมัคร สุนทรเวช และนายกรัฐมนตรีหุ่นบอกว่า ถ้าหากลงโทษ 3 พรรคการเมือง (ที่กรรมการบริหารพรรคกระทำความผิด) ก็จะเป็นการทำร้ายประเทศไทย นั่นเป็นการพูดเอาแต่ได้ของนายสมัคร สุนทรเวช

การลงโทษคนชั่ว คนเลวที่ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง จะเป็นการทำร้ายประเทศไทยตรงไหน มีแต่จะทำให้ประเทศชาติดีขึ้น สะอาดสะอ้านขึ้นเท่านั้น

หรือว่านายสมัคร สุนทรเวช จะตาย หรือกรรมการบริหารพรรคคนอื่นก็จะตาย ถ้ามีการปฏิบัติตามตัวบทกฎหมาย
กำลังโหลดความคิดเห็น