น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าววันนี้ (22 มี.ค.) ในรายการเมืองไทยสุดสัปดาห์ ทางคลื่นวิทยุ 98.0 เมกกะเฮิรตซ์ ถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 237 ที่เกี่ยวกับการยุบพรรคว่า สะท้อนให้เห็นความนึกคิดของนักการเมืองที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว ส่วนพวก ส่วนพรรคของตนเป็นใหญ่ การเขียนรัฐธรรมนูญเรื่องการยุบพรรค หากไม่มีการไปทำผิด ทำตามกติกา อ่านให้เข้าใจ รัฐธรรมนูญให้ยุบพรรค เพื่อให้เกิดความหวาดกลัว เกรงกลัวการกระทำผิด หากนักการเมืองพรรคไหนไม่กระทำผิด ตนเห็นว่าไม่ควรจะเดือดร้อน
น.ต.ประสงค์ กล่าวอีกว่า เหมือนคณะรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบร่วมกันในสิ่งที่กำหนดออกไป พรรคการเมือง กรรมการบริหารพรรค มีอำนาจหน้าที่ไม่เหมือนสมาชิกพรรคทั่วไป กรรมการบริหารพรรคกำหนดทิศทาง กำหนดนโยบาย ส่งใครลงไม่ลงเลือกตั้ง ถือเป็นความรับผิดชอบร่วมกัน หากบอกว่า การกระทำผิดเป็นความผิดเฉพาะตัวบุคคล ก็ควรไปเป็นส.ส.ธรรมดาและว่า หากมีการทุจริต ถูกจับได้ ก็ต้องเป็นไปตามกติกา หากเขียนกติกาแล้วไม่เคารพ บ้านเมืองก็อยู่กันไม่ได้
อดีตประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า เป็นเวรกรรมที่บ้านเมืองนี้ มีนักการเมืองประเภทนี้อยู่ ไม่ใช่เวรกรรมของประเทศกรณียุบพรรค หากพรรคการเมืองไม่ดี พรรคทำความเสียหาย ไม่เคารพกฎเกณฑ์ ตนคิดว่า ยุบไปเสียได้ก็ดี พรรคที่ทำถูกต้องชอบธรรมในระบอบประชาธิปไตย ไปยุบได้อย่างไร ควรส่งเสริมสนับสนุน
ทั้งนี้ น.ต.ประสงค์ กล่าวถึงกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์เปรียบการยุบพรรคการเมือง เหมือนเป็นการทำให้ประเทศนี้ตาย ว่า เป็นการเปรียบเทียบที่ทุเรศ เอาพรรคไปเปรียบเทียบกับประเทศได้อย่างไร พรรคการเมืองไม่ใช่ประเทศ แต่เป็นกลุ่มการเมืองที่เข้ามาทำการเมือง อย่าไปยกตัวเสมอ ว่า พรรคของตัวเหมือนประเทศชาติ เป็นคำเปรียบเทียบที่ไม่ถูก
ส่วนการยุบพรรคการเมืองทำให้ความเชื่อมั่นจากนักลงทุนต่างประเทศลดลง นั้น น.ต.ประสงค์ กล่าวว่า การเมืองนิ่งหรือไม่นิ่ง อยู่ที่นักการเมือง นักการเมืองมีหน้าที่ทำให้พรรคการเมืองโปร่งใส บริหารประเทศแบบธรรมาภิบาล เคารพนิติธรรม นิติรัฐ โยงการเมืองไม่นิ่ง เศรษฐกิจไม่ดี เพราะพวกคุณไม่นิ่งกันเอง อ้างอย่างนั้นไม่ได้ คาดไม่ถึง คนที่ก้าวมาถึงระดับตำแหน่งอย่างนี้แล้ว จะนึกถึงตัวเองเป็นเรื่องใหญ่ จับเศรษฐกิจมาเป็นตัวประกัน จับประเทศชาติมาเป็นตัวประกัน คนเหล่านี้หากไม่เปลี่ยนนิสัย พฤติกรรม ควรไปประกอบอาชีพอื่น
น.ต.ประสงค์ กล่าวอีกว่า เหมือนคณะรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบร่วมกันในสิ่งที่กำหนดออกไป พรรคการเมือง กรรมการบริหารพรรค มีอำนาจหน้าที่ไม่เหมือนสมาชิกพรรคทั่วไป กรรมการบริหารพรรคกำหนดทิศทาง กำหนดนโยบาย ส่งใครลงไม่ลงเลือกตั้ง ถือเป็นความรับผิดชอบร่วมกัน หากบอกว่า การกระทำผิดเป็นความผิดเฉพาะตัวบุคคล ก็ควรไปเป็นส.ส.ธรรมดาและว่า หากมีการทุจริต ถูกจับได้ ก็ต้องเป็นไปตามกติกา หากเขียนกติกาแล้วไม่เคารพ บ้านเมืองก็อยู่กันไม่ได้
อดีตประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า เป็นเวรกรรมที่บ้านเมืองนี้ มีนักการเมืองประเภทนี้อยู่ ไม่ใช่เวรกรรมของประเทศกรณียุบพรรค หากพรรคการเมืองไม่ดี พรรคทำความเสียหาย ไม่เคารพกฎเกณฑ์ ตนคิดว่า ยุบไปเสียได้ก็ดี พรรคที่ทำถูกต้องชอบธรรมในระบอบประชาธิปไตย ไปยุบได้อย่างไร ควรส่งเสริมสนับสนุน
ทั้งนี้ น.ต.ประสงค์ กล่าวถึงกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์เปรียบการยุบพรรคการเมือง เหมือนเป็นการทำให้ประเทศนี้ตาย ว่า เป็นการเปรียบเทียบที่ทุเรศ เอาพรรคไปเปรียบเทียบกับประเทศได้อย่างไร พรรคการเมืองไม่ใช่ประเทศ แต่เป็นกลุ่มการเมืองที่เข้ามาทำการเมือง อย่าไปยกตัวเสมอ ว่า พรรคของตัวเหมือนประเทศชาติ เป็นคำเปรียบเทียบที่ไม่ถูก
ส่วนการยุบพรรคการเมืองทำให้ความเชื่อมั่นจากนักลงทุนต่างประเทศลดลง นั้น น.ต.ประสงค์ กล่าวว่า การเมืองนิ่งหรือไม่นิ่ง อยู่ที่นักการเมือง นักการเมืองมีหน้าที่ทำให้พรรคการเมืองโปร่งใส บริหารประเทศแบบธรรมาภิบาล เคารพนิติธรรม นิติรัฐ โยงการเมืองไม่นิ่ง เศรษฐกิจไม่ดี เพราะพวกคุณไม่นิ่งกันเอง อ้างอย่างนั้นไม่ได้ คาดไม่ถึง คนที่ก้าวมาถึงระดับตำแหน่งอย่างนี้แล้ว จะนึกถึงตัวเองเป็นเรื่องใหญ่ จับเศรษฐกิจมาเป็นตัวประกัน จับประเทศชาติมาเป็นตัวประกัน คนเหล่านี้หากไม่เปลี่ยนนิสัย พฤติกรรม ควรไปประกอบอาชีพอื่น